Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2074 จ้าววิญญาณสีชาด!
จ้าวเมฆาใต้ซึ่งเหลือเพียงวิญญาณดั้งเดิมกำลังจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ในแสงโลหิต ขณะที่เขาฟังชายหนุ่มพูดจึงส่งเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“สองวัน นับตั้งแต่ที่แดนสวรรค์ถูกหวังหลินสร้างขึ้นมา ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้รอดชีวิตจากสงครามระหว่างดินแดนชั้นนอก มีคำกล่าวหนึ่งในดินแดนชั้นใน เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?” จ้าวเมฆาใต้ร้องคำราม เหล่าเซียนทุกคนมองขึ้นไปข้างบน
“เซียนเช่นเราไม่เคยหวาดกลัวการต่อสู้!!”
เสียงจากเหล่าเซียนก่อเกิดเป็นคลื่นเสียงพัดขึ้นไปในอากาศ พัดแสงโลหิตออกไปบางส่วนและเผยร่างชุดสีแดงหลายหมื่นคน
เบื้องหลังร่างเหล่านี้คือหมอกโลหิตหนาแน่น หมอกโลหิตกำลังปั่นป่วนและมีคนนั่งอยู่ข้างในหนึ่งคน
“สหายเฒ่า เจ้ารนหาที่ตาย! อีกสองวันเมื่อค่ายกลแตกสลาย ข้าจะขอให้อาจารย์มอบวิญญาณดั้งเดิมของเจ้ามา ข้าต้องการลิ้มรสวิญญาณเซียนขั้นที่สามว่าจะมีรสชาติเช่นใด” ชายหนุ่มีสีหน้าเปลี่ยนไปและมีจิตสังหารแรงกล้า
จ้าวเมฆาใต้ร้องคำราม “มีอะไรให้ต้องกลัวตาย!?”
“หวังหลิน ผู้สร้างแดนสวรรค์จะกลับมาสักวันหนึ่ง เมื่อเขากลับมา ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าแค่สำนักวิญญาณสีชาดและจ้าววิญญาณสีชาดจะต่อต้านอย่างไร!”
ด้านข้างจ้าวเมฆาใต้คือปรมาจารย์เต๋าความฝันที่กำลังหน้าซีดและบ่มเพาะเพื่อฟื้นฟูกำลัง
“หวังหลิน? โชคดีที่มันจากไปแล้ว ไม่เช่นนั้นมันคงเป็นแค่มดแมลงเบื้องหน้าอาจารย์! ค่ายกลรอบแดนสวรรค์ถูกหวังหลินวางเอาไว้ แต่มันกำลังจะโดนอาจารย์ทำลาย ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ต้องการทั้งแดนสรรค์ในสภาพสมบูรณ์ อาจารย์คงบดขยี้พื้นดินที่พวกเจ้าเหยียบไปแล้ว”
ชายหนุ่มเยาะเย้ย นี่เป็นเพียงแค่ร่างเงาไม่ใช่ร่างจริง เพียงส่งเสียงหัวเราะ ร่างก็เลือนหายเข้าไปในแสงโลหิต
ค่ายกลที่หวังหลินวางเอาไว้รอบแดนสวรรค์ถูกปกคลุมไปด้วยแสงโลหิตซึ่งกำลังกัดกร่อนค่ายกล ส่วนใหญ่พังเสียหายไปแล้วและคงใช้เวลาอีกสองวันกว่ามันจะพังทลายอย่างสมบูรณ์
ร่างหลายหมื่นคนกำลังลอยอยู่ด้านนอกแดนสวรรค์ราวกับหุ่นเชิด พวกเขาปลดปล่อยหมอกสีแดงจำนวนมากเข้าสู่แสงสีโลหิต
เบื้องหลังร่างทั้งหมดมีเมฆหมอกสีแดงโลหิตขนาดใหญ่ ข้างในเป็นชายชราชุดแดงนั่งอยู่ แม้แต่เรือนผมก็ยังสีแดง
สองมือของเขากำลังสร้างผนึกส่งอักขระรูนออกไปเพื่อให้ค่ายกลรอบแดนสวรรค์พังทลายเร็วยิ่งขึ้น
‘หวังหลินช่างมีทักษะยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ายกลที่เขาวางเอาไว้กว่าข้าจะทำลายได้ต้องใช้เวลาอยู่หลายวัน ทั้งค่ายกลยังแปลกประหลาดและมีกลิ่นอายน่าหวาดกลัว ข้ารู้สึกเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หากข้าใช้พลังเต็มที่เข้าทำลายมัน’
‘แต่ว่า ตราบใดที่ข้าไม่ฝืนทำลายมันและแทรกแซงด้วยหมอกโลหิตแทน ก็จะปลอดภัย โชคดีที่กลิ่นอายของมันไม่ได้มีมากแล้ว ไม่เช่นนั้นการทำลายค่ายกลคงยากกว่านี้!’ ชายชราผมแดงคนนี้คือจ้าววิญญาณสีชาด!
