Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2070 เจ้าคือซือถูหนาน
กลางดึกต่อมา คบเพลิงวูบวาบและทหารหลายกองทำการลาดตระเวน ทั้งค่ายดูเหมือนเมืองหุ้มเกราะและสั่งการได้ตลอดเวลา
ด้านนอกค่ายไม่มีเสียงเพลงแล้วและสงบนิ่งอย่างสิ้นเชิง
กระโจมส่วนใหญ่ดับไฟ เหลือไว้เพียงไม่กี่ดวงและมองเห็นคนข้างในได้ โดยเฉพาะไฟที่อยู่ในกระโจมของแม่ทัพที่ยังส่องสว่างและมีองครักษ์คุ้มกันหลายคน
แม่ทัพชราซือหนานกำลังยืนอยู่ข้างแผนที่และขมวดคิ้ว ที่นี่มีเขาคนเดียวและเงียบสงบยิ่ง มีเพียงเสียงเทียนที่กำลังเผาไหม้
‘ราชาหนาน…ฮึ่ม คนแบบนี้ไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกว่า ‘ราชาหนาน!’ ’ ขุนพลชรามองมาที่แผนที่และพ่นลมหายใจเย็น เขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดต่อชื่อ ‘ราชาหนาน’ โดยไม่รู้เหตุผล
ราวกับไม่มีใครในโลกนี้คู่ควรที่จะถูกเรียกว่า “ราชาหนาน!”
“โอ้? เช่นนั้นใครกันที่ควรเรียกว่า ‘ราชาหนาน’ กันล่ะ?” เสียงล้อเลียนดังออกมาจากด้านหลังแม่ทัพชรา
แม่ทัพชราร่างสั่นเทาแต่ไม่นานก็ฟื้นคืนเป็นปกติได้ เขาหันกลับมาเห็นชายหนุ่มชุดขาวเรือนผมสีขาวยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล กำลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนข้าจะได้กลายเป็นราชา ไม่มีใครคู่ควรให้ถูกเรียกว่า ’ราชาหนาน’ ” แม่ทัพชรานั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ตื่นตระหนกเลย
“นั่งสิ” แม่ทัพชราชี้ไปข้างหน้า
หวังหลินมองเขาและถอนหายใจออกอย่างชื่นชม หาได้ยากนักที่จะมีคนสงบนิ่งได้ขนาดนี้เมื่อมีคนแปลกหน้าปรากฏขึ้นในทันที
โดยเฉพาะความสงบนิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก มันเป็นความสงบนิ่งอย่างแท้จริง
หวังหลินยิ้มบางและนั่งตรงข้ามแม่ทัพชรา
“เจ้ามีสุราหรือไม่?” หวังหลินหัวเราะ
“จะไม่มีสุราในค่ายทหารได้อย่างไร?” แม่ทัพชราหัวเราะและร้องตะโกนออกคำสั่งให้แก่คนด้านนอก
“ใครสักคนเอาสุรามาหน่อย!”
คนด้านนอกขานตอบอย่างเคารพ จากนั้นทหารไม่กี่นายก็เข้ามา พอเห็นหวังหลินอยู่จึงตกตะลึงกันทั้งหมดโดยเฉพาะเหล่าองครักษ์ด้านนอก สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาไม่เห็นว่ามีใครเข้าไปเลย!
แม่ทัพชรามีสีหน้าดังเดิมพลางสะบัดแขนและพูดขึ้น “วางสุราไว้และออกไปได้แล้ว!”
