Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2069 ซือหนาน!
หวังหลินเคารพต่อการตัดสินใจของเหลียนต้าวเฟย ทุกคนต่างก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง หวังหลินเข้าใจเรื่องนี้ดี
เขาไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินเรื่องความรับผิดชอบของเหลียนต้าวเฟย ในฐานะสหาย สิ่งที่เขาทำได้คือการปลุกเหลียนต้าวเฟยเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ต้องทำต่อไป หวังหลินไม่จำเป็นต้องแทรกแซง
หวังหลินเองก็มีเส้นทางที่ต้องเดินไปเช่นกัน เขาต้องการกลับโลกถ้ำ กลับไปดาวซูซาคุ กลับไปยังที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา
‘บางทีครั้งหน้าข้าคงได้เจอเหลียนต้าวเฟยในอีกสามร้อยปีต่อจากนี้…’ หวังหลินก้าวเดินออกไปไกล แม้เขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดาราแต่ก็ยังมีหลายอย่างที่เขาสงสัยเช่นเรื่องแดนเทพบรรพกาล เทียนหยุนและการชุบชีวิตหวานเอ๋อร์
หวังหลินก้าวเดินอยู่ใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่และรู้สึกสงสัย เขาไม่รู้ว่าสหายเก่าที่เขาตามหานั้นต้องการให้ฟื้นคืนความทรงจำหรือกลับไปโลกถ้ำด้วยหรือไม่
“บางทีการลืมอดีตและเริ่มต้นใหม่บนแผ่นดินเซียนดาราอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด…” หวังหลินพึมพำพลางคิดถึงโจวลี่ นั่นคือสิ่งที่นางเลือก
“ข้าไม่สามารถใช้ความคิดของข้าไปตัดสินตัวเลือกของแต่ละคนได้” หวังหลินถอนหายใจพลางก้าวเดินต่อไป ที่แห่งนั้นคือทิศที่ซือถูหนานอยู่
เมืองหวู่ซวนเป็นเมืองธรรมดาที่อยู่ในแคว้นขี้ผึ้งสวรรค์ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของแคว้นกลาง ในแคว้นแห่งนี้มีอยู่สี่เมืองและมีความบาดหมางกันตลอดทั้งปี แม้จะไม่มีสงครามครั้งใหญ่แต่บริเวณชายแดนมีการต่อสู้ขนาดเล็กขึ้นหลายแห่ง
อย่างไรก็ตามทั้งสี่เมืองยังอยู่ภายใต้การควบคุม ดังนั้นการรบจึงไม่เคยขยายกว้างมากเกินกว่าที่จะควบคุมได้
ณ ชายแดนของเมืองหวู่ซวนและโจวหลิง มีเหล่าทหารจำนวนมากประจำการอยู่ที่นี่ ในค่ายมีทหารมากมายมหาศาลและมีผู้คนแน่นหนา จิตสังหารรุนแรงคละคลุ้งไปทั่วอากาศ
ตรงประตูค่าย เหล่าทหารนับพันกำลังตั้งขบวนแนวราบ แม่ทัพและกองประจำการต่างก็มองออกไปราวกับรอคอยอะไรบางอย่าง
จากนั้นไม่นานมีเสียงม้าวิ่งไปตามถนนสายหลัก ม้าสีดำตัวหนึ่งทะยานตรงมาดุจสายลม ข้ามผ่านทหารหลายพันคนก่อนจะหยุดลงตรงหน้าเหล่าแม่ทัพ ม้าศึกส่งเสียงคึกคะนองและยกกีบเท้าลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นคนผู้หนึ่งก้าวลงมาจากอาชา
เขาสวมชุดเกราะ คุกเข่าลงหนึ่งข้างและคำนับฝ่ามือ
“รายงาน!”
“กลุ่มของราชาหนานตอนนี้อยู่ห่างออกไปห้าสิบลี้!” ทหารรายงานเสียงดัง จากนั้นก้มศีรษะลงรอฟังคำสั่ง
ในกลุ่มมีชายชราเปล่งแรงกดดันที่ไม่มีความโกรธเกรี้ยว เขาอยู่ใจกลางกลุ่มและรีบพูดขึ้นมา “สอดแนมต่อไป! แนวหน้ารอต้อนรับกลุ่มของราชาหนาน!”
