You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 137
บทที่ 137 มันพรากความบริสุทธิ์ของฉันไป
เย่ฮั่วนึกคิดด้วยความหนักแน่น “ผู้หญิงกำลังรอฉันอยู่?”
“ใช่แล้วครับ อารมณ์ของเธอไม่ค่อยแน่นอนด้วย” เว่ยชางเองก็อยู่ในอาการสับสน ท่านผู้สูงส่งไปทำอะไรไว้ด้านนอกหรือไง? ถ้าเขารู้จักคนๆนี้ล่ะก็ได้…ใช่ เขาต้องรู้จัก ควรจะเป็นแบบนั้น
เย่ฮั่วหายใจช้าๆ ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย “จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง? เรื่องนี้จำเป็นต้องถึงมือฉันด้วยเหรอ?”
“นี่มันต่างออกไปน่ะครับ” เว่ยชางกระซิบกระซาบ
“ต่างยังไง?” เย่ฮั่วถามด้วยเสียงขรึม
เว่ยชางพูดอย่างจริงจัง “ท่านผู้สูงส่ง ท่านควรจะไปตรวจสอบด้วยตนเอง”
เย่ฮั่วถอนหายใจอย่างผ่อนคลายและเหลือบมองไปยังเว่ยชาง “สิ่งเล็กที่ไม่สามารถจัดการให้เสร็จสรรพได้ นี่ไม่ได้กำลังจะพูดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆหรือเรื่องโง่ๆใช่ไหม?”
เว่ยชางไม่กล้าที่จะพูดอะไรทั้งนั้น มันไม่ใช่เรื่องรักๆใคร่ๆ แต่นี่เป็นปัญหาของท่านเลย ท่านผู้สูงส่ง
เย่ฮั่วลงบันไดไป มันไม่มีใครอยู่ ณ บาร์ด้านล่างแล้ว รวมถึงพนักงานด้วย มีเพียงเงาหนึ่งๆที่นั่งอยู่ ผมยาวสีดำนั้นงามสลวยแม้ในความมืด เพียงแค่ได้เห็นด้านหลังเย่ฮั่วก็ให้คะแนนเต็มสิบแล้ว แต่สาวคนนั้นกลับถือดาบยาวที่มือขวาซะนี่
เธอดื่มไวน์เป็นปริมาณมาก ดูท่าเนี่ยแหละปัญหา
ถ้าหากเป็นเย่ฮั่วคนเก่า เขาคงจะจัดการหิ้วเธอขึ้นไปแล้วก็รื่นเริ่งกับคืนแสนสุขไปแล้ว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่ฮั่วก็นึกถึงเหตุการณ์เก่าๆขึ้นมา เพราะดูแล้วเธอเองก็อยู่ในสภาพนั้นด้วย
เย่ฮั่วส่งสัญญาณก่อนที่เว่ยชางจะพยักหน้ารับและเดินนำเข้าไป “สาวน้อย นายท่านของพวกเราอยู่ที่นี่แล้ว!”
สาวสวยผู้ดื่มหนักค่อยๆหันมามองยังเย่ฮั่วก่อนจะดื่มต่อ แต่กระนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วย “นี่ไม่ใช่เจ้านายของพวกนาย เจ้านั่นน่ะมันคือร่างกระดูก!”
เย่ฮั่วช็อคไปในบันดล ยัยผู้หญิงนี่เห็นร่างของเขาแล้วงั้นเหรอ!?
เว่ยชางกลับมาและกระซิบถาม “ท่านผู้สูงส่ง หรือว่าจะเป็นปีศาจ?”
เย่ฮั่วพยักหน้า ดูเหมือนว่าคนๆนั้นต้องไม่ใช่คนดีแน่ ขั้นแรกเลย คงต้องถามก่อนว่าทำไมถึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นร่างกระดูก
อ่า พอได้มองชัดๆแล้วยัยนี่มันฟ่างนี่หว่า!
เมื่อย้อนกลับไปคืนก่อนๆ จริงๆมันมีเรื่องเล่ามากมาย หลายรูปแบบ และในวันถัดมา ทั้งโลกก็รู้แล้วว่าเธอคนนี้ถูกพรากความบริสุทธิ์ไปโดยเจ้าร่างกระดูกนั่น
สำหรับเจ้าสำนักเมฆาเช่นนี้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่สะดวกนักถ้าจะถูกฆ่าได้โดยร่างกระดูก
เมื่อวาน ข่าวลือที่โหมดั่งพายุใหญ่นั่นทำให้เธออับอายมากขึ้นไปอีก รวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสท่านอื่นในสำนักเมฆาก็ไม่สามารถนั่งเฉยได้ พวกเขาขอให้ฟ่างถอนตัวออกจากการเป็นเจ้าสำนักไม่งั้นล่ะก็สำนักเมฆาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกให้กับคนอื่นไปแน่ๆ
ฟ่างนั้นจริงจังกับเหตุการณ์นี้มาก เธอไม่ได้โทษเหล่าผู้อาวุโส เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าสำนักต้องมาก่อน
เธอได้จากบ้านที่หวงหามานาน จิตใจของเธอมันได้ตายจากไปแล้ว เธอครุ่นคิดถึงถึงการจะสละกายหยาบไปด้วยหลังจากการตายของหมิงซี
ฟ่างยังไม่สามารถทำได้ นั่นก็เพราะถ้าเธอจะตาย เธอก็จะลากเอาเจ้าร่างกระดูกนั่นตายไปด้วย !