นายทหารวางขวดสุราลงข้างหวังหลินและแม่ทัพชรา ก่อนจะถอยกลับไปทั้งหมด
“แม่ทัพซือหนานช่างมีความสงบนิ่งดีเยี่ยม” หวังหลินยกขวดสุราขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่
“การที่ท่านมาที่นี่อย่างเงียบๆ นั่นหมายความว่าถึงเหล่าทหารจะเข้ามาก็ไม่สามารถหยุดท่านได้ เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร?” แม่ทัพชราพูดขึ้นพลางยกขวดสุรา เปิดฝาและดื่มไปอึกใหญ่
หวังหลินยิ้มกว้างกว่าเดิม เขามีความสุขจริงๆ กล่าวได้ว่าตั้งแต่มาที่แผ่นดินเซียนดารา บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าความสุขแบบนี้หาได้ยาก มันแตกต่างจากการค้นหาวิญญาณของลี่มู่หวานหรืออยู่กับซวนลั่ว มันเป็นความรู้สึกของการพบพานสหายเก่าที่อธิบายออกมาไม่ได้
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาผ่อนคลายและมีความสุขมาก
หลายร่างแล่นวาบอยู่นอกกระโจมและมีเสียงฝีเท้าดังสนั่น เพียงไม่กี่คำก็ทำให้เหล่าทหารล้อมรอบกระโจมนับไม่ถ้วนรวมถึงขุนพลทั้งหมดที่นี่ด้วย ทุกคนดูเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป พวกเขาทำได้แค่ล้อมรอบกระโจมเท่านั้น
ทุกคนเคร่งเครียดแต่จิตสังหารไม่ลดลงแม้แต่น้อยและรวมกันหนาแน่น จนคบเพลิงมากมายในค่ายทหารถึงกับหมองหม่น
เวลาผ่านไปชั่วพริบตาจนใกล้รุ่งสาง เหล่าทหารอยู่ด้านนอกเกือบตลอดคืน ถ้าไม่ใช่เพราะมีเสียงหัวเราะดังออกมาจากข้างใน พวกเขาคงพุ่งเข้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะกลับทำให้พวกเขางุนงงยิ่งกว่า
“น่าสนใจ ท่านหวังไปมาแล้วหลายแห่ง ข้าเองเคยได้ยินเรื่องภูเขาซื่อแต่มันอยู่ไกลเกินไป ในฐานะคนธรรมดา ข้าไปที่นั่นไม่ได้หรอก” แม่ทัพชราวางขวดสุราที่ว่างเปล่าลงและหยิบขวดใหม่ขึ้นมาแทน
“หากเจ้าต้องการ เจ้าก็ไปได้” หวังหลินดื่มสุราเผ็ดร้อนพลางมองสหายเก่าและเผยรอยยิ้ม
“โอ้? เช่นนั้นท่านหวังน่าจะเป็นเซียน” แม่ทัพชรามีแววตาเปล่งประกาย
หวังหลินพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร เขาดื่มต่อไป
กาลเวลาไหลไปอีกครั้งจนรุ่งอรุณ ความมืดมิดจางหายและดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นบนท้องฟ้า หวังหลินและแม่ทัพชราดื่มสุราตลอดคืน หวังหลินพูดเรื่องประสบการณ์ของตัวเองบนแผ่นดินเซียนดาราไปมาก เขาพูดเรื่องแคว้นกระทิงสวรรค์ แคว้นปิศาจมารเขียวและเมืองหลวง ทั้งยังพูดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเผ่าโบราณ
พอเขาพูดว่าไปพบเศษวิญญาณของลี่มู่หวานได้อย่างไร น้ำตาก็ไหลรินลงมา และเมื่อพูดว่าตัวเองสังหารจักรพรรดิเต๋าและแลกชีวิตตัวเองแด่ความเมตตาของอาจารย์ สีหน้าหวังหลินก็หมองหม่นลง
เขาพูดทุกอย่างจนถึงตอนที่ออกมาจากเผ่าโบราณ กลับสู่เผ่าเทพ
แม่ทัพชราฟังทุกอย่าง จินตนาการไม่ออกว่าคนแบบนี้เป็นใครไปได้ หากสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นคนผู้นี้ต้องมีตำแหน่งที่น่าตกตะลึงในเผ่าเทพ!
