Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2084 สตรีคนนั้น ตงเหมย
จิ่วตี้จากไปอย่างไม่ยินยอม เมื่อร่างเขาค่อยๆ หายไปจึงเหลือคนที่อยู่นอกพายุเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น
กุ้ยต้าวมองไปที่พายุและพูดขึ้นอย่างช้าๆ “พวกเจ้าทั้งหมดจากไปได้แล้ว เสียงดังสนั่นในวันสุดท้ายแม้แต่ข้ายังต้องใช้พลังเต็มที่เข้าต่อต้าน ถึงสุดท้ายมันจะเปิดออก พวกเจ้าก็ไม่สามารถเข้าแดนเทพบรรพกาลได้อยู่ดี…”
“ข้าเพิ่งสังเกตเรื่องนี้ได้ไม่กี่วันก่อน”
ซวนลั่วและคนอื่นขบคิดและจากนั้นโค้งคำนับแก่กุ้ยต้าว หลังจากเห็นกลุ่มของจิ่วตี้จากไป พวกเขาจึงรู้ว่าการเปิดแดนเทพบรรพกาลครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะเข้าร่วมได้
ขณะที่พวกเขากำลังจะจากไป หวังหลินลุกขึ้นและเดินก้าวหาซวนลั่ว
“อาจารย์”
ซวนลั่วมองหวังหลินและยิ้มออกมา
“อาจารย์กำลังจะไปเกิดใหม่ในอีกไม่นาน ศิษย์กำลังจะเข้าแดนเทพบรรพกาล หากศิษย์ออกมาได้อย่างปลอดภัย ศิษย์จะไปปกป้องการเกิดใหม่ของอาจารย์…หากศิษย์ออกมาไม่ได้ อาจารย์ยังเกิดใหม่ได้อย่างปลอดภัยด้วยสิ่งนี้” หวังหลินมองซวนลั่วและยื่นมืออกไปปรากฏหินหยกหนึ่งก้อน เขายื่นให้ซวนลั่วอย่างเคารพ
ซวนลั่วรับหินหยก เขาไม่ได้ตรวจสอบในทันทีแต่มองใบหน้าหวังหลิน จากนั้นสักพักจึงพูดขึ้นเบาๆ
“ดูแลตัวเองด้วย…”
หวังหลินพยักหน้า
ซวนลั่วหลับตา พอลืมตาขึ้นอีกครั้งจึงเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงพร้อมกับซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่ พริบตาเดียวพวกเขาก็เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เวลานี้ด้านนอกพายุจึงเหลือเพียงหวังหลินและกุ้ยต้าว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งพลบค่ำ เหลืออีกเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนแดนเทพบรรกาลเปิดและเสียงดังสนั่นจากพายุก็มาถึงขีดสุด วังวนหมุนอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนหยุดอยู่กับที่
แต่นั่นแปลว่ามันหมุนด้วยความเร็วสูงสุด
ท้องทะเลดูเหมือนถูกวังวนดูดซับไป น้ำทะเลออกมาจากพายุและถูกดึงเข้าสู่วังวน
วันวนเหมือนหลุมดำที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง มันดูดซับน้ำทะเลไปจำนวนมากจนพายุหดเล็กลง
กุ้ยต้าวมองไปทางพายุและพูดขึ้น “ตอนที่น้ำทะเลทั้งหมดถูกดูดเข้าไป แดนเทพบรรพกาลจะ…” น้ำเสียงเขาดังชัดเจนเข้าหูของหวังหลิน
“ข้าจะเข้าแดนเทพบรรพกาลไปเพื่อชุบชีวิตภรรยาข้า เจ้า…เข้าไปเพื่อสิ่งใด?” หวังหลินเฝ้าดูวังวนที่กำลังกลืนกินน้ำทะเล มันคงอยู่ได้ไม่นานก่อนที่พายุจะเลือนหายไปจนหมด
“…เพื่อหาคำตอบ!” กุ้ยต้าวหันมาหาหวังหลิน
“หลังจากข้าได้ความทรงจำของบรรพชนโบราณ มีคำถามหนึ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยหาคำตอบ…ข้ารอวันนี้มานานและการปรากฏตัวของเจ้าคือโอกาสที่ข้าจะได้หาคำตอบนี้!”
