Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2081 มองเข้าไปในทะเล
หวังหลินจากไปแล้ว
ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้า บนดาวเคราะห์ธรรมดาดวงหนึ่ง หญิงสาวสวมชุดสีม่วงและเรือนผมยาวพริ้วไหวไปตามสายลม ชุดราตรีของนางขับเสน่ห์ออกมาได้อย่างเหลือล้น
นางมองไปยังท้องฟ้า ใต้ดวงอาทิตย์นั้นหากมองใกล้เข้าไปคงจะเห็นคิ้วงดงามบนใบหน้าของนาง นางเต็มไปด้วยความสับสน สัมผัสได้ถึงสัมผัสวิญญาณหนึ่งที่มาถึงและหยุดชะงักอยู่กับนางชั่วครู่ก่อนจะจากไป
เดิมทีนางคิดว่าทั้งหมดเป็นภาพลวงตา แต่เมื่อสัมผัสวิญญาณหายไป หินหยกก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า หินหยกลอยอยู่อย่างเงียบงันและเปล่งแสงอ่อนโยน
นางคือซื่อจื่อเฟิง
นางจ้องมองหินหยกตรงหน้า มันกำลังเผยกลิ่นอายอันคุ้นเคย กลิ่นอายนี้เสมือนความฝันและเป็นสิ่งที่นางไม่มีวันลืม
‘หวังหลิน…’ ซื่อจื่อเฟิงขบคิดอยู่นานก่อนจะยื่นมือไปสัมผัส กุมหินหยกเอาไว้และหลับตาส่งสัมผัสวิญญาณของตัวเองเข้าไป ข้างในมีเสียงหวังหลินเปล่งออกมา
จากนั้นผ่านไปสักพักเมื่อซื่อจื่อเฟิงลืมตาขึ้นมา นางพลันเผยรอยยิ้มเบาบาง เป็นรอยยิ้มที่งดงามยิ่ง
อีกแห่งหนึ่งในโกลถ้ำ ณ ดาราจักรอันอ้างว้างของดินแดนชั้นนอก มีกลุ่มก้อนหินจำนวนมากลอยอยู่ที่นี่คล้ายกับมีกฎอันแปลกประหลาดและหมุนอย่างช้าๆ เป็นเส้นโค้ง
บนก้อนหินใหญ่ที่อยู่ตรงกลางมีชายชรานั่งอยู่ ใบหน้าเขาแดงก่ำและกำลังบ่มเพาะอย่างสงบนิ่ง ทุกครั้งที่หายใจจะมีแสงสีเทาหนึ่งสายออกมาจากร่าง เข้าสู่ก้อนหินและแผ่กระจายออกไปให้ก้อนหินอื่นดูดซับ
ก่อนที่เขามาไม่มีก้อนหินใดอยู่ที่นี่ แต่เมื่อชายชรามาถึงสักพักแล้วเหล่าก้อนหินก็ปรากฏมากขึ้นราวกับสร้างจากวิชาของเขา…
ชายชราผู้นี้อยู่ภายในรูปปั้นหินแตกร้าวในส่วนลึกของแดนสวรรค์วายุ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา การต่อสู้ของหวังหลินกับฉุยต้าวคงอันตรายยิ่งกว่านี้
เวลานี้ชายชราหลับตาและบ่มเพาะอย่างเงียบงันเพื่อบังคับให้พลังงานที่กำลังเปลี่ยนร่างเขาเป็นหินให้ออกไปนอกร่างกาย หินทั้งหมดที่นี่โผล่ออกมาก็เพราะเหตุนี้
‘ข้าเพียงต้องใช้เวลาอีกสามร้อยปีเพื่อฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์…จากนั้นข้าก็จะออกไปจากที่นี่ได้และกลับไป…บ้าน…’ ชายชราลืมตา ราวกับสายตามองทะลุผ่านความว่างเปล่าจนเห็นดาราจักรอันกว้างใหญ่
เขาไม่ใช่เซียนของโลกถ้ำ เขามาจากแผ่นดินเซียนดารา มาจากสำนักเจ็ดเต๋า…ความจริงเขาเป็นแค่ศิาย์ของราชันย์เทพสีรุ้ง
ขณะที่พึมพำ เขารู้สึกไม่อยากออกไปจากโลกถ้ำเล็กน้อยเนื่องจากอยู่ที่นี่มานาน หลังจากขบคิดก็ถอนหายใจและหลับตาอีกครั้ง พอเขากลับมาบ่มเพาะต่อ สัมผัสวิญญาณทรงพลังสายหนึ่งได้ผ่านเข้ามา
พลังอำนาจของสัมผัสวิญญาณนี้ได้ทำให้เขาตกตะลึง เขาพบว่าถ้าเจ้าของสัมผัสวิญญาณไม่อยากให้เขาตรวจพบจึงไม่สามารถจับสัมผัสได้
สำหรับเขา พลังอำนาจของสัมผัสวิญญาณนี้เทียบได้กับอำนาจแห่งสวรรค์
สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านมาและไม่หยุดชะงัก แต่หลังจากมันหายไปได้ทิ้งให้ชายชราให้รู้สึกไม่มั่นใจต่อสถานการณ์และมีเม็ดยาหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