ตอนนั้นที่หวังหลินเผชิญหน้ากับราชันย์หรือก็คือกับดักแห่งความตาย หวังหลินได้ปลดปล่อยผนึกของเย่โม่ไปด้วย วิญญาณเขาจึงได้รับอิสระและหนีมาได้
ตอนนี้เขาฟื้นคืนระดับบ่มเพาะได้รับร่างกาย หลังจากหวังหลินหายตัวไปหลายปีเขาก็สร้างสำนักวิญญาณสีชาดขึ้นมา เขาใช้ระดับบ่มเพาะอันแข็งแกร่งเพื่อทำร้ายปรมาจารย์เต๋าความฝันจนบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็ทำลายร่างจ้าวเมฆาใต้
เขาจ้องมองพื้นดินของแดนสวรรค์และเผยสีหน้าอำมหิต
‘พวกคนที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่ของดินแดนชั้นในต่างก็รวมกันที่แดนสวรรค์ ก่อนที่ข้าจะฟื้นคืนระดับบ่มเพาะมาได้ข้าไม่มีความมั่นใจในการทำลายค่ายกล แต่ตอนนี้ค่ายกลจะถูกทำลายในอีกสองวัน คนทั้งหมดนี้จะกลายเป็นอาหารของข้า หลังจากข้ากลืนกินแก่นโลหิตของพวกมันเข้าไป ระดับบ่มเพาะของข้าจะเพิ่มไปถึงผู้สูงส่งชั้นทอง!!’
‘ฮ่าฮ่า เมื่อข้าได้กลายเป็นผู้สูงส่งชั้นทอง แม้แต่ตอนที่ข้ากลับไปยังแผ่นดินเซียนดารา ข้าก็สามารถกลายเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสในสำนักและยังมีโอกาสได้เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้า!’ จ้าววิญญาณสีชาดมีแววตาตื่นเต้น เขารู้ว่าบนแผ่นดินเซียนดารามีผู้สูงส่งชั้นฟ้าเพียงแค่หลักร้อย เมื่อเขากลายเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าก็จะสามารถติดตามมหาชั้นฟ้าได้
และถึงตอนนั้น ในฐานะเซียนที่ติดตามมหาชั้นฟ้า เขาก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังบนแผ่นดินเซียนดารา
‘หากข้าติดตามหนึ่งในห้ามหาชั้นฟ้า ข้าจะเลือกจักรพรรดิเทพแน่นอน…น่าเสียดายที่มีคนแข็งแกร่งมากเกินไปที่อยู่ใต้อำนาจจักรพรรดิเทพและเขาอาจจะไม่ต้องการข้า…ถึงเช่นนั้นแม้ข้าจะไม่ได้ติดตามจักรพรรดิเทพ ข้าก็ยังติดตามมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ได้!’
‘มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ห่วงใยผู้สูงส่งชั้นฟ้าอย่างยิ่ง แม้ข้าจะไม่ทำอะไร เขาก็จะรับข้าได้แน่นอน ด้วยการปกป้องจากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ แม้เจ้าหวังหลินจะรู้เรื่องที่ข้าทำ ข้าก็ไม่กลัว!’
‘หากระดับบ่มเพาะของมันต่ำกว่า ข้าจะดูดซับแกนโลหิตของมันมาทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น หากระดับบ่มเพาะของมันใกล้เคียงหรือสูงกว่าข้า แม้จะไม่น่าเป็นไปได้ ข้าก็ยังมีมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ปกป้อง’
‘ข้าไม่เชื่อว่ามันจะกล้าแข็งขืนต่อหน้ามหาชั้นฟ้าต้าวยี่ บางทีในใจมันคงสั่นเทาและยอมคุกเข่าอ้อนอวนตอนที่ได้เห็นมหาชั้นฟ้าต้าวยี่!’