“คำตอบ…” หวังหลินพึมพำ
“หากข้าพบเจอคำตอบนี้ บางทีข้าจะสามารถออกไปจากเผ่าโบราณและไปที่ไหนก็ได้ที่ข้าอยากไป” พริบตาเดียวแววตากุ้ยต้าวเกิดความรู้สึกอับซับซ้อน
“เจ้ามีศีรษะบรรพชนเทพ ดังนั้นเจ้าก็คงเห็นแล้วว่าบรรพชนเทพตายอย่างสงบ ไร้ความเจ็บปวด…บรรพชนโบราณก็ตายเช่นกัน…”
“ข้าสัมผัสความตายนี้ได้ในความทรงจำของเขา เขาก้าวเดินเข้าสู่ความตายอย่างลังเล ไม่เชื่อมั่นแต่ก็ตัดสินใจไว้แล้ว”
“ทั้งสองนั้นใช้ความตายเพื่อแสวงหาคำตอบ ขณะเดียวกันก็ได้ทิ้งมรดกเอาไว้มากมาย บางทีมันถูกใช้เพื่อปกป้องพวกเขาเอง” กุ้ยต้าวพึมพำ
เสียงรอบด้านดังสนั่น วังวนกลืนกินพายุต่อไปจนกระทั่งเหลือพายุไม่ถึงครึ่ง น้ำทะเลหายเข้าไปในวังวนอย่างสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าปลายทางคือที่ไหน
เพียงไม่นานน้ำทะเลทั้งหมดก็หายไป
กุ้ยต้าวถอนสายตาจากหวังหลินและมองไปยังพายุที่กำลังหดตัวลง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “บรรพชนโบราณและบรรพชนเทพค้นพบความลับที่เหนือจินตนาการ พวกเขาลังเล สงสัยและท้ายที่สุดเพื่อไล่ตามความจริง จึงเดินเข้าสู่ความตาย…”
“ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะไปค้นหาคำตอบแล้ว”
หวังหลินขบคิดอย่างเงียบๆ
เวลาครึ่งชั่วโมงค่อยๆ ผ่านไป เมื่อทะเลทั้งหมดถูกวังวนกลืนไปแล้ว เสียงดังสนั่นกึกก้องอย่างต่อเนื่อง เสาขนาดยักษ์เก้าต้นไม่ได้เปล่งแสงแพรวพราวเก้าสีอีกต่อไป ประตูสู่แดนเทพบรรพกาลนั้นเปิดออกอย่างช้าๆ!
วินาทีที่มันเปิดออก ระลอกคลื่นสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากประตูและด้วยความเร็วเหนือจินตนาการของมันจึงได้กวาดผ่านท้องทะเลขนาดใหญ่เข้าหาเผ่าโบราณและเผ่าเทพ
เพียงระลอกคลื่นกวาดผ่านออกไป สายลมหยุดชะงัก ซ่งเทียนและคนอื่นที่ทะยานออกไปต่างก็หยุดค้างในอากาศ
ในเผ่าโบราณไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือเซียน ทุกสิ่งมีชีวิตได้หยุดลงเพียงระลอกคลื่นผ่านไป
เปลวเพลิง สายน้ำ ทุกอย่างหยุดชะงักในชั่วจังหวะ
ภายในแผ่นดินอาณาเขตจวี่มีสายฝนที่กำลังตกลงมา ในยามนี้แม้แต่ฝนก็ยังหยุดอยู่กลางอากาศ
ในเผ่าเทพเองก็เช่นเดียวกัน กลุ่มของจิ่วตี้สามคน ชวงจื่อ จักรพรรดิเทพและเหล่าเซียนจำนวนมากรวมถึงคนธรรมดาและสัตว์เทพทั้งหลายได้หยุดการเคลื่อนไหว
ธาตุทั้งห้าในโลก กฎแห่งโลกทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลงอย่างสิ้นเชิง
ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราเงียบสงัด
มีเพียงประตูที่อยู่ตรงกลางกำลังเปิดออกอย่างช้าๆ เมื่อมันเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แสงเก้าสีที่เปล่งประกายจากภายในจะเผยเป็นทางเดินสู่ที่ไหนสักแห่ง
“ครั้งนี้แตกต่างจากในอดีตจริงๆ…” กุ้ยต้าวพึมพำ ระลอกคลื่นสามารถหยุดยั้งทุกอย่างในโลกที่มีระดับต่ำกว่าขั้นย่ำสวรรค์ได้จริงๆ
กุ้ยต้าวมีแววตาเปล่งประกายและไม่ลังเล เขาพุ่งเข้าไปในประตูเก้าสีเบื้องหน้าหวังหลินและหายวับไปข้างใน
ตอนนี้หวังหลินเป็นคนเดียวที่อยู่นอกประตู เขาหลับตาและพอลืมตาขึ้นอีกครั้งจึงก้าวเดินเข้าสู่ประตู เดินไปทีละก้าว
หลังจากหวังหลินเข้าไปในแดนเทพบรรพกาลแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินเซียนดาราจึงกลับคืนสู่ปกติ เรื่องประหลาดก็คือแทบไม่มีใครตรวจจับได้ในช่วงที่ทุกอย่างหยุดชะงัก