หลังจากเขาพูดจบ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งรีบก้าวออกมาคำนับฝ่ามือให้ชายชรา เขาจากไปพร้อมกับเหล่าทหารนับหมื่นในค่าย ทำให้เกิดฝุ่นตลบอบอวล
ทางด้านข้างแม่ทัพชรา พลทหารนายหนึ่งก้าวออกมาและพูดขึ้น “ท่านแม่ทัพ ราชาหนานเหมือนจะมา…ด้วยเจตนาร้าย”
“ลือกันว่าราชาหนานชอบเล่นสนุกและทำอะไรสิ้นเปลืองมาก เพียงแค่เขาผ่านก็ทำให้เกือบทุกคนหวาดกลัวแล้ว”
“ข้าได้ยินมาว่าราชาหนานมีภรรยามากมายและสร้างวังให้พวกนางจำนวนมาก ลือกันอีกว่าเขามีมากกว่าของจักร…” คนที่พูดขึ้นเกิดความลังเลและไม่พูดให้จบ
แม่ทัพชรายังคงขบคิดราวกับไม่ได้ยินคำพูดของคนใกล้ตัว เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นแต่มีแววตาเป็นประกายเย็นเยียบ ความเย็นเยียบนี้ทำให้เกิดเป็นกลิ่นอายทรงพลังอยู่รอบตัว
ในฐานะยอดแม่ทัพ การควบคุมทหารเกือบครึ่งล้านโดยที่แต่ละคนไม่ได้จงรักภักดีมาก่อนได้ทำให้เกิดความไม่พอใจระหว่างกัน หากไม่ใช่เพราะเมืองหวู่ซวนจำเป็นต้องมีแม่ทัพไร้เทียมทานแบบเขา เขาคงเกษียณไปนานแล้ว
“ลือกันว่าราชาหนานเป็นคนโอหังยิ่งและห่วงเรื่องหน้าตาเป็นอย่างมาก ถ้าเหล่าคนต้อนรับไม่มีขนาดใหญ่พอ เขาอาจจะไม่ปลื้ม…ท่านแม่ทัพ เราควรส่งคนไปเพิ่มอีกดีหรือไม่…”
“ท่านแม่ทัพ ผู้น้อยเองก็รู้สึกว่าเราควรส่งคนไปต้อนรับเขาให้มากขึ้น ในเมื่อราชาหนานชอบความอลังการ เช่นนั้นเราควรส่งคนไปต้อนรับเขาอีกสักแสนนาย ให้เขาได้เห็นอำนาจกองทัพของเรา!”
“ท่านแม่ทัพไม่จำเป็นต้องลังเล ราชาหนานเป็นคนน่ารังเกียจอยู่แล้วและมุ่งเป้ามาที่ท่านแม่ทัพ คนเช่นนี้ เราควรจะ…”
แม่ทัพชราขมวดคิ้วและยกแขนขึ้น ทุกคนเงียบลงและมองมาที่เขา ดูเหมือนว่าเกียรติศักดิ์ศรีของเขาในกองทัพไม่สามารถยอมให้คนอื่นเข้ามาแทนที่ได้
“ทหารข้าล้วนเป็นผู้กล้าที่รอดชีวิตภายใต้คมดาบคมมีดมาหลายสิบปี ข้าไม่ยอมใช้พวกเขาไปต้อนรับราชาหนานหรอก รวมได้พันคนและมีข้าอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว!” คำพูดของแม่ทัพชราเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและไม่มีอะไรมาเป็นอุปสรรคได้
ขณะที่เขาพูดขึ้น ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดพลางคำนับฝ่ามือรับทราบ
ห่างออกไปพันลี้ รถม้าหรูหรายาวถึงร้อยฟุตกำลังเคลื่อนอยู่บนถนนพร้อมขบวนรถม้าที่มีความยาวเกือบหนึ่งลี้ บริเวณรอบรถม้ามีจอมยุทธ์สวมเสื้อผ้าธรรมดาอยู่มากมาย
เสียงเพลงดังออกมาจากรถม้ายาวร้อยฟุต ระหว่างนั้นมีเสียงหญิงสาวหัวเราะและดูรื่นเริง
“ดีมาก ดีดี เต้นเข้าไป ราชาผู้นี้จะตบรางวัลให้เจ้า!” น้ำเสียงบุรุษผู้หนึ่งลอดผ่านเสียงหัวเราะ ดูเหมือนมีเสียงครางเบาๆ ดังออกมาจากรถม้าด้วยเช่นกัน
องครักษ์รอบด้านคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้มานานและไม่สนใจอะไรเลย
หลังจากรถม้าเคลื่อนผ่านไปได้ไม่กี่ลี้ ผู้เยาว์ชุดสีฟ้านั่งข้างรถม้าพลันส่งเสียงร้องแหลม
“ราชาหนานมีคำสั่งให้เราหยุดขบวน!”
