Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2078 สองเรื่อง
จ้าววิญญาณสีชาดมีดวงตาแดงก่ำและร้องคำรามไม่หยุด “โกหก! ไม่มีใครสามารถสร้างวังวนเชื่อมต่อกับแผ่นดินเซียนดาราและเรียกมหาชั้นฟ้ามาได้ ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก! อย่ามาหลอกข้า!!!”
สีหน้าท่าทางของเขากำลังวุ่นวายและเส้นโลหิตบนศีรษะกำลังบวมเป่ง ตอนนี้เขาลืมความกลัวและความคิดที่วุ่นวายไปหมดสิ้น
“โกหก ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก ฮ่าฮ่า มันต้องโกหกแน่ๆ หวังหลิน ข้ารู้จักองครักษ์เมิ่งต้าวของจักรพรรดิเทพ เขาเป็นสหายที่ดีกับข้าและครั้งหนึ่งข้าช่วยชีวิตเขาไว้! เขาเป็นคนสนิทของจักรพรรดิเทพ…เขา…” จ้าววิญญาณสีชาดหัวเราะราวกับนี่คือความหวังสุดท้าย
“โอ้? ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก? แม้ข้าจะไม่สามารถนำสัมผัสวิญญาณของจักรพรรดิเทพมาที่นี่ได้ ข้าจะให้เจ้าเห็นวิญญาณเขาก็แล้วกัน” หวังหลินสะบัดแขนให้วังวนในท้องฟ้าหายไป กลิ่นอายของต้าวยี่หายไปด้วย ทางด้านต้าวยี่เกิดอาการสั่นเทา เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของตัวเองและความแข็งแกร่งของหวังหลินได้ชัดเจน
“ดูซะว่านี่มันหลอกลวงหรือไม่!” หวังหลินพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง แสงสามสีปรากฏขึ้นด้านหลังเขาคือสีดำ ขาวและทอง!
แสงทั้งสามสีพลันรวมกันกลายเป็นดวงอาทิตย์ดวงยักษ์ กลิ่นอายมหาชั้นฟ้าระเบิดออกมาจากตัวหวังหลิน ทั้งหมดตกลงใส่จ้าววิญญาณสีชาด
ขณะเดียวกันใบหน้าของจักรพรรดิเทพเหลียนต้าวเจินปรากฏขึ้นในดวงอาทิตย์ แม้ใบหน้าจะบิดเบือนจากความเจ็บปวด แต่ใครที่เคยเจอเหลียนต้าวเจินก็คงจำเขาได้!
“โกหก…ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก…ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก…เจ้าก็เป็นมหาชั้นฟ้า? ฮ่าฮ่า นี่มันโกหกทั้งเพ อย่ามาหลอกข้า” จ้าววิญญาณสีชาดสั่นเทา สายตาเลื่อนลอย
หลังจากหวังหลินปลดปล่อยแรงกดดันมหาชั้นฟ้าของตัวเอง ระดับบ่มเพาะจึงเพิ่มพูนขึ้นกระทั่งบรรลุระดับครึ่งก้าวย่ำสวรรค์ แรงกดดันมากพอจะทำลายล้างทั้งดาราจักรและทำลายได้ทุกชีวิต
แรงกดดันทั้งหมดรวมกันรอบจ้าววิญญาณสีชาดและไม่รั่วไหลออกไปไหน เขาเริ่มหัวเราะเหมือนคนบ้าและจังหวะนั้นร่างกายก็แตกสลาย
พอร่างกายแตกสลาย จ้าววิญญาณสีชาดจึงเป็นบ้าไปกว่าเดิม
เขาไม่อาจยอมรับความเป็นจริงได้ เขาไม่กล้าเชื่อว่าตนเองไปเป็นศัตรูกับคนที่หลอมวิญญาณจักรพรรดิเทพ แม้แต่ต้าวยี่ยังหวาดกลัว และเขาคนนั้นยังเป็นมหาชั้นฟ้าได้เองอีก ตัวเขายังเคยพูดว่าจะลิ้มลองคนรักของมหาชั้นฟ้าและนำลูกหลานของมหาชั้นฟ้ามาเป็นศิษย์
ทั้งยังทำให้ลูกหลานของมหาชั้นฟ้าคิดร้ายต่อมหาชั้นฟ้า
บัดซบ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!
