You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 140
บทที่ 140 การเคลียร์พื้นที่คือการฆ่า!
“ค-คุณก็รู้เหรอคะ…” ถังเว่ยเกิดอายขึ้นมาเล็กน้อย ความร้อนขึ้นสูงจากคอขึ้นมายังใบหน้าจนเห็นได้ชัดเลย
ขณะที่กำลังขับรถอยู่ อาเซี่ยก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจียว เซี่ย”
ถังเว่ยเองก็ตอบรับอย่างทันควัน “สวัสดีค่ะ!”
ยี่หรานมองกลับไปด้านหลังและยิ้มให้ “ยินดีที่ได้รู้จัก ถังเว่ย ฉัน ยี่หราน”
“สวัสดีค่ะ!” ถังเว่ยรู้สึกชื่นชมพวกเธออยู่เล็กน้อยนั่นก็เพราะว่าพวกเธอนั้นดูเข้าถึงง่ายกว่าที่คิด
เราคิดมากเกินไปเอง คงไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นผู้หญิงของลุงเว่ยหรอกนะ…
ยี่หรานยิ้มน้อยๆ “ถังน้อย พวกเราจะเป็นเพื่อนกันในอนาคต เพราะงั้นต้องไปด้วยกันนะจ้ะ”
“อ๊ะ พี่ยี่หรานพูดได้ถูกต้องเลยค่ะ!” ถังเว่ยนั้นตัวเล็กสุดในบรรดาสาวๆทั้งสี่ เป็นธรรมดาที่เธอจะเรียกคนที่โตกว่า ไม่ว่าจะด้วยทางชีวภาพหรือกายภาพก็ตามว่า “พี่”
ไป๋ เสี่ยวเฉินพูดด้วยเสียงนุ่มนวลและบอบบาง “ถังเว่ย เธอพร้อมหรือเปล่า? ยังไงก็ช่วยรอจนกว่าเกมจะจบด้วยนะจ้ะ”
“หมายถึงเตรียมตัวที่จะทำความสะอาดน่ะเหรอคะ?” ถังเว่ยถามด้วยความใสซื่อ
อาเซี่ยตอบอย่างเยือกเย็น “ทำความสะอาดก็คือการฆ่า!”
ถังเว่ยสตั้นท์ไปเลย ไป๋ เสี่ยวเฉินเองก็ทำหน้าละอายใจด้วย แต่กระตั้งนัยน์ตาคู่สวยของเธอก็ยังเปล่งประกายอยู่น้อยๆ
ไม่คิดว่าเพียงแค่ทำตามประสงค์ของเย่ฮั่วที่อยากจะเข้าใกล้ชิงหยาจะทำให้เลี่ยกูเองก็พลอยเป็นตามไปด้วย ดูท่าเขาจะล้างสมองพวกเธอได้สำเร็จเลย ช่างเป็นการฝึกน่าสงสารเสียจริง
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะดึงเอาสาวๆทั้งหมดมาฝึกอีกครั้งหากพวกเธอเห็นผลที่จะเกิดตามมาก่อน
เว่ยชางตั้งใจจะหมายถึงแบบนั้น ถังเว่ยนั้นยังดีงามเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งดีเลย ไม่ต่างอะไรกับบังคับให้เธอฝึกตาม
เย่ฮั่วนั่งอยู่บนรถที่ไม่ได้ขับเร็วอะไรนัก ชิงหยาเองก็เห็นคันที่วิ่งไปก่อนหน้าตะโกนโวยวายไปเรื่อยด้วย เธอถามด้วยความสงสัย “พวกเขาดูอันตรายจังเลยนะ”
เลี่ยกูหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านหญิงโปรดวางใจ พวกเธอนั้นเป็นเด็กดีในใจข้าน้อยเสมอ”
“เหมือนว่าพวกเธอกำลังจะรีบไปทำอะไรซักอย่างหรือเปล่า?” เธอถามกลับ
“พวกเขาไปเตรียมตัวให้ก่อนน่ะ” เลี่ยกูอิบายอย่างใส่ใจ ปราศจากอารมณ์บูดเบี้ยว
เย่ฮั่วพูดแบบไม่ได้ใส่ใจ “ดูจะมีปัญหาเยอะซะเหลือเกินนะ”
ชิงหยาหายใจแผ่วเบา ถึงจะตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ยังกับคุณตาที่ชอบที่จะไปเที่ยวในทุกๆที่เลย ความรู้สึกของเธอมันบอกว่างั้น
