You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 138
บทที่ 138 ความไม่สมดุลย์
ผู้วิเศษแห่งความตายสั่นกลัวไปด้วยความกลัวขณะที่ยืนอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเขาเองได้เห็นใบหน้าของผู้สูงส่ง โชคดีจริงๆ! ตื่นเต้นเกินไปแล้ว! ถึงจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันแต่ก็ห่างไกลกันเกินไป เป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะเทียบ
เลี่ยกูยิ้มเยาะ “ไม่เลวนี่เจ้ากระดูกน้อย แต่หยานฟูไม่ได้ตื้นนักหรอก”
เขาก้มหัวต่ำและไม่กล้าที่จะขยับอะไร เข้าไม่กล้าที่จะพูดอะไรด้วยซ้ำ
เย่ฮั่วพูดอย่างไม่แยแส “ออกไปดูซะ!”
ทุกคนต่างพากันออกจากห้องน้ำ
“นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” เย่ฮั่วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผู้วิเศษแห่งความตายไม่กล้าแม้จะพูดจาโอ้อวดอะไร “ข้าแด่ท่านผู้สูงส่ง รู้จักขอรับ…”
“เธอพูดว่านายพรากความบริสุทธิ์เธอไป ได้ทำหรือเปล่า?” เย่ฮั่วยิงคำถามต่อ
สายตาของเขาเหลือบมองผู้วิเศษแห่งความตาย พรากความบริสุทธิ์ผู้หญิง?…ทำได้ไงวะ…นิ้วเหรอ?
“ท่านผู้สูงส่ง ข้าเป็นผู้รับใช้เบื้องล่างอย่างแท้จริง ข้าเพียงหวังว่าท่านผู้สูงส่งนั้นเองก็ยังบริสุทธิ์ด้วย และข้าน้อยเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีวันที่จะทำลายสาวน้อยคนนั้นได้หรอกขอรับ!” ผู้วิเศษแห่งความตายโค้งหัวในทันที ผู้หญิงคนนั้นช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก แม้แต่ต่อหน้าท่านผู้สูงส่งก็ยังพูดเหมือนเธอเป็นทาสสาวของเขางั้นเหรอ! เรื่องมันถึงหูท่านผู้สูงส่งหมดแล้ว! นังมนุษย์ร้ายกาจ! ถ้าข้ารู้ก่อนล่ะก็! เจ้าได้เสียอีกครั้งแน่…
เย่ฮั่วดึงบุหรี่ขึ้นมาและจุดสูบในขณะที่เลี่ยกูยื่นไฟมาจุดให้
เขาพ่นควันออกมา “กล้าทำก็กล้ารับซะ!”
“ไม่กล้าขอรับ!” ผู้วิเศษแห่งความตายพูดด้วยเสียงแข็ง
“งั้นเหรอ พวกฉันจะเป็นพยานให้นะ แต่ถ้าแกกล้าที่จะปั่นหัวเทวทูตล่ะก็ คงรู้จุดจบสินะ?” เย่ฮั่วพูดอย่างไม่แยแส คำพูดของเขานั้นค่อนข้างกดดันไปด้วยความยิ่งใหญ่ นั่นก็เพื่อให้ผู้วิเศษแห่งความตายกล้าที่จะรับผิดโดยไม่ตุกติกนั่นแหละ
“ข้าแด่ผู้สูงส่ง เข้าใจว่านี่จะเป็นการตั้งตนเป็นศัตรูกับผู้หญิงคนนั้นน่ะขอรับ!”