ร่างกายและวิญญาณดั้งเดิมได้สูญสิ้น แต่เมื่อเทียบกับความบ้าคลั่งในตัวเขาแล้ว ความเจ็บปวดนี้เสมือนหิ่งห้อยกับดวงจันทร์ มันเทียบกันแทบไม่ได้เลย
การตายรูปแบบนี้นับว่าโหดเหี้ยมอำหิตมากกว่าทำลายวิญญาณและร่างกายตรงๆ เพราะนอกจากร่างกายแล้วหวังหลินยังทำลายความคิดและการหาเหตุผลอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งวันให้หลัง หวังหลินพามู่ปิงเหมย ฉือซาน ฉวี่ลี่กั๋วและคนอื่นจากไป แต่ก่อนจากหวังหลินได้สร้างค่ายกลขึ้นมาใหม่ ค่ายกลนี้ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมจนไม่มีใครสามารถทำลายได้ เว้นแต่บรรพชนเทพหรือบรรพชนโบราณมาเกิดใหม่
แม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ทำลายไม่ได้
ตอนที่หวังหลินจากไปได้ทิ้งเต๋าและวิชาส่วนหนึ่งของตนเองไว้ในแดนสวรรค์ เขายังรวบรวมพลังงานในโลกมาสร้างภูเขาแห่งเม็ดยาขึ้นมา ทิ้งเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแกร่งให้แดนสวรรค์เอาไว้ บางทีเมื่อเวลาได้ผ่านไปแดนสวรรค์อาจจะเต็มไปด้วยคนที่แข็งแกร่ง หรืออาจมีคนที่สืบทอดเต๋าของหวังหลิน
ค่ายกลป้องกันสมบูรณ์แบบ เม็ดยาจำนวนมากกองเท่าภูเขาและคัมภีร์เต๋า รวมถึงความรู้ความเข้าใจแก่นแท้นามธรรมของหวังหลิน จะทำให้แดนสวรรค์แข็งแกร่งและมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุร้ายเหมือนจ้าววิญญาณสีชาดปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ก่อนจากไปหวังหลินและปรมาจารย์เต๋าความฝันพูดคุยกันอยู่นาน ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันและหลังจากปรมาจารย์เต๋าความฝันออกมาส่งหวังหลิน เขาก็ปิดด่านบ่มเพาะ
หวังหลินจากมา เดินทางท่องไปในดาราจักรอันกว้างใหญ่และมาถึงดาวซูซาคุ เขานั่งตรงหน้ารูปปั้นของตัวเองอยู่หลายวันก่อนจะจากไป จากนั้นก็ไปที่ดาวเทียนหยุนที่ซึ่งกลายเป็นเศษซากปรักหักพังในช่วงสงครามครั้งใหญ่ไปแล้ว
หวังหลินแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณและพบทางเข้าดินแดนวิญญาณปิศาจ สถานที่อันคุ้นเคยแห่งนี้คือถ้ำของจักรพรรดิเทพฉิงหลิน เขาค้นพบม้วนคัมภีร์ที่ครั้งหนึ่งปิดผนึกอยู่ที่นี่ เขาปลดปล่อยสตรีข้างในและส่งให้นางได้ไปเกิดใหม่
สตรีผู้ลึกลับจากตอนนั้นไม่สำคัญต่อหวังหลินอีกต่อไปแล้ว
หวังหลินออกมาจากดินแดนวิญญาณปิศาจและไปยังสถานที่อีกหลายแห่งในดาราจักรดวงดาวทั้งสี่แห่ง เพื่อขจัดเรื่องราวที่ยังไม่ได้แก้ไขในอดีต เขาไม่ได้เจาะจงแต่ก็จัดการไปทีละอย่าง
ท้ายที่สุดหวังหลินก็ออกมาจากดินแดนชั้นในและเข้าสู่ดินแดนชั้นนอก
ในดินแดนชั้นนอกนั้น สถานที่แรกที่เขาไปคือดินแดนตกสวรรค์ เขาได้เห็นวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นสองและคนที่ช่วยเขาไว้ก่อนหน้านี้
หวังหลินยังได้พบเจอสหายเก่าแก่จำนวนมาก
หลายวันต่อมาหวังหลินปลดปล่อยผนึกบนดินแดนตกสวรรค์เพื่อให้ผู้คนที่นี่ออกมาได้ตามที่ต้องการ หวังหลินยังเก็บของที่สำคัญที่สุดของดินแดนตกสวรรค์มาได้ นั่นคือตัวชี้ของเข็มทิศ