เร็วๆนั้นเองจู่ๆรถก็ขับเร็วขึ้น ชิงหยาอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อยๆว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน แต่กระนั้นพอนั่งรถนานๆก็ทำให้เธอง่วงและคล้อยหลับไปในที่สุด
เย่ฮั่วเหลือบมองและมีเพียงชิงหยาคนเดียวเท่านั้นที่หลับแล้วน่าสงสารมากๆในสายตาเขา
ร่างของชิงหยาที่ค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้กระจกรถมากขึ้นเรื่อยๆทำให้เย่ฮั่วรีบใช้มือโอบและรองหัวเธอไว้ก่อนจะกระแทก จากนั้นจึงค่อยๆดึงให้เธอกลับมาซบไหล่เขาแทน ชิงหยาลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบๆด้วยความมึนงง เธอทำหน้ามุ่ยก่อนจะจับแขนเย่ฮั่วเอาไว้ เพราะเธอมักจะรู้สึกโหวงเหวงหากไม่ได้จับอะไรไว้
“ลุยเลย” เย่ฮั่วพูดแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร
เว่ยชางพยักหน้ารับก่อนจะเร่งสปีดไปที่ 100
นี่มันก็หลายวันมาแล้ว ที่เขาพยายามจะแตะตัวชิงหยา และในท้ายสุด เธอก็ยอมให้เขาแตะตัวได้ ช่างเป็นวันที่ดีเสียจริง
2 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็ออกจากเมืองหลวงและเข้าสู่ถนนของเมืองเล็กๆ จากนั้นก็เข้าถนนตัดเขา สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ และถ้าจะมีใครซักคนอยู่แถวนั้น พวกเขาก็คงจะได้เห็นรถลอยได้เป็นแน่แท้
มันไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก ในที่สุดพวกเขาก็ถึงที่หมาย ที่นั่นมีน้ำตกเล็กๆ อยู่ หยดน้ำน้อยๆสาดกระเซ็นจนทำให้เกิดเป็นสายรุ้งขึ้นมา ละอองน้ำและไอน้ำลอยขึ้นสูงจนเหมือนหมอก มันทำให้ภูเขาลูกนั้นเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยผ้าผืนบางๆเลย
น้ำที่ไหลจากน้ำตกนั้นใส ใสชนิดที่ว่าไม่สามารเปรียบเทียบกับในเมืองได้ และถ้าได้มองชัดๆแล้วล่ะก็ คุณก็จะเห็นว่ามันมีปลาแหวกว่ายอยู่ภายในด้วยล่ะ เดาได้เลยว่าต้องอร่อยแน่ๆ!~
เมดทั้งสี่นั้นถึงเรียบร้อยแล้ว และของอำนวยความสะดวกต่างๆก็ถูกจัดไว้แล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเตนท์ เก้าอี้ โต๊ะสำหรับอาหารเย็น ภาชนะปรุงอาหาร แล้วก็อาหารรวมไปถึงอย่างอื่นด้วย และในตอนนี้พวกเธอก็ยืนเป็นแถวเรียงเพื่อรอต้อนรับ
ของพวกนี้ เพิ่งจะถูกจัดไว้เมื่อชั่วโมงก่อนเท่านั้นเอง เพราะก่อนหน้านี้น่ะ ที่นี่ไม่ได้เงียบสงบนักหรอก…
ชั่วโมงก่อน…
“พี่เซี่ย พวกเราหลงเหรอคะ?” ถังเว่ยถามด้วยความตระหนัก
ยี่หรานเปิดโทรศัพท์และมองดูก่อนจะพูด “ไม่หรอก โบนนี่ก็ไม่ได้บอกอะไรนี่นา”
“มาเถอะน่า” อาเซี่ยพูดอย่างใจเย็นและบังคับพวกมาลัยไปจนถึงปลายทาง
ถังเว่ยมองก่อนจะตะโกนออกมาในทันที “พี่เซี่ย มีน้ำตกอยู่ด้านหน้า หยุดรถเร็วค่ะ!”