เหล่าเซียนทั้งหลายทำไม่ได้ เผ่าโบราณก็ทำไม่ได้ แม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ไม่สังเกตว่าพวกเขาลืมหายใจไปถึงสิบครั้ง
ช่วงเวลาหายใจสิบครั้งได้สูญหายไปจากฟ้าดิน สูญหายไปจากธาตุทั้งห้า สูญหายไปจากมนุษย์ทุกคน เซียนทุกคนและจากมหาชั้นฟ้าทั้งแปดคน
ราวกับช่วงเวลาสั้นๆ นี้ได้ถูกพลังประหลาดดูดซับและหายเข้าไปในประตูสู่แดนเทพบรรพกาล
เมื่อทั้งแผ่นดินเซียนดาราฟื้นคืนกลับมา เสาทั้งเก้าในทะเลจึงเปล่งประกายอย่างเจิดจ้า เกิดแสงสาดส่องทุกสิ่งอย่างและจากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
พอเสาทั้งเก้าหายไป ประตูสู่แดนเทพบรรพกาลก็หายไปด้วย
วังวนที่เหลืออยู่เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทะเลที่ได้หายเข้าไปในวังวนพลันแตกกลับกลายเป็นแอ่งน้ำ
น้ำทะเลร่วงหล่นลงมาส่งเสียงดังสนั่น หลายชั่วโมงต่อมาแอ่งน้ำจึงได้กลับกลายเป็นทะเลดังเดิม ทะเลอันกว้างใหญ่ส่งคลื่นกระทบฝั่ง เสียงดังหายไปและถูกแทนที่ด้วยเสียงแห่งท้องทะเล
ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนเป็นปกติ เผ่าเทพและเผ่าโบราณก็เช่นเดียวกัน รวมถึงร่างสองคนที่อยู่ในลานกว้างของเมืองศิลาดำแห่งเผ่าโบราณด้วย
บ้านแห่งหนึ่งหลังไม่ใหญ่นัก ตกแต่งภายในอย่างเรียบง่ายแต่อบอุ่น บนเตียงมีหญิงชราผู้หนึ่งนอนอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแต่เห็นได้ถึงความงดงามตอนที่นางเยาว์วัยได้อย่างชัดเจน
ด้านข้างหญิงชราเป็นสตรีอีกคน นางสวมชุดสีขาวและไม่สามารถมองเห็นรูปร่างของนางได้ชัดเจน มีเพียงเรือนผมยาวข้างหน้าเท่านั้น แผ่นหลังของนางงดงามแต่สัมผัสได้ถึงความเศร้าหมองจนผู้คนที่เห็นเกิดความสงสาร
ราวกับปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ มองลงมามิอาจเห็นหยาดน้ำตา หากแต่ลองตักน้ำขึ้นมาชิมอาจได้ลิ้มรสชาติของน้ำตาปะปนไปด้วย
หญิงชราถูกละเลยและพูดขึ้นเบาๆ “ตงเหมย…ข้ากำลังจะไปอยู่กับลุงจางแล้ว…อย่าพยายาม…เมื่อข้าจากไปจะเหลือเจ้าคนเดียว…เจ้าและข้านั้นแตกต่างกัน ข้าเป็นแค่คนธรรมดา มีอายุขัยจำกัด…แต่เจ้ามีสายโลหิตโบราณและสามารถบ่มเพาะได้…เจ้า…ดูแลตัวเองด้วยนะ”
หญิงชราคือซ่งจื่อ…
ซ่งจื่อเป็นเพียงคนธรรมดาของเผ่าโบราณ ดังนั้นอายุขัยห้าร้อยปีสำหรับนางถือว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว
หญิงชรามองหญิงสาวที่เติบโตขึ้นมาด้วยกันและพึมพำ “ข้ารู้ว่าในตัวเจ้ามีอะไรบางอย่าง…ข้าเห็นเจ้ามองขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างสับสนและร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง…ข้ายังจำได้ตอนที่ข้าบอกเจ้าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋าและเรื่องราวของหวังหลินและลี่มู่หวาน เจ้าถึงกับฝืนยิ้ม”
“ตงเหมย…สัญญากับข้า ถ้าเจ้าลืมไม่ได้ ก็อย่าทำให้ตัวเองรู้สึกแย่”
นางจำได้เสมอตอนที่พูดชื่อ “หวังหลิน” ครั้งแรกกับตงเหมย นางตกตะลึงและเกิดอารมณ์แปรปรวน
นางยังจำเรื่องเมื่อห้าร้อยปีก่อนได้ ตอนที่หวังหลินพานางกลับมา เขาไม่ได้เล่าเรื่องลี่มู่หวานคนเดียวแต่ยังเป็นสตรีชื่อลี่เฉียนเหมยด้วย
‘คนที่ได้มาเกิดใหม่…ตงเหมยและลี่เฉียนเหมย จะใช่คนเดียวกันหรือไม่…’ หญิงชราไม่ได้พูดเรื่องนี้แต่มองหญิงสาวงดงามตรงหน้าพลางหลับตาลงอย่างช้าๆ
………………………………………