ผู้วิเศษแห่งความตายโกรธมากๆ เขาอุตส่าห์ไม่ฆ่าเธอแล้ว แต่ยัยผู้หญิงนั่นกลับวิ่งแจ้นมาฟ้องท่านผู้สูงส่ง แต่โชคยังดีที่ท่านผู้สูงส่งก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือมันจะเป็นการยากเกินไปถ้าจะต้องบ่นเขาเป็นหมื่นๆครั้งกันนะ…
“บ้าเอ้ย เจ้าทำได้น่า ทำดีได้ดีนะเฟ้ย!” เลี่ยกูกระซิบละครลิงครั้งนี้คุ้มค่าแน่
เว่ยชางถอนหายใจ ทำไมถึงต้องมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตเขาด้วยนะ? ไม่อยากจะเชื่อเลย
เขามองผู้วิเศษแห่งความตายเดินเข้าไปยังที่ที่ฟ่างอยู่โดยทิ้งระยะไว้ประมาณเมตรหนึ่ง และฟ่างก็หันมามองยังเขาด้วย ทั้งสองสบตากัน
“ยืนยันด้วยสายตา เหมือนข้าจะพาตัวมาถูกสินะ~” เลี่ยกูมองสายตาที่ทั้งสองส่งให้กัน ถึงจะช่วยไม่ได้แต่ก็ร้องเพลงประกอบฉากละกัน รสชาติของความรักเหมือนจะทำให้เธอหวนคืนถึงเรื่องนั้น
ฟ่างที่วิงเวียนศรีษะจากอาการเมาอยู่เมื่อได้เห็นหน้าผู้วิเศษแห่งความตาย นัยน์ตาแห่งการทารุณกรรมก็พวยพุ่งออกมาราวกับออร่าที่ออกจากร่างกาย ดาบของเธอพุ่งเข้าโจมตีโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น
และสำหรับผู้ที่ดื่มจนเมาเรียบร้อยแล้ว สมองก็จะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่นทำให้ร่างกายของเธอทำงานได้ไม่เต็มที่นัก ผลของมันทำให้ร่างของฟ่างลอยลิ่วเข้าไปในอ้อมแขนของผู้วิเศษแห่งความตายโดยปริยาย
เว่ยชางโผล่ขึ้นมาและปิดตาเลี่ยกูไว้ “เด็กเล็กห้ามดู หมาโง่ก็ห้าม”
เลี่ยกูตบตูและโวยวาย “อะไรอีก! เพราะเจ้าจะดูฉากดีๆแบบนี้คนเดียวล่ะสิ! ในกรณีนี้ยัยผู้หญิงนั่นต้องแก้ผ้าแล้ว!”
“แน่นอน นี่มันเป็นโชว์ที่ดี…” เย่ฮั่วพึมพัม
ผู้วิเศษแห่งความตายสั่นด้วยความกลัว ความรู้สึกนี้ไม่ได้มาจากผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน หากแต่เป็นท่านผู้สูงส่งต่างหาก!
ด้วยความวิงเวียนศรีษะ ดาบยาวในมือของเธอก็ตกลงสู่พื้น หมัดเล็กๆนัดต่อยเข้าที่หน้าอกของผู้วิเศษแห่งความตายเบาๆ
เย่ฮั่วและพ่อหนุ่มทั้งสองมองและต่างก็รู้สึก ทำไมเป็นการโจมตีที่กระต่ายถีบเช่นนี้นะ คุ้นจังเลย…
“ฉันจะฆ่านาย! ฉันอยากจะฆ่านายให้ตายไปเลยเจ้ากระดูก! แม้จะแค่จูบ แต่นั่นก็ทำลายฉันไปทั้งกายแล้ว! เพราะงั้นฉันจะฆ่านาย!” น้ำเสียงนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่ดุร้าย แต่มันออกไปทางเหมือนว่าจะอ่อยมากกว่า
ตัวอย่างเช่น เย่ฮั่วสามารถเข้าใจชิงหยาได้เมื่อเธอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นความจริง
เว่ยชางที่อยู่ตรงนั้นก็เข้าใจ ความรู้สึกที่ลูกน้องของเขาไปจูบใครซักคน และกลุ่มอื่นมองว่าเธอคนนั้นบรุสุทธิ์ดุจแสงแห่งชีวิต เขาหันกลับไปมองนายเหนือหัวอีกครั้ง
“ฉันจะฆ่านาย…” ฟ่างพูดด้วยเสียงมึนเมา วันนี้มันเหนื่อยมากเกินไปจริงๆสำหรับเธอ
เย่ฮั่วเดินเข้าไปพร้อมเว่ยชางและเลี่ยกู “รู้ความผิดของตัวเองแล้วหรือยัง!”