เม็ดยานี้เป็นสีแดงล้วนและเปล่งพลังอำนาจในโลกอันน่าตกตะลึง เพียงแค่ได้กลิ่นหอมจากเม็ดยาก็ทำให้พลังกลายเป็นหินในร่างกายเขาถูกระงับแล้ว
พอมองเม็ดยาและนึกถึงสัมผัสวิญญาณ ชายชราจึงสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย และพอขบคิดชั่วครู่จึงพึมพำกับตัวเอง
“เขา…”
ในยามที่หวังหลินออกไปจากโลกถ้ำ เด็กทารกที่กำลังหลับใหลอยู่ในดาวเคราะห์หนึ่งในดินแดนชั้นนอกกำลังมีดวงตาสั่นเทาราวกับกำลังตื่น
แต่หลังจากนั้นสักพักเขาก็ยังไม่ลืมตาและค่อยๆ กลับไปหลับเหมือนเดิม พลังปราณจำนวนมากภายในและภายนอกดาวเคราะห์ได้รวมกันเข้าหาทารก กลายเป็นพลังงานหล่อเลี้ยงให้เขาเติบโตขึ้น
เบื้องหน้ามีหินหยกก้อนหนึ่งสร้างจากสัมผัสวิญญาณ หินหยกก้อนนี้ไม่มีรูปร่างเป็นของเข็งแต่สับเปลี่ยนระหว่างภาพลวงตาและของจริง มันลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน รอให้ทารกตื่นขึ้นมาเห็น
ดาวเคราะห์ที่ทารกอยู่นับได้ว่าธรรมดายิ่งและไม่ดูแปลกประหลาดเลย หากจะมีสิ่งใดแปลกก็คงเป็นรูปร่างของมันที่หากดูไกลๆ จะเหมือนดวงตา
เทือกเขาบนดาวเคราะห์ยาวเหยียดจนดูเหมือนเส้นโลหิต ทะเลกว้างใหญ่เหมือนสีขาวที่อยู่รอบรูม่านตาและแผ่นดินตรงกลางคือตาดำ
หวังหลินเคยเห็นที่นี่มาก่อน เขาไม่เพียงแต่เห็นทารกต้าเสินแต่ยังเห็นดาวเคราะห์ที่ต้าเสินกำลังหลับใหลอยู่ข้างในด้วย
หลังจากที่หวังหลินจากไป โลกถ้ำก็สงบเงียบ ทว่ามีพลังสายหนึ่งที่แทบไม่มีใครตรวจจับได้กำลังเต็มไปทั่วโลกถ้ำ
พลังนี้สามารถป้องกันสถานที่แห่งนี้ได้หลายอีกหลายยุคหลายสมัยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนจ้าววิญญาณสีชาดได้อีกครั้ง
ณ แผ่นดินเซียนดารา ในแคว้นกระทิงสวรรค์มีภูเขาแห่งหนึ่งล้อมรอบด้วยสายหมอก ในวันนี้พลังอันรุนแรงได้พุ่งออกมาและมีแสงผลึกแผ่กระจายทั่วบริเวณ
หลังจากแสงกระจายไป หวังหลินค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากประตูด้วยร่างชุดสีขาว เรือนผมสีขาว
เวลาสามร้อยปีได้ผ่านไปในพริบตา หวังหลินมองโลกที่เป็นแผ่นดินเซียนดาราและก้าวเดินต่อไปเงียบๆ
“สำนักเจ็ดเต๋า…” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง ก่อนจากไปเขาได้สะบัดแขนให้ฝุ่นพัดผ่านสำนักเจ็ดเต๋า ซากปรักหักพังหายไปและถูกแทนที่ด้วยสำนักอันทรงพลัง
“ที่แห่งนี้จะกลายเป็นบ้านของทุกคนที่ออกมาจากโลกถ้ำ…” หวังหลินพึมพำพร้อมกับยื่นมือเข้าหาท้องฟ้า พริบตานั้นแสงเกือบยี่สิบสายปรากฏขึ้นและกระจายไปทุกทิศทาง
เหล่าแสงเกือบยี่สิบสายปรากฏในสถานที่แตกต่างกันทั่วแผ่นดินเซียนดารา
ฉิงชุ่ยกำลังเดินผ่านทะเลทรายแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นสังเกตบางอย่างได้และมองขึ้นไป กระจุกแสงลอยเข้าสู่ร่างเขาทำให้ร่างกายสั่นเทา ทันใดนั้นเขาจึงลืมตาและเผยรอยยิ้ม
ปรมาจารย์หงซานกำลังทะยานผ่านท้องฟ้า เบื้องหน้าเขาคือแสงกระบี่สายหนึ่งที่มีชายชราอยู่ข้างใน ชายชราผู้นี้มีสีหน้าท่าทางดุร้ายแต่ความกลัวซ่อนเอาไว้และกำลังหนีเต็มกำลัง