แต่ทำไมเขาถึงปรากฏตัวในกระโจมของตนกลางดึกเพื่อดื่มสุราและเล่าให้ฟัง…ในความคิดของชายชรา คนเบื้องหน้าค่อยๆ กลายเป็นคนที่คุ้นเคย ราวกับมีสัมผัสแห่งความคุ้นเคยที่ซ่อนไว้ในส่วนลึกความทรงจำและกำลังเผยออกมา
พอเขาเห็นหยาดน้ำตาและความเศร้าของหวังหลิน เขาเองก็รู้สึกถึงมันเช่นกัน ราวกับเขาเป็นพยานรู้เห็นเรื่องราวระหว่างหวังหลินและลี่มู่หวาน
“ข้าตามหาลี่เฉียนเหมยไม่เจอ…ซือถู ข้าตามหาอยู่นานแต่ข้าก็ไม่พบนาง…” หวังหลินพึมพำพลางดื่มสุราอย่างขมขื่น มีบางอย่างที่เขาไม่สามารถพูดกับคนอื่นได้แต่เขาสามารถพูดกับซือถูได้
“ ‘ซือถู…’ นั่นเป็นใคร…” แม่ทัพชราเผยสีหน้าท่าทางซับซ้อนเมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาได้ยินหวังหลินพูดชื่อนี้หลายครั้ง
หวังหลินวางขวดสุราที่ว่างเปล่าลงและหยิบขวดใหม่ขึ้นมา ตลอดทั้งคืนพวกเขาขอให้นำสุราเข้ามาแล้วหลายครั้ง
“ข้ามีสหายที่ดีคนหนึ่งชื่อว่าซือถู…” หวังหลินพึมพำพลางมองแม่ทัพชรา
แม่ทัพชรามองหวังหลินด้วยความสงสัยและพูดขึ้น “ถึงกับเป็นสหายที่ดีกับท่านได้ คนชื่อซือถูผู้นี้ต้องเป็นเซียนด้วยเช่นกัน”
หวังหลินเผยรอยยิ้มและพูดขึ้นเบาๆ “เขาเป็น…เซียนที่ต้องการกลายเป็นราชา หากเจ้าอยากได้ยินเรื่องราวของเขา เช่นนั้นก็เริ่มตั้งแต่ที่ที่เรียกว่าดาวซูซาคุและแคว้นเซียนระดับสามที่ชื่อแคว้นจ้าว…”
หวังหลินเอ่ยเสียงดังอยู่ในกระโจม แม่ทัพชราฟังไปและเกิดความสับสนเพิ่มขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไปยามเช้าก็มาถึง ดวงอาทิตย์ส่องประกายเจิดจ้าข้างนอก หวังหลินยังคงส่งเสียงต่อไป
“ลี่เฉียนเหมย ซือถูหนาน ฉิงชุ่ย…ทั้งหมดมาเกิดใหม่ในแผ่นดินเซียนดารา ข้าทิ้งอักขระของข้าไว้กับพวกเขา นั่นเป็นหนทางเดียวที่ข้าจะหาพวกเขาเจอ” หวังหลินดื่มสุราไปหนึ่งจิบพลางมองแม่ทัพชราด้วยรอยยิ้ม
แม่ทัพชราขบคิดเงียบๆ ร่างกายสั่นเทา จากนั้นพลันลืมตาขึ้นมา
“ข้าคือซือถูหนาน?” เขาจ้องมองหวังหลิน น้ำเสียงเกิดความลังเล
หวังหลินมองแม่ทัพชราและพยักหน้าอย่างช้าๆ
“เจ้าคือซือถูหนาน ข้าคือหวังหลิน…”
“หวังหลิน…” แม่ทัพชราพึมพำ ผ่านไปสักพักก็เริ่มหัวเราะ ทว่าเขาหัวเราะไปด้วยน้ำตา ปกติเขาคงไม่เชื่อแต่มีความรู้สึกอันคุ้นเคยออกมาจากวิญญาณ ทุกอย่างที่เขาได้ยินเกี่ยวกับโลกถ้ำนั้นสำหรับเขาจะไม่เชื่อทั้งหมดเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
เขาไม่เชื่อว่าเทพเซียนจะมาลอกลวงคนธรรมดาแบบเขา!