ภายใต้เสียงกรีดร้องของถังเว่ย รถคาเยนคันสวยก็ลอยลิ่วออกจากปลายผาของน้ำตกราวกับกำลังโผลบิน ทั้งหมดนั้นต่างพากันตื่นเต้นยกเว้นถังเว่ยไว้คนนึง
ตู้ม!
รถทั้งคันตกลงมาด้านล่างตามหลักเหตุผลของมันเองในขณะที่ถังเว่ยนั้นสติหลุดลอยไปแล้ว
ยี่หรานหัวเราะ “ทุกคน เตรียมตัวให้พร้อมที่จะสู้เพื่อนายท่าน มาจัดการกันโดยไม่ต้องยุ่งยากดีกว่า!”
“ไม่เลวเลยนี่ยี่หราน! ถึงมันจะเป็นการเที่ยวแบบทั่วๆไป แต่โบนนี่ก็เป็น 1 ในบททดสอบของนายท่านนะ!” อาเซี่ยปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วส่องกระจกเพื่อเช็คว่าใบหน้าตนมีอะไรแปลกๆหรือเปล่า ยังไงซะก็ไม่มีใครอยากใช้หน้าสดตอนเจอหนุ่มๆหรอกใช่ม้า ยิ่งต่อหน้านายท่านด้วย
ถังเหว่ยรู้สึกตกใจและเลิ่กลั่กมากๆ และเธอไม่เข้าใจเลยว่าทั้งหมดนี้กำลังพูดเรื่องอะไรกัน
“กำลังพูดเรื่องอะไรกันเหรอคะ? ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลย” ถังเว่ยถามด้วยความตระหนก
ไป๋ เสี่ยวเฉินพูดด้วยเสียงอ่อน “ถังเว่ย เธอจะเข้าใจก็ต่อเมื่อลงมาจากรถนะจ้ะ”
ด้วยความสงสัย ถังเว่ยจึงลงมาจากรถพร้อมพวกเธออีก 3 คน
มองไปยังรอบๆ ความรู้สึกที่ส่งผ่านเข้ามานั้นไม่แย่เลยจริงๆ นี่มันเป็นที่ที่ดีที่จะได้แคมป์ปิ้งสุดๆ
สำหรับสาวสวยทั้งหลายที่จู่ๆก็โผล่มากลางป่าเขาแบบนี้ ไหนจะยังสวมชุดที่ล่อตาล่อใจอีก ชุดเมดสีดำสนิท ขาเรียวสวยสวมถุงน่องตาข่ายสีดำที่ช่วยอวดความงามของผิวพรรณ ไหนจะส้นสูงที่ช่วยให้ดูสง่าเวลายืนหรือเดินนั่นอีก
แต่กระนั้นมันก็มีเสียงโครมครามที่นับได้ไม่ถ้วนดังขึ้นรอบๆตัว
ตู้มต้าม!
ตู้มมมม!
…
ในตอนนั้นเอง มีเงามากมายโผล่ขึ้นมารอบๆ พวกเขาล้อมกรอบเข้ามาพร้อมทั้งกระทืบเท้าจนพื้นสะเทือนด้วย มันทำให้เธอเกิดความตกใจขึ้นแบบสุดๆ ทรงพลังอะไรขนาดนั้น
การปรากฏตัวของเหล่าผู้คนมากมายมันทำให้ถังเว่ยเกิดอาการกลัวนิดหน่อยและเดินขยับเข้าไปใกล้กับสามสาวที่เหลือ
คนร่วมๆร้อยที่ห้อมล้อมพวกเธอไว้นั้นแต่งตัวแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