เพียงเขาพูดดังกึกก้อง ขบวนรถม้ายาวเหยียดค่อยๆ หยุดลง สาวงามทั้งหมดก้าวเดินออกมาข้างหน้ารถม้า เสื้อผ้าแต่ละคนยุ่งเหยิงและเห็นชัดว่าเพิ่งสวมใส่เมื่อครู่ ทั้งหมดก้าวเดินไปหลังรถม้าด้วยความอ่อนเพลีย
นับดูแล้วเป็นหญิงสาวหลายสิบคน แทบจินตนาการไม่ออกว่าทั้งหมดอยู่รวมในรถม้ายาวร้อยฟุต
ขณะที่พวกนางจากไป หญิงสาวมีเสน่ห์ชวนหลงใหลอีกหลายสิบคนก้าวเดินออกมาจากข้างหลังรถม้าหลายคน พวกนางดูเหมือนเข้ามารับช่วงต่อและเข้าไปในรถม้าจากข้างหน้า ไม่นานนักเสียงเพลงและเสียงครวญครางพร้อมกับเสียงหัวเราะจึงดังกึกก้องอีกครั้ง
ขณะที่รถม้าเคลื่อนขบวนต่อไป กองทหารพันนายที่ถูกส่งมาต้อนรับก็ได้มาถึง พอเห็นว่าคนจำนวนเท่านี้ออกมาต้อนรับ เสียงพ่นลมหายใจเย็นดังออกมาจากในรถม้าขนาดร้อยฟุต
ทว่ารถม้าไม่ได้หยุดลง มันเคลื่อนขบวนต่อไปภายใต้การป้องกันของทหารพันนายที่มาถึง
หนึ่งชั่วโมงต่อมาขบวนจึงมาถึงค่ายทหาร เสียงครางดังลอดออกมาจากรถม้าขนาดร้อยฟุตเป็นครั้งคราว
ขณะที่พวกเขาเข้าไปใกล้ค่ายทหารมากขึ้น เสียงครางยิ่งชัดจนเหล่าทหารทั้งหมดได้ยินเต็มสองหู แม่ทัพชราถึงกับขมวดคิ้วและมีสายตาไม่พอใจ
เขาพ่นลมหายใจและก้าวเดินมาข้างหน้า ทหารรับใช้กลุ่มหนึ่งตามเขามาพร้อมด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม พอเขาเข้าใกล้ องครักษ์ทั้งหมดล้อมรอบรถม้าต่างก็เคร่งเครียด พวกเขาสัมผัสจิตสังหารจากแม่ทัพชราได้และนี่เป็นสาเหตุให้ร่างกายสั่นสะท้าน
เหล่าองครักษ์หวาดกลัวแต่ก็รีบก้าวเดินมาข้างหน้า ผู้เยาว์บนรถม้ารีบลุกขึ้นยืนและส่งเสียงกรีดร้องแหลม “หยุด! ราชาหนาน…”
ก่อนที่ผู้เยาว์จะกล่าวจบ ขุนพลอายุวัยกลางคนข้างแม่ทัพชราจึงเผยสายตาดุดันออกมาและตะโกน “เจ้าเป็นใคร!?”
พอเขาพูดขึ้น สายตาทหารทั้งหมดที่นี่จึงรวมมาที่ผู้เยาว์จนเกิดเป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น ผู้เยาว์ถึงกับหน้าซีดทันทีและไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ซือหนาน! เจ้ากำลังทำอะไร?!” พอแม่ทัพชราเข้ามา เสียงคำรามหนึ่งจึงดังออกมาจากในรถม้า จากนั้นเสียงครางก็หยุดลง
ชายชรามายืนข้างรถม้าพลางเปล่งแรงกดดันและพูดขึ้น “ข้าแม่ทัพซือหนานขอทักทายราชาหนาน!”
เสียงเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นม่านก็เปิดออกมาจากข้างใน ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวออกมา ดวงตาคล้ำเล็กน้อย เขายืนบนรถม้าพลางมองมาที่แม่ทัพชรา แววตาเป็นประกายมืดมนหนึ่งคราจากนั้นยิ้มขึ้น
“สมควรแล้วที่เป็นยอดแม่ทัพซือหนานแห่งหวู่ซวน มีเจ้าปกป้องชายแดน ไม่มีอะไรที่หวู่ซวนต้องหวาดกลัว ราชาผู้นี้มาเพื่อตบรางวัลแก่แม่ทัพ!”
“โอ้? เช่นนั้นก็เข้ามาในค่ายทหารเถิด!” แม่ทัพชรามองดูราชาหนานด้วยสายตาไม่แยแส ทว่าสายตานี้เปล่งแรงกดดันมหาศาลใส่ราชาหนาน โดยเฉพาะสายตาทุกคนที่เปล่งจิตสังหารเย็นเยียบจนหน้าผากเขามีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด
ราชาหนานฝืนยิ้มและรีบพูด “ไม่จำเป็นหรอก…ข้าพักอยู่ข้างนอกได้ ไม่ต้องเข้าไปข้างในหรอก”
ไม่มีใครรู้หวังหลินเฝ้าดูทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ หวังหลินยืนอยู่ในท้องฟ้าและส่งสายตามาจับจ้องคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นคือแม่ทัพชรา ซือหนาน!
‘เขาไม่ได้กลายเป็นราชา แต่เป็นยอดแม่ทัพ…ไม่รู้แล้วว่าเมื่อเขาฟื้นความทรงจำมาจะคิดเช่นไร…’ หวังหลินเผยรอยยิ้มและมีความสุขยิ่ง
………………………………………………