‘ต่อหน้ามหาชั้นฟ้า เหล่าเซียนทุกคนเป็นแค่มดแมลงเท่านั้น!’ จ้าววิญญาณสีชาดคำนวณเรื่องราวในอนาคตอย่างละเอียด หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจึงหัวเราะเสียงดัง
“อาจารย์!” ในหมอกโลหิตมีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กับเขาซึ่งเป็นชายหนุ่ม ทันใดนั้นชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา โค้งคำนับให้แก่จ้าววิญญาณสีชาดอย่างเคารพ เขาคือร่างเงาที่พูดกับผู้คนในแดนสวรรค์
จ้าววิญญาณสีชาดหัวเราะและมองมาที่ชายหนุ่มข้างๆ ชายหนุ่มคนนี้คือคนที่เขาเจอในโลกถ้ำซึ่งเหมาะสมที่จะเป็นศิษย์เขาอย่างยิ่ง พรสวรรค์ของชายหนุ่มถือว่ายอดเยี่ยมและน่าสนใจมาก เขาไปเจอที่ดาวซูซาคุ ชายหนุ่มคนนี้บอกว่าเป็นลูกหลานของหวังหลินจากการสืบสายโลหิตไปไม่รู้กี่รุ่น
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มอำมหิตและกล่าวอย่างเคารพ “อาจารย์ พวกนั้นยังไม่ยอมแพ้ มันยังส่งเซียนออกมาเสริมค่ายกล ยิ่งจ้าวเมฆาใต้นั่นทำตัวน่ารังเกียจ หลังจากอาจารย์ทำลายค่ายกลได้ ข้าขอวิญญาณของจ้าวเมฆาใต้ให้ศิษย์ไปทรมานเขาได้หรือไม่”
“ก็แค่จ้าวเมฆาใต้ ข้าจะมอบให้เจ้าแล้วกัน!” จ้าววิญญาณสีชาดยินดียิ่งตอนที่เห็นสีหน้าอำมหิตของศิษย์ตนเอง เขาต้องการศิษย์แบบนี้
จ้าววิญญาณสีชาดพูดขึ้น “แต่มู่ปิงเหมยนั่น…”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างเคารพ “หากอาจารย์ต้องการสตรีคนนั้น ศิษย์จะอุ้มมาให้ด้วยสองมือเลย”
“นางคือคนรักของบรรพชน” จ้าววิญญาณสีชาดเผยใบหน้าซุกซน เขาพบว่าเรื่องนี้น่าสนใจ กระทั่งอยากรู้ว่าหวังหลินจะมีสีหน้าอย่างไรถ้ารู้เรื่องนี้ในอนาคต
ชายหนุ่มกล่าวอย่างเคารพ “แล้วอย่างไร? แม้ศิษย์จะแซ่หวัง หวังหลินก็ออกไปจากโลกถ้ำแล้ว เขาอยู่หรือตายไม่มีใครรู้ ในเมื่อทิ้งคนรักไว้เบื้องหลัง ปล่อยข้าให้ความบันเทิงกับนางจะดีเสียกว่า อาจารย์บอกข้าอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ?”
