Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2076 ฝันไป
จ้าวเมฆาใต้พบเห็นหวังหลิน
ปรมาจารย์เต๋าความฝันก็พบเห็นหวังหลินเช่นกัน
ในแดนสวรรค์ทุกคนที่เจอหวังหลินจะเห็นร่างผมสีขาวและชุดสีขาว จ้าวดินแดนปิดผนึก!
แม้เซียนบางคนที่เข้ามาแดนสวรรค์ทีหลังจะไม่ได้เจอหวังหลิน พวกเขาต่างก็ได้ยินข่าวลือต่างๆ มากมาย
ตอนนี้พอมาได้เห็นเขาอีกครั้ง ทั่วทั้งแดนสวรรค์ราวกับเดือดพล่าน ความรู้สึกแห่งการโดนกดขี่และวิตกกังวลจึงหายไปทันที
จ้าวเมฆาใต้มีเพียงวิญญาณดั้งเดิมเท่านั้นและด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินตอนนี้จึงสามารถรวบรวมพลังงานแห่งโลกมาสร้างร่างใหม่ให้เขาได้ จ้าวเมฆาใต้สามารถผสานเข้ากับร่างนี้และไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
ปรมาจารย์เต๋าความฝันมองหวังหลินอย่างลังเลแต่ก็ไม่พูดออกมา เขารอให้หวังหลินสร้างร่างใหม่ของจ้าวเมฆาใต้ให้เสร็จก่อนที่จะพูด แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจ
หวังหลินยิ้มและทักทายทุกคนที่คุ้นเคย เขายังเห็นฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียวดึงเซียนบางคนมาและพูดบางอย่าง ด้านเจ้ามังกรสมุทรบนไหล่หลิวจินเปียวมีท่าทีเบื่อมาก พอมีเซียนคนหนึ่งพยายามแตะต้องมัน มันก็แยกฟันใส่และเกิดเสียงหัวเราะขึ้นมา
ฉือซานยังชอบอยู่คนเดียว เขานั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลและสามารถลืมตามองหวังหลินเป็นครั้งคราว
หวังหลินถอนสายตาและก้าวเดินไปหาปรมาจารย์เต๋าความฝันที่อยู่คนเดียว
ปรมาจารย์เต๋าความฝันยังมีใบหน้าซีด เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้สาหัสมาก
หวังหลินชี้ไปที่ปรมาจารย์เต๋าความฝัน พลังแห่งโลกรวมตัวกันและพุ่งเข้าสู่ร่างเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมาสีหน้าปรมาจารย์เต๋าความฝันจึงไม่ซีดเผือดอีกต่อไป เขาสูดหายใจลึกและพยักหน้าให้หวังหลิน
ปรมาจารย์เต๋าความฝันเอ่ยถาม “ลูกสาวข้า…เป็นอยู่ดีหรือไม่?”
หวังหลินครุ่นคิดอย่างเงียบงันและนั่งลงเบื้องหน้าปรมาจารย์เต๋าความฝัน
พอเห็นสีหน้าหวังหลิน ปรมาจารย์เต๋าความฝันถึงกับจิตใจตกวูบ ใบหน้าซีดขาวอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น…หวังหลิน บอกข้ามา”
“ข้าตามหานางไม่เจอหลังจากนางไปเกิดใหม่…” หวังหลินพูดอย่างขมขื่น แม้เขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา เขาก็ยังเคารพปรมาจารย์เต๋าความฝันเพราะอีกฝ่ายช่วยเขาไว้ในอดีตอีกทั้งยังเป็นพ่อของลี่เฉียนเหมย
ปรมาจารย์เต๋าความฝันหลับตาและพึมพำกับตัวเอง “ไม่พบนาง…”