ชื่อเสียงของเธอนั้นถูกทำลายไปหมดแล้วด้วยเงื้อมมือของเขา สิ่งเดียวที่ยังทำได้ในชีวิตนี้ก็คือการฆ่าเจ้ากระดูกนั่นเท่านั้น!
เว่ยชางจัดการม้านั่งและเย่ฮั่วก็นั่งลงไปตรงข้ามกับฟ่างฟ่างและพบว่าหญิงสาวคนนี้สวยจริงๆนั่นแหละ นัยน์ตานั่นเหมือนจะเพิ่งโดนเรื่องหนักหนาสาหัสมา
“รู้ได้ไงว่าเจ้านายเป็นร่างกระดูก?” เย่ฮั่วถามอย่างเข้มขรึมโดยลืมเรื่องที่จะเปิดเผยตัวตนไปแล้ว
มองไปยังฟ่างที่พยักหน้าทั้งที่เริ่มมึนเมา ฟังถ้อยคำแปลกๆที่ออกมาจากชายรูปร่างหล่อตรงหน้าเธอก่อนจะพูด “ก็เพราะว่าฉันเห็นน่ะสิ มันเป็นกระดูกทั้งตัวเลย…ฉันจะฆ่ามัน!!!”
เย่ฮั่วและเว่ยชางมึนงงไม่ต่างกัน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ทำไมมันก้าวกระโดดไปมาแบบนี้
“แล้วทำไมถึงอยากจะฆ่าเจ้ากระดูกล่ะ?” เย่ฮั่วถามอย่างลุกรี้ลุกรน
มองกลับไปยังนัยน์ตาสวยนั้น ความดุร้ายก็ค่อยๆฟุ้งออกมาเหมือนออร่า “ก็เพราะว่ามันพรากความบริสุทธิ์ของฉันไป! สิ่งเดียวที่ฉันหวังตลอดชีวิตนี้ก็คือฆ่ามันให้ได้!!”
ร่างกระดูกพรากพรหมจรรย์หญิงสาว?
เย่ฮั่วช่วยอะไรไม่ได้นอกจากเผลอหลุดสบถออกมา “อิหยังนิ”
เว่ยชางเองก็อึ้งหนักกว่าเดิม เขาถามอย่างเร่งเร้า “ขอเจ๊าะแจ๊ะหน่อยนะสาวน้อย เจ้ากระดูกนั่น…ทำยังไงถึงพรากความบริสุทธิ์เธอไปได้กัน?”
เฮ้!
แสงสีเงินแว้บผ่านห้วงอากาศไปไปจ่อที่คอของเว่ยชางอย่างรวดเร็ว
“ถ้ายังกล้าที่จะถามมากกว่านี้ ฉันก็กล้าที่จะสะบั้นดาบลงไปนะ” นักล่าผู้จมอยู่กับเครื่องดื่มมึนเมาเหล่านี้ไม่ได้เสียสติและความว่องไวไปทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นดาบที่จ่อคอของเว่ยชางอยู่ก็มีอาการสั่นเทาบ้างเล็กน้อย
เย่ฮั่วมองหน้าเว่ยชางแล้วพยักหน้าให้เขา เว่ยชางเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าท่านผู้สูงส่งจะทำอะไร
ในสายพันธุ์ของอันเดด มีพวกเลวๆอยู่มากมาย เอาจริงๆก็อยู่กันเป็นครอบครัวเลย เย่ฮั่วตัดสินใจจะปิดเรื่องนี้ให้เสร็จๆ เธอคนนี้ดูน่าสงสารเอาเสียมากๆ และเขาจะได้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีเสียที
“เธอพอจะจำรูปร่างหน้าตาของเจ้าร่างกระดูกได้หรือเปล่า? อย่างเช่นอาวุธ หรือชุดที่ใส่?” เย่ฮั่วถาม
ฟ่างนึกย้อนกลับไปด้วยความมึนเมา ก่อนจะพูดออกมาแบบไม่สม่ำเสมอ “มัน…มัน…เอ่อ..ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ…ปิ้วปิ้วปิ้ว อะไรซักอย่าง………………….”
เย่ฮั่วได้ฟังก็รู้สึกสับสน หากแต่เว่ยชางนั้นแทบจะระเบิดเป็นก้อนเนื้อแล้ว ไอ้แม่เยอะนั่นไม่ใช่ว่าเป็นผู้วิเศษแห่งความตายเหรอ!?