ผู้วิเศษแห่งความตายตกตะลึงไปในทันที “ท่านผู้สูงส่ง! น-นี่มัน เอ่อ…เป็นการคุกคามชีวิต ข้าน้อยขอรับผิด ข้าน้อยไม่เถียง หากแต่ข้าไม่ได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอนะขอรับ…”
“ตอนนายจูบเธอน่ะ มีใครอนุญาตหรือเปล่า?” เย่ฮั่วถามด้วยความกดดัน
ผู้วิเศษแห่งความตายเหงื่อแตกพลั่กดุจพระลักษณ์มองหอกที่กำลังจะแทงอก เขาถอนหายใจได้ครึ่งเดียวก็รีบตอบกลับ “ข-ข้ารู้แล้วว่าข้าทำอะไรผิด!”
เย่ฮั่วหายใจยาวในขณะที่เว่ยชางและเลี่ยกูยืนประกบด้วยความซื่อสัตย์
“ฉันบอกนายก่อนแล้วใช่มั้ย! พวกเรามาเพื่อฝึกตนให้เป็นมนุษย์ ธรรมชาติของมนุษย์น่ะรู้จักหรือเปล่า! พวกเราต้องทำตามสิ่งที่มนุษย์ทำ มองในมุมของมนุษย์! แล้วนี่อะไร? ทำไมเจ้าถึงได้ไปจูบคนอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม? โชคดีที่เจ้าอยู่ภายใต้ความดูแลของข้า เจ้าลิ่วล้อเอ๋ย ไม่งั้นเจ้าได้กลายเป็นผงกระดูกเตรียมลอยอังคารไปแล้ว!” เย่ฮั่วใช้ถ้อยคำรุนแรงกร่นด่า ถ้าเรื่องแบบนี้หลุดออกไปล่ะ? น้องชายของน้องชายยังต้องการที่จะจูบกับมนุษย์อยู่ และเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็วิ่งเข้าหาเขาและคิดเหมือนกัน
ผู้วิเศษแห่งความตายเอ่ยอย่างใจหายว้าบ “ขอบพระคุณขอรับ ท่านผู้สูงส่ง!”
“ข้าจะพูดเรื่องนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เลี่ยกู ไปเอาเบียร์กับถั่วมา” เย่ฮั่วนั่งและสั่ง
เว่ยชางพูดเสริม “อย่าเอามาแต่เปลือกนะ เอามาทั้งเมล็ดในเปลือก”
ผู้วิเศษแห่งความตายนั้นยืนอยู่นิ่งๆและอยากจะโยนยัยผู้หญิงในอ้อมแขนนี่ออกไปใจจะขาด หากแต่การกระทำนั้นก็ถูกระงับไว้ด้วยสายตาของท่านผู้สูงส่ง
เย่ฮั่วพูดอย่างไม่แยแสเช่นเดิม “ในฐานะของเผ่าพันธุ์อันเดด นายต้องกล้าที่จะรับผิด ในเมื่อกล้าที่จะชิงจูบแรกมาแล้ว จงรู้ไว้ซะว่าฉันไม่ได้โปรดปรานใครเป็นพิเศษ เพราะงั้นแล้วนายต้องดูแลเธอต่อในอนาคต”
“ท่านผู้สูงส่ง…” ผู้วิเศษแห่งความตายอยากจะร้องออกมาดังๆ ทำไมเขาต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แค่ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดยังต้องมาดูแลผู้หญิงคนนี้อีก
“จะขัดคำสั่งเหรอ!”
“ไม่ขอรับ!”
เลี่ยกูถือเบียร์และเมล็ดถั่วเข้ามา เย่ฮั่วจึงพูดขึ้น “ฉันจะพูดเรื่องนี้อีกครั้งเดียวนะ“
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้วิเศษแห่งความตายก็ได้เริ่มแสดงธาตุแท้ออกมา โดยเฉพาะเมื่อถึงจุดไคลแม็กส์ มันทำให้เขาหลุดจากการควบคุมได้ง่ายมากๆ
“ท่านผู้สูงส่ง~ ผู้หญิงคนนี้ไม่ละอายใจตัวเองเลย เธอมักจะมองคนอื่นต่ำเสมอแถมยังแย่งความเด่นไปจากข้าน้อยด้วย หลังจากนั้นเธอก็มาท้าข้าว่าจะยอมเป็นคนติดตามที่ชนะเธอได้ ตอนนี้มันยิ่งกว่าปัญหาเสียอีกขอรับ ท่านผู้สูงส่ง ข้ารบกวนเวลานอนท่าน ภายใต้ความน่าละอายนี่ ข้าหวังว่าท่านผู้สูงส่งจะได้ฟื้นฟูร่างกาย ยัยนี่คงไม่สามารถมาป่วนได้แล้ว”
หลังจากนั้น ผู้วิเศษแห่งความตายก็โค้งหัวลงต่ำเพื่อขอโอกาสสุดท้าย ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องเอาชีวิตเข้าว่าแล้ว
เย่ฮั่วไม่ได้พูดอะไร แต่สำหรับปัญหาอื่นๆที่จะตามมาล่ะก็…นั่นก็เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไป เธอเป็นถึงเจ้าสำนักเมฆา!