“นางเข้าไปแผ่นดินเซียนดาราก็เพราะเจ้าและเจ้าก็ตามหานางไม่เจอ…ตามหาไม่เจอ…” ปรมาจารย์เต๋าความฝันลืมตาและเริ่มหัวเราะ เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความผิดหวังและโกรธเกรี้ยว
ชั่วจังหวะนั้นเสียงอึกทึกดังออกมาจากท้องฟ้าสีโลหิต รอยแตกร้าวหลายแห่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มันกำลังบ่งบอกถึงการพังทลายและมีเสียงหัวเราะอย่างโอหังออกมาจากเบื้องบน
“เจ้าพวกเซียนโลกถ้ำทั้งหมดที่ต่อต้านอย่างโง่เขลา คิดว่าค่ายกลนี้จะขัดขวางข้าได้อย่างนั้นหรือ ตอนนี้ค่ายกลกำลังจะแตกแล้ว รอให้ข้าเข้าไปก่อนเถอะ พวกเจ้าทั้งหมดจะกลายเป็นอาหารให้แก่การบ่มเพาะของข้า!” แรกเริ่มน้ำเสียงเบามากแต่ต่อมามันก็เหมือนเสียงสายฟ้าดังสนั่นไปทั่วแดนสวรรค์ ทุกคนต่างก็มองขึ้นไป
ไม่มีใครรู้ถึงระดับบ่มเพาะของหวังหลินอย่างแน่ชัด แต่ในเมื่อหวังหลินสามารถปรากฏตัวที่นี่ได้โดยที่จ้าววิญญาณสีชาดไม่รู้ตัว นั่นแปลว่าระดับบ่มเพาะของหวังหลินไม่ได้อยู่กลางๆ กระนั้นก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่าหวังหลินสามารถเอาชนะจ้าววิญญาณสีชาดได้หรือไม่
จ้าววิญญาณสีชาดมีท่าทีผ่อนคลาย เขาไม่กังวลอะไรเลย จากที่หวังหลินสามารถสร้างร่างใหม่เพียงแค่โบกมือ เขาก็รู้แล้วว่าหวังหลินทรงพลังแค่ไหน
โดยเฉพาะตอนที่เขาเห็นสายตาดูถูกของฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียวและกระทั่งอสรพิษที่อยู่บนไหล่ของหลิวจินเปียวยังมีสีหน้าแบบเดียวกัน เขาก็เริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว
ห่างออกไปไม่ไกล ฉือซานมองไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าไม่สนใจ แต่แววตาเย็นเยียบ
“อักขระหายไป ดังนั้นนางน่าจะฟื้นคืนความทรงจำแล้ว…ข้าตามหาอยู่นานแต่ก็ไม่พบ ทว่าข้าสัมผัสได้ว่านางอยู่ที่ไหนสักแห่งบนแผ่นดินเซียนดาราและข้ากำลังค้นหานางอยู่…” หวังหลินไม่สนใจเสียงดังสนั่นจากท้องฟ้าพลางมองปรมาจารย์เต๋าความฝันและพูดอย่างขมขื่น
“ตราบใดที่นางเผยกลิ่นอายตัวเองออกมาได้เล็กน้อย ข้าก็สามารถตรวจจับนางได้…แม้ข้าจะกลับมาโลกถ้ำ ข้าก็ยังสัมผัสกลิ่นอายได้” หวังหลินพึมพำ ลี่เฉียนเหมยเป็นคนพิเศษสำหรับเขา แม้นางจะไม่เหมือนลี่มู่หวาน นางก็เป็นสตรีคนที่สองที่ก้าวเข้ามาในใจเขา
“แต่…ข้าสัมผัสได้ว่านาง…ตั้งใจหลีกเลี่ยงข้าและไม่ต้องการให้ข้าตามหานางเจอ…” หวังหลินหลับตา หัวใจเกิดความรู้สึกเจ็บปวดยิ่ง ความเจ็บปวดนี้ไม่รุนแรงเท่าเศษวิญญาณของลี่มู่หวานที่หายไปแต่มันก็ยังทิ่มแทงหัวใจเขาอยู่ดี
เขาจำได้ถึงประโยคที่ลี่เฉียนเหมยพึมพำกับเขาด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่มิอาจอธิบายได้
ปรมาจารย์เต๋าความฝันมองใบหน้าหวังหลินและฟังคำพูดเขา พลางครุ่นคิด เขารู้ว่าหวังหลินกำลังรู้สึกอย่างไรและเข้าใจลูกสาวตัวเองดี