“เช่นนั้นข้าก็เกิดใหม่มาแล้วหลายครั้งบนแผ่นดินเซียนดารา และคราวนี้ข้าคือซือหนาน ยอดแม่ทัพแห่งเมืองหวู่ซวน…” แม่ทัพชราหัวเราะเสียงดังพร้อมกับหลั่งน้ำตาไหลเป็นสาย เขาเชื่อทั้งหมดแต่จะให้ยอมรับเลยคงทำได้ยาก
“เหล่าทหารห้าแสนนายด้านนอกนั้น มีหลายคนติดตามข้ามาตั้งแต่รุ่นปู่ของพวกเขา ปู่ของพวกนั้นตายไปและส่งรุ่นพ่อมา จากก็เป็นรุ่นลูกติดตามข้ามาอีก”
“ตอนนี้ท่านบอกว่าข้าคือซือถูหนาน ผู้ต้องการกลายเป็นราชา หากข้าไม่ใช่ซือหนานแห่งหวู่ซวน เช่นนั้นพวกทหารทั้งหมดนั้นจะทำอย่างไร?!” เนื่องเพราะน้ำเสียงของแม่ทัพชรา ม่านกระโจมจึงเปิดออกและมีทหารพุ่งเข้ามาข้างใน แต่มีเสียงตะโกนจากแม่ทัพชราบอกให้ทั้งหมดออกไปอีกครั้ง
“เกิดใหม่…เกิดใหม่…เกิดใหม่หนึ่งครั้งมีข้อจำกัดมากมาย ข้าเกิดใหม่ไปแล้วหลายครั้ง…” แม่ทัพชรานั่งลงบนเก้าอี้พลางมองหวังหลินด้วยสีหน้าซับซ้อน เสียงหัวเราะเปลี่ยนเป็นขมขื่น
“ข้าขอโทษ…ตอนนั้นข้าเลือกด้วยตัวเอง ข้าเลือกที่จะมาเกิดใหม่บนแผ่นดินเซียนดาราและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่าน”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ พลางดื่มสุราต่อไป
“ช่วยข้าปลดปล่อยความทรงจำในชาติก่อนด้วยเถอะ!” แม่ทัพชราดื่มต่อไปจนกระทั่งหมดไปสามขวด ดวงตาแดงก่ำและจ้องมองหวังหลินอย่างเมามาย
เมื่อค่ำคืนกลับมาอีกครั้ง หวังหลินจากไปด้วยสีหน้าซับซ้อน เขาลอยอยู่ในท้องฟ้า เมื่อหันกลับมามองค่ายลทหารอีกครั้ง แม่ทัพชราเปิดม่านและมองมาที่เขา
“หวังหลิน เมื่อข้าหมดสิ้นวัฏจักรนี้โดยไม่มีอะไรเสียใจอีกและกลายเป็นราชาหนาน ข้าจะออกไปตามหาเจ้า!” แม่ทัพชราพูดด้วยน้ำเสียงโอหังและแข็งกร้าว
หวังหลินเผยรอยยิ้มและเริ่มหัวเราะดังออกมาเรื่อยๆ
“ซือถู เมื่อเจ้าได้เป็นราชาสมใจอยากแล้ว เราจะมาดื่มด้วยกันอีก!” หวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและเลือนหายไป
“เด็กๆ จัดระเบียบกองทัพ อันดับแรกนำราชาหนานบัดซบนั่นเข้ามา ข้าไม่มีความสุขที่มีมันมานานแล้ว มันกล้าเรียกตัวเองว่า ‘ราชาหนาน’!!”
“ข้าคิดมาตลอด ข้าจะเป็นราชาหนาน!” แม่ทัพชราดูเหมือนเยาว์วัยลงไปมากและส่งเสียงหัวเราะ
…………………………………………………….