ปรมาจารย์หงซานกำลังไล่ล่าด้วยท่าทีมืดมน ยามนี้มีกระจุกแสงหนึ่งสายเข้าสู่ร่างกายและทำให้เขามองไปทางแคว้นกระทิงสวรรค์ สีหน้ามืดมนดูเบาบางแต่ก็ไล่ตามได้เร็วขึ้น
ฉิงหลิน ผีเสื้อสีชาด โจวยี่และแทบทุกคนที่มาจากโลกถ้ำล้วนได้แสงหนึ่งสายและสัมผัสได้ถึงตัวตนของสำนักเจ็ดเต๋า แม้บางคนยังเป็นคนธรรมดา ความทรงจำของสำนักเจ็ดเต๋าจะค่อยๆ ตื่นขึ้นในอนาคต
หวังหลินมองไปยังสำนักเจ็ดเต๋าครั้งสุดท้ายก่อนจะวางค่ายกลทรงพลังเอาไว้รอบๆ ค่ายกลนี้เทียบได้กับค่ายกลที่เขาวางเอาไว้ในโลกถ้ำ แม้เขาไม่ได้ออกมาจากแผ่นดินเทพบรรพกาล เขาก็ยังรับประกันความปลอดภัยของโลกถ้ำได้และปกป้องคนของสำนักเจ็ดเต๋าได้อีกด้วย
หลังจากเสร็จเรื่องทั้งหมด หวังหลินก้าวเดินเข้าสู่ท้องฟ้าจนร่างโปร่งแสงและเลือนหายไป
“เวลาสามร้อยปีนับเป็นช่วงชีวิตของคนธรรมดาหลายรอบ แต่สำหรับเซียน มันไม่ได้ยาวนานเท่าใดนัก…เหลียนต้าวเฟยกลายเป็นจักรพรรดิเทพและจี้ตูกลายเป็นจักรพรรดิฉี อยากรู้จริงว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรอยู่…” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง
‘และ…ลี่เฉียนเหมย เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่…’ หวังหลินถอนหายใจ เขาเดาว่าลี่เฉียนเหมยได้ฟื้นความจำของตัวเองได้เหมือนฉิงชุ่ย เขายังเดาเหตุผลอีกว่านางคงไม่อยากเจอเขา
หวังหลินมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขานึกถึงคำพูดของลี่เฉียนเหมยอยู่เสมอและเรื่องราวของนกกับปลา
ผ่านไปสักพักหวังหลินก็หลับตาและก้าวเดินเข้าสู่ทิศทางของเผ่าโบราณ
‘ข้าสัญญากับกุ้ยต้าวเอาไว้ว่าข้าจะเข้าแดนเทพบรรพกาลจากฝั่งของเผ่าโบราณ’ หวังหลินจดจำสัญญาครั้งนั้นได้ เขาเดินทางในเผ่าเทพอยู่หลายวันและมาถึงชายขอบทะเลอันกว้างใหญ่ จากนั้นก้าวเดินเข้าตรงกลางที่มีพายุตั้งอยู่
ก่อนจะเข้าใกล้เขาได้ยินเสียงดังสนั่นจนท้องฟ้าปั่นป่วนและมืดครึ้ม สามร้อยปีผ่านมาแล้วที่เกิดพายุขึ้นมาและตอนนี้มันก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
พายุหมุนอย่างรวดเร็วกลายเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่จำนวนมาก มันเหมือนคลื่นที่กำลังลอยอยู่ในอากาศและพัดตีใส่กันอย่างต่อเนื่องขึ้นสู่ท้องฟ้า ภายในพายุมีเสาขนาดยักษ์เก้าต้นเปล่งแสงเก้าสีไม่ซ้ำกัน แสงเต็มไปทั่วพายุและสะท้อนออกมาจนดูเหมือนความฝันเก้าสี
ความฝันนี้ได้นำพาสัมผัสแห่งความลึกลับเป็นพลังที่ทำให้ผู้คนหลงใหลและไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ เนื่องจากมีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับแดนเทพบรรพกาลบนแผ่นดินเซียนดาราไว้มากมาย จึงมีผู้คนอยู่ที่นี่จำนวนมาก พวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา ปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น
หวังหลินยืนอยู่ด้านข้างของพายุและเดินทะลุผ่านไปอย่างไม่ลังเล เขาปรากฏตัวด้านฝั่งของเผ่าโบราณ นั่งลงอย่างสงบนิ่งเพื่อรอคอยแดนเทพบรรพกาลที่จะเปิดออกในไม่อีกกี่เดือน
ขณะที่เวลาใกล้เข้ามา ฝั่งเทพและฝั่งโบราณเหมือนอสูรดุร้ายสองตัวที่กำลังหลับใหลและได้ตื่นขึ้นจนระเบิดพลังอันสูงสุดหลังจากเตรียมการมาแล้วหลายร้อยปี
……………………………………………………….