‘เย่โม่ก็ตายไปแล้ว แต่ในเมื่อเจ้าได้รับมรดกของเขาไป หวังหลิน เจ้าจงสืบทอดความเกลียดชังของข้าไปด้วย!’ จ้าววิญญาณสีชาดหัวเราะและมีแววตาเป็นประกายอำมหิต
จ้าววิญญาณสีชาดยิ้มและกล่าวขึ้น “ไม่จำเป็นหรอก มู่ปิงเหมยเป็นคนที่อาจารย์เลือกมาให้เจ้ากับมือ ดังนั้นอาจารย์จะเอาไปจากเจ้าได้อย่างไร? แต่อาจารย์จะขอเล่นกับนางเล็กน้อย เมื่อเล่นกับนางเหนื่อยแล้ว อาจารย์ก็จะยกให้เจ้า”
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ข้าขอขอบคุณท่านอาจารย์” ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“รอไปอีกสองวัน!” จ้าววิญญาณสีชาดมีแววตาเปล่งประกาย สองมือสร้างผนึก หมอกโลหิตปั่นป่วนพร้อมกับเหล่าหุ่นเชิดหลายหมื่นตัวปลดปล่อยแสงสีแดงโลหิตที่แข็งกล้ามากขึ้น จนค่ายกลรอบแดนสวรรค์อ่อนแอลงอีก
ณ เวลานี้ขณะที่จ้าววิญญาณสีชาดกำลังใช้แสงโลหิตเพื่อกัดกร่อนค่ายกลในแดนสวรรค์ต่อไป มีสตรีสวมชุดสีขาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดภูเขาสูง
สตรีผู้นี้มีความงดงามไร้ที่ติ แม้แต่ผู้คนบนแผ่นดินเซียนดาราก็มิอาจเทียบความงามของนางได้
ความงดงามของนางเรียกได้ว่าไม่ควรเป็นของโลกแห่งนี้
สายลมพัดปลิวนำพากลิ่นคาวโลหิตเข้ามา มันพัดเรือนผมและเผยใบหน้างดงามจนลืมหายใจให้เด่นชัด
ใบหน้าของนางสงบนิ่งแต่ลึกเข้าไปภายในกลับมีร่องรอยแห่งความสับสนและขมขื่นที่คนอื่นไม่อาจมองเห็น นางใช้ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของตัวเองเพื่อเป็นเกราะกำบังห่อหุ้มความขมขื่นและความสับสนให้อยู่ลึกลงไปในใจ
“ท่าน…” เบื้องหลังนางมีชายชราอีกคน เขามองนางจากด้านหลังด้วยความกระวนกระวายใจ
“ค่ายกล…อย่างมากก็อยู่ได้อีกสองวัน”
มู่ปิงเหมยมองบนท้องฟ้าและพูดขึ้นเบาๆ “ข้ารู้…ปล่อยให้ข้าอยู่คนเดียวสักพัก”
ชายชราลังเลก่อนจะถอนหายใจและล่าถอย
มู่ปิงเหมยเหลืออยู่คนเดียวบนภูเขา นางยืนอย่างเงียบงันและยกแขนขวาขึ้นมา ในมือมีกระบี่ผลึกหนึ่งเล่ม
มันคือกระบี่ที่หวังหลินทิ้งไว้ให้นาง สร้างจากแก่นแท้ของเขาและมีกลิ่นอายโบราณแฝงอยู่
“หากข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะทักทายท่าน…” มู่ปิงเหมยพึมพำ ประโยคนี้คือสิ่งที่นางพูดกับหวังหลินตอนที่เขาจากไป
“หากข้าไม่มีชีวิตอยู่แล้ว…” สายตามู่ปิงเหมยเต็มไปด้วยความเศร้า นางมองกระบี่ในมือและเกิดคราบน้ำตา
“หวังหลิน ท่านอยู่ไหน!?!” หยาดน้ำตาของมู่ปิงเหมยไหลรินลงบนกระบี่ผลึก เกิดเป็นเสียงเบาบางที่ใหลลงจากด้ามกระบี่…
ขณะที่มู่เปิงเหมยพึมพำอยู่ตอนนี้ ในอวกาศอันมืดมิดทางดาราจักรทุกชั้นฟ้าได้เกิดแสงกะพริบขึ้นมา เปลี่ยนกลายเป็นประตูและคนผู้หนึ่งก้าวออกมา
คนผู้นี้มีชุดสีขาว เรือนผมสีขาว
หวังหลิน
‘ที่นี่คือ…’ หวังหลินมองไปรอบๆ และเผยรอยยิ้ม
‘ดาราจักรทุกชั้นฟ้า…’ รอยยิ้มเผยความสุขจากในใจ กลิ่นอายคุ้นเคยที่นี่ทำให้เขารู้ว่าตนเองอยู่บ้านแล้ว
สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไปทั่วทิศทางโดยไม่รู้ตัว
“ชักสงสัยเสียแล้วว่าแดนสวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง เกิดเรื่องใหญ่โตตั้งแต่ข้าจากไปหรือไม่…สหายเฒ่าพวกนั้นและ…” หวังหลินพึมพำแต่คำพูดหยุดชะงัก เขาจ้องมองไปทางแดนสวรรค์และรอยยิ้มเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบและจิตสังหารมหึมา
นี่ถือเป็นการระเบิดจิตสังหารเต็มกำลังหลังจากกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา
…………………………………………………