วิญญาณร้ายที่ออกมาจากการอัญเชิญ พรากเอาความบริสุทธิ์ของมนุษย์ผู้หญิงไป!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย! ถ้ามันเป็นผู้วิเศษแห่งความตายจริงๆ มันทำได้ยังไง!!
“ท่านผู้สูงส่ง ผมมีเรื่องที่ต้องรายงาน” เว่ยชางกระซิบ
เย่ฮั่วพยักหน้านิ่งๆและเรียกเลี่ยกูออกมาด้วย เจ้ากระดูกสารเลวนั่นต้องถูกจับซะแล้ว
“ท่านผู้สูงส่ง เจ้าร่างกระดูกที่ผู้หญิงคนนี้พูดถึง… อยู่ใต้คำสั่งของผม…” ท้ายสุดเขาก็พูดออกไป เมื่อมันถูกพูดไปแล้ว รู้สึกได้เลยว่าร่างกายมันเบาไปหมด
เย่ฮั่วและเลี่ยกูต่างพากันช็อค
“มันคือวิญญาณร้ายที่ผมเรียกมันออกมาให้ทำงานให้…” เว่ยชางพูดต่อ
หลังจากที่ตกอกตกใจกันไปพักใหญ่ เย่ฮั่วก็พูดโดยไม่แยแสขึ้นมา “ในเมื่อมันเป็นคนของนาย เพราะงั้นก็ลืมมันไปซะ แต่ถ้านายอยากจะทำให้เรื่องนี้มันชัดเจน ถ้านายกำลังรอที่จะวิ่งเข้าไป ถ้านายคิดจะใช้กำลังเพื่อจบเรื่องนี้ ให้จำคำนี้ไว้ ‘นี่คือการรับผิดชอบ’ ทำให้เทวทูตอย่างฉันต้องมีปัญหา คิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย!”
“ท่านผู้สูงส่งพูดถูกแล้วครับ ผมจะเรียกมันออกมา เพื่อให้เผชิญหน้ากับเธอคนนี้โดยตรง” ความคิดของเว่ยชางนั้นไม่ต่างกับเย่ฮั่วซักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ยังมีเรื่องให้คิดอยู่นั่นแหละ ว่าเจ้ากระดูกนั่นพรากความบริสุทธิ์ของเธอไปได้ยังไงกันน่ะ
เลี่ยกูกระซิบ “เจ๋งเป้ง! ทำไมวิญญาณร้ายอะไรนั่นที่เจ้าเรียกออกมาถึงได้ห้าวเป้งแบบนี้ฟะ? กับเธอคนนั้นข้ายังได้แค่คิดเองนะ”
“เลี่ยกู เจ้าพอจะไม่วุ่นวายซักเรื่องจะได้ไหม? คิดซะว่าเป็นผู้หญิงของน้องชายข้าละกัน”
“ขำๆน่า ดูเจ้าร้อนรน ติดนิสัยมาจากนายเจ้าหรือไง?”
เว่ยชางหัวเราะเบาๆ นายข้ากับนายเจ้าก็คนเดียวกันแหละ
ทุกคนเคลื่อนที่ไปยังห้องน้ำ และเว่ยชางก็เริ่มร่ายเวทย์เพื่ออัญเชิญ “ผู้วิเศษแห่งความตาย!”
ภายใต้สะพาน เขายังคงอยู่ในท่าเดิม ผ้าคลุมดำผู้นั่งอยู่บนจุดสูงสุดของความตาย สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปนั่นก็คือโทรศัพท์ของเขา
จากเครื่องละล้านกลายเป็นเครื่องละพันหยวนเท่านั้น ถึงเมื่อคืนก่อนจะเพิ่งผ่านการต่อสู้มา แต่ก็ยัง
ปิ้ว…ปิ้วปิ้ว….ปิ้ว
รอบๆหูนั้นถูกอุดด้วยสำลี
แต่ทันใดนั้นผู้วิเศษแห่งความตายก็หยุดและหายแว้บไปเลย
จู่ๆไอ้สำลีที่อยู่ที่หูก็เหมือนว่ามันจะหลุดออกไป ทั้งหมดถอนหายใจและอยู่ในความสงบ
ไปล้างห้องน้ำซะ
“นี่เลือกที่อื่นที่มันสะอาดกว่านี้เพื่อจะอัญเชิญไม่ได้หรือไง?” เย่ฮั่วพูดด้วยความไม่พอใจ
เว่ยชางพูดด้วยความสงบ “ท่านผู้สูงส่ง ผมทำความสะอาดที่นี่แล้ว”
“ทำได้เหรอ?” เลี่ยกูพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
แต่ทันใดนั้น เงาดำก็โผล่พรวดขึ้นมา
ผู้วิเศษแห่งความตายตะลึงกับภาพตรงหน้า เขาไม่เคยคาดคิดถึงสถานการณ์แบบนี้เลย นั่นทำให้เขารีบคุกเข่าลงไป
“ท่านผู้สูงส่ง!”
“ลุกขึ้น! พื้นมันสกปรก!!” เย่ฮั่วขมวดคิ้ว