ท้องฟ้าสั่นไหวและเริ่มพังทลายกว้างมากขึ้นจนมีหลุมโผล่ออกมา สีแดงโลหิตแผ่กระจายบริเวณหลุมและมีเสียงหัวเราะดังสนั่นไปทั่วแดนสวรรค์
ท้องฟ้าพังทลายและเกิดรอยแตกร้าวมากมาย หลังจากนั้นอีกหลายวันในที่สุดจ้าววิญญาณสีชาดจึงได้กัดกร่อนทางเข้าได้สำเร็จ ค่ายกลเริ่มร่วงหล่นและเพียงไม่นานแดนสวรรค์ก็ไร้การปกป้อง
เกิดเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความโอหังและฟังดูแล้วสั่นสะเทือนสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง
ร่างโลหิตทะยานออกมาจากหลุมและกระจายเต็มท้องฟ้า พวกมันคือเหล่าหุ่นเชิดซึ่งได้ปรากฏตัวและจ้องมองผู้คนด้านล่างด้วยสีหน้าเฉยชา
ชายหนุ่มสวมชุดสีแดงคนหนึ่งก้าวออกมาจากหลุม เขาดูโอหังยิ่งและเต็มไปด้วยจิตสังหาร ต่อจากนั้นจึงเอ่ยเสียงดังสนั่นไปทั่ว
“ค่ายกลอ่อนแอของพวกเจ้าถูกอาจารย์ข้าทำลายไปแล้ว พวกเซียนชั้นล่าง ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าครั้งนี้พวกเจ้าจะต้านทานอย่างไร! มู่ปิงเหมย เมื่ออาจารย์ข้าเล่นสนุกกับเจ้าเสร็จ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความแตกต่างระหว่างข้ากับหวังหลินนั่น…” ชายหนุ่มก้าวเดินออกมาหัวเราะไม่หยุด เขามองลงไปด้านล่างแต่ทันใดนั้นก็หยุดคำพูดเสียอย่างนั้น
เขาเห็นจ้าวเมฆาใต้กำลังมองอย่างเย้ยหยันมาที่เขา จ้าวเมฆาใต้มีร่างกายแล้วและเขายังเห็นมู่ปิงเหมยผู้งดงามกำลังมองมาที่เขาอย่างเย็นชา ราวกับมองคนที่กำลังจะไร้ชีวิตในอีกไม่นาน
สิ่งที่ทำให้จิตใจเขาสั่นไหวคือชายหนุ่มชุดขาวที่กำลังนั่งตรงหน้าปรมาจารย์เต๋าความฝัน ชายหนุ่มไม่ได้มองตรงๆ แต่พอเห็นคนผู้นี้ถึงกับร่างกายสั่นสะท้าน คนผู้นี้ดูคุ้นๆ
‘เขา…เขา…’ ความคิดชายหนุ่มชุดแดงถึงกับสั่นสะเทือนราวกับสายฟ้าระเบิดอยู่ในใจ ยากที่จะเชื่อด้วยสายตาตัวเอง
คนผู้นี้ดูเหมือนรูปปั้นที่เขาเห็นบนดาวซูซาคุตอนที่เขายังหนุ่ม!!
‘บรรพชน…’ เขาดูเหมือนบ้าไปแล้วและปฏิเสธว่าคนตรงหน้าคือบรรพชนหวังหลิน
อย่างไรก็ตามวิญญาณที่กำลังสั่นเทาในร่างกายได้บอกเขาชัดเจนว่าชายหนุ่มผมขาวคนนี้คือบรรพชนแห่งดาวซูซาคุ จ้าวดินแดนปิดผนึกหวังหลิน!
‘ถ้าหากเป็นเขาจริงๆ แล้วอย่างไร? เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาจารย์!’ ชายหนุ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไปพลางสูดหายใจลึก ถอยร่นโดยไม่รู้ตัวและหรี่ตาแคบ
“น่าสนใจ เจ้าพบคนที่คุ้นเคยจริงๆ เจ้าคิดว่านั่นเป็นเขาหรือไม่…” ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ ชายหนุ่มชุดขาวมองเข้ามา ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่งแต่ร่างของเขากลับสั่นเทา
หวังหลินถอนสายตาและเอ่ยปาก “ฉือซาน ฆ่ามัน!”