สันนิษฐานว่า มันต้องมีซักที่ที่จะต้องเอาไว้ใช้ในอนาคต ดั่งที่ผู้หญิงคนนี้ได้พูดไว้ว่าจะเป็นข้ารับใช้ให้เจ้ากระดูกนี่ มันจึงยากสำหรับเขาถ้าจะใช้หนุ่มหล่อคนอื่นมาแทน
“พวกแกคิดว่าไง?” เย่ฮั่วหันไปถามเว่ยชางและเลี่ยกู
ทั้งสองใจหายวาบเหมือนโดนสั่งให้ทำข้อสอบทั้งที่ลืมวิธีวาดวงกลมไปแล้ว!!
หลังจากผ่านมาพักใหญ่ๆ เว่ยชางก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “ท่านผู้สูงส่ง ผู้ที่เชื่อในวัดจะไม่ถูกทำลาย ดังนั้นถ้าเจ้าสำนักเมฆาจะช่วยดูแลลูกน้องกระผมได้ นั่นคงเป็นเกียรติและความสุขของกระผมแล้ว”
ได้ฟังเว่ยชางพูด เลี่ยกูก็ตามเป็นประกาย “ท่านผู้สูงส่ง สิ่งที่เจ้าโลภนี่พูดถึงคือรักข้ามเผ่าพันธุ์นะขอรับ!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อประโยคนั้นหลุดออกมา ทั้งสามก็สตั้นท์กันไปเลยก่อนจะต่างพากันมองหน้าผู้วิเศษแห่งความตายสลับกับฟ่างในอ้อมแขน
การจะได้ผลลัพธ์เช่นนั้นจำเป็นต้องใช้ร่างจริงเพื่อที่จะทำให้มนุษย์ผู้หญิงหลงไหล แถมคนๆนั้นยังเป็นแสนสวยประจำสำนักเมฆาอีกด้วย เธอนั้นแตกต่างและโดดเด่นในเวลาเดียวกัน
ถ้าเกิดเย่ฮั่วและคนอื่นๆเปิดเผยตัวตนล่ะก็ เดาได้เลยว่าอีกหลายคนคงจะรู้สึกจังงังกันเป็นแน่แท้ และเราก็ต้องกลับมาคุยกันใหม่ว่า “รักมันคืออะไรกันแน่วะเนี่ย”
เย่ฮั่วไอเบาๆ เขาไม่อยากจะสอนผู้ติดตามทั้งสองจึงรีบชิงตัดบทก่อน “เวลานี้มันไม่เร็วไปหรอก สิ่งๆนี้มันถูกวางไว้แล้ว ต่างฝ่ายต่างย่อมผิดหวัง”
เมื่อพูดจบ ฉันมองลงไปบนพื้น คิดถึงว่าถ้าน้องชายของผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาที่ประตูเพื่อหาเธอ พวกเขาจะต้องรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์นี้เป็นแน่ เหมือนกับผู้หญิงของเทวทูตอย่างฉัน…สมดุลย์ดันตรงไหนเนี่ย
ถ้าคุณดื่มมามากพอ คุณจะได้ยินบทสนทนาตอนนี้ และเมื่อคุณได้ยิน คุณต้องอยากวิ่งเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำแน่ๆ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่โดนเพ่งเล็งโดยคนกว่าพันคน เหมือนรูปประโยคที่ประธานเป็นสาวสวยแต่งี่เง่าและกรรมก็เป็นพ่อหนุ่มโครงกระดูก รูปประโยคชวนน่ามึนหัวนี่ตายซะก็ยังดีกว่า…