รอยเท้าหวังหลินย่ำไปทั่วดินแดนชั้นนอก เขาได้เจอจิตวิญญาณแตกสลาย สหายคนนี้เป็นคนที่เขาชื่นชมมากในอดีต
เช่นเดียวกันนั้นหวังหลินได้เจอเด็กทารกคนหนึ่งบนดาวเคราะห์เซียนในดินแดนชั้นนอก
เด็กทารกนี้อยู่ในแกนกลางของดาวเคราะห์และดูเหมือนหลับไหล หน้าตาคล้ายกับต้าเสิน แม้หวังหลินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเสินดูเหมือนจะเป็นตู่ซือและบ่มเพาะวิชาบางอย่าง
วิชานี้จำเป็นต้องย้อนคืนร่างกายกลับเป็นทารกและเติบโตอีกครั้ง
หวังหลินเฝ้าดูเด็กทารกจนกระทั่งเขาจากไปในอีกหลายวันให้หลัง หวังหลินทิ้งสัมผัสวิญญาณไว้ให้ต้าเสิน เมื่อทารกตื่นขึ้นมา หวังหลินก็จะจับสัมผัสได้
สำหรับหวังหลินนั้นโลกถ้ำไม่มีความลึกลับอะไรอีกแล้ว หากมีก็คงเป็นเทียนหยุนและเซียนเต๋าสีรุ้งที่ลึกลับ กระนั้นเบาะแสทั้งสองคนก็ได้หายไปจากโลกถ้ำหมดแล้ว
หวังหลินเดินทางออกไปยังสถานที่หลายแห่ง จากนั้นหนึ่งปีต่อมาก็กลับมาที่ดาวซูซาคุ มาที่บ้านเกิด
มีความลับสุดท้ายที่รอให้เปิดเผย ตอนนั้นเขาไม่มีพลังอำนาจในการตามหามันและก่อนจะจากโลกถ้ำไปหวังหลินยังกังวลเรื่องราวในอดีต เขาจึงไม่มีเวลาให้ความสนใจ
แต่ตอนนี้เขามาอยู่บนดาวซูซาคุแล้ว หวังหลินไปที่ทะเลปิศาจ เข้าไปยังดินแดนเทพโบราณ
แม้ดินแดนเทพโบราณได้พังทลายไปเพราะต้าเสินแล้ว แต่มันยังมีมิติโบราณอยู่ข้างใน หวังหลินก้าวเข้าไปและพบกับจี่เซี่ยง
อสูรตัวนี้กลืนกินสัมผัสวิญญาณของหวังหลินเข้าไปและมีศีรษะที่ดูเหมือนหวังหลินไม่มีผิด
แต่ตอนที่หวังหลินพบมัน เจ้าอสูรตัวนี้ตายไปไม่รู้นานแค่ไหนแล้วและเหลือเพียงโครงกระดูก หวังหลินยืนอยู่ข้างโครงกระดูกมันไปสักพัก สายตาจับจ้องไปที่กะโหลกหนึ่งในนั้น
มันคือกะโหลกมนุษย์แต่ไม่ได้มีขนาดปกติ ทว่าเป็นขนาดเท่ากำปั้นแทน หวังหลินมองด้วยความสงสัย เขาเองก็มีกะโหลกขนาดเดียวกันนี้ในมิติเก็บของ
หวังหลินนำกะโหลกออกมาและเมื่อทั้งสองชิ้นวางใกล้กัน หนึ่งนั้นเปลี่ยนกลายเป็นละอองแสงก่อนจะหายไป
หวังหลินจำได้ว่าชิ้นที่หายไปคือชิ้นที่เขาได้มาจากต้าวยี่
หวังหลินเกิดความเข้าใจบางอย่างแต่มันเป็นชั่วพริบตาและเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน
หวังหลินเขย่ากะโหลกและพึมพำกับตัวเอง “หากมีการเกิดใหม่อยู่จริง เช่นนั้นเมื่ออดีตและปัจจุบันมาอยู่พร้อมกัน อดีตจะหายไปและไม่มีอีก…เหลือเพียงปัจจุบันอยู่เท่านั้น…”
หลังจากเก็บกะโหลกไป หวังหลินจึงผ่อนคลายอย่างยิ่ง ตอนที่เขาเริ่มเกิดความสงสัยในตัวเอง หวังหลินก็เริ่มรู้สึกกลัว
หวังหลินไม่ได้กลัวจริงๆ แต่ต้นกำเนิดความกลัวมาจากสิ่งของเช่นกะโหลก ดังนั้นจึงลังเล หากจะมีการเกิดใหม่จริงๆ นั่นน่าจะเป็น…หวังผิง
ตอนนี้เขาได้ค้นพบคำตอบแล้ว
หวังหลินเก็บกะโหลกและเดินออกจากดินแดนเทพโบราณ
‘ราชครูที่ดูเหมือนเทียนหยุนได้พูดว่าข้าค้นพบกะโหลกและผมสีขาว…ตอนนี้กะโหลกเปลี่ยนไปแล้ว หมายความว่าเส้นผมสีขาวจะเจอกับโชคชะตาคล้ายกันนี้…’ หวังหลินจากไปพร้อมกับขบคิดไปด้วย