ฉือซานอยู่ห่างออกไปไม่ไกลพลันมีแววตาเย็นเยียบและเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล เพียงแค่เขาก้าวเดินขึ้นไปในท้องฟ้า แขนขวาสะบัดปรากฏหมอกควัน นี่คือเต๋าเพลิงสุดขั้วแห่งเต๋าสุดขั้วทั้งแปด!
สำหรับศิษย์อย่างฉือซาน หวังหลินเลือกวิชาที่เหมาะสมให้ ทั้งยังแยกพลังอำนาจแห่งโลกเพื่อเพิ่มพูนระดับบ่มเพาะของฉือซานขึ้นอีกมหาศาล!
คนอื่นไม่สามารถทำแบบนี้ได้ แต่สำหรับคนที่ห่างขั้นย่ำสวรรค์เพียงขั้นเดียวและเทียบได้กับบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก
ฉือซานทะยานขึ้นไปด้วยสายตาเฉยชาแต่มีสายตาคนนับไม่ถ้วนมองมาจากแดนสวรรค์ ก้อนควันลอยรอบตัวเขา ก่อเกิดเป็นวงแหวนและกลายเป็นเพลิงโหมกระหน่ำในท้องฟ้า
ด้วยเพลิงที่รุนแรงนี้เหล่าหุ่นเชิดโลหิตทั้งหมดจึงแตกสลายโดยไม่สามารถต่อต้านได้ เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสนั่นออกมาจากทะเลเพลิงก่อนที่ฉือซานจะถือศีรษะที่เต็มไปด้วยใบหน้าสิ้นหวังออกมา
เปลวเพลิงในท้องฟ้าเลือนหายไปในทันทีหลังจากฉือซานกลับมาที่เดิม ท้องฟ้ายังคงสีแดงแต่ไม่เข้มเท่าเดิม ชายชราผู้หนึ่งเผยตัวตนออกมาตรงหลุมของค่ายกล สายตาจ้องมองหวังหลินอย่างตกตะลึง
“หวังหลิน!!” ชายชราเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แต่ไม่นานนักใบหน้าก็ดุร้าย เขาระเบิดระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญขึ้นทันทีจนท้องฟ้าสั่นสะท้าน พื้นดินสั่นสะเทือน
“เจ้ากลับมาโลกถ้ำจริงๆ แต่ถึงเจ้าจะกลับมา เจ้าก็ยังเป็นมดปลวกเบื้องหน้าข้าอยู่ดี!” ชายชราผู้นี้คือจ้าววิญญาณสีชาด เพียงเอ่ยปากเขาก็ท่องทะยานดุจลำแสงเข้าหาหวังหลิน
จากมุมมองของเขา ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเหมือนเมฆหมอก กระนั้นเขาก็คิดว่าหวังหลินมีสมบัติบางอย่างเพื่อซ่อนระดับบ่มเพาะ เรื่องแบบนี้พบเจอได้ทั่วไปบนแผ่นดินเซียนดารา เขามั่นใจในระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญของตัวเองเป็นอย่างมาก
หวังหลินเฝ้าดูจ้าววิญญาณสีชาดพุ่งเข้ามาหาอย่างใจเย็น
ก่อนที่หวังหลินจะได้ทำอะไร อสรพิษตัวน้อยบนไหล่หลิวจินเปียวพลันเปล่งประกายเจิดจ้าและส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ออกมา
เสียงคำรามสั่นสะท้านไปทั่วพิภพและดังเสียดแก้วหูเซียนทุกคนบนแดนสวรรค์ จ้าววิญญาณสีชาดร่างกายสั่นเทาและหยุดลง พร้อมกับจ้องมองราวกับไก่ตาแตก
“นี่…นี่มัน…”
อสรพิษตัวน้อยรีบลอยขึ้นมาและขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน มันฟื้นคืนกลับมามีขนาดปกติของมังกรสมุทร ส่งเสียงคำรามใส่จ้าววิญญาณสีชาดที่กำลังตกตะลึง
“มัง…มังกรสมุทร…ผู้สูงส่ง…ชั้น…ชั้นทอง!!!” จ้าววิญญาณสีชาดรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
…………………………………………………..