เวลาผ่านไปในพริบตาถึงสิบปี
ฉวี่ลี่กั๋วได้ถูกปลดผนึกมานานแล้ว หลังจากได้อิสระคืนมาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจที่ได้กลับไปบ้าน เขาและหลิวจินเปียวได้จากไปเมื่อสิบปีก่อน ทั้งสองออกไปที่ไหนกันสักแห่ง
มังกรสมุทรอยู่กับพวกนั้นและคงไม่มีใครในโลกถ้ำทำร้ายพวกเขาได้ มีแต่พวกเขาที่ไปกลั่นแกล้งคนอื่นและคนอื่นไม่มีโอกาสแกล้งกลับมา
ก่อนหลิวจินเปียวจากไป เขาบอกฉวี่ลี่กั๋วด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่าอยากแสวงหาเต๋าแห่งการหลอกลวงขั้นสุดยอด เขารู้สึกว่าการร่วมมือกับฉวี่ลี่กั๋วเป็นไปค่อนข้างดี แต่บางทีถ้าใช้กับคนอื่นคงทำให้มันสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ฉวี่ลี่กั๋วตกลง หลังจากสนทนากันจึงมุ่งเป้าไปที่จงเฟยเจินและรู้สึกคิดถึง
ทั้งสองตัดสินใจว่าเป้าหมายแรกคือตามหาจงเฟยเจิน
ฉือซานยังคงวิถีเดิมและอยู่บนดาวซูซาคุ เขาตัดสินใจพักอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องอาจารย์จนกระทั่งอาจารย์ตื่น
ระดับบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ส่วนสำคัญที่สุดคือเขาสืบทอดเต๋าของหวังหลินและวิชาเกือบทั้งหมด
นอกจากแก่นแท้นามธรรมที่ยังไม่ได้ทำความเข้าใจดีนัก ฉือซานสร้างแก่นแท้ได้ห้าธาตุแล้ว
ยิ่งฉือซานดูเหมือนมีพรสวรรค์ต่อเต๋าสุดขั้วทั้งแปด ความเข้าใจของเขาจึงยิ่งลึกซึ้ง
ฉือซานไม่ใช่คนเดียวที่ปกป้องหวังหลิน ยังมีเจ้าราชายุงอีกด้วย มันทรงพลังและเคยเป็นราชาอยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่มันเคลื่อนไหวจะทำให้เซียนทั้งหมดบนดาวเคราะห์เกิดความสนใจ
มีเหล่าเซียนที่ต้องการจับมัน แต่เมื่อเจออุปสรรคและรู้ถึงช่องว่างที่ห่างชั้นกับเจ้ายุง ทั้งหมดจึงหลีกเลี่ยงและไม่กล้าล่วงเกินมันอีกเลย
เจ้ายุงไม่ทำร้ายใครอยู่แล้วและบางครั้งก็ออกจากดาวไปบินเล่น ผู้คนบนดาวเคราะห์จึงเกิดความเคยชินกับมันไปเสียสนิท
ส่วนหวังหลินและมู่ปิงเหมย ทั้งคู่เข้าไปยังถ้ำในภูเขาแห่งหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน หวังหลินใช้เต๋าแห่งความฝันเพื่อพาตัวเองและมู่ปิงเหมยไปขจัดปัญหาและมารร้ายในใจตอนที่เป็นหลิวเหมย
บางทีเมื่อปัญหากับหลิวเหมยถูกแก้ไขได้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างหวังหลินและมู่ปิงเหมยคงจะแตกต่างกันออกไป
วันเวลาผ่านไปในพริบตา สิบปีได้ผ่านไปอีกครั้ง
เหล่าเซียนบนดาวซูซาคุไม่รู้ว่าหวังหลินผู้เป็นตำนานได้กลับมาบ้านเกิด พวกเขารู้แต่เพียงว่าเมื่อยี่สิบปีก่อน เซียนผู้เฉยชาคนหนึ่งได้เปลี่ยนภูเขาแห่งหนึ่งกลายเป็นดินแดนต้องห้าม
ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไปข้างในแม้แต่ครึ่งก้าว ครั้งแรกที่มีคนลองดี พวกเขาได้รับคำเตือนแต่ครั้งที่สองกลับได้รับโทษถึงตาย!!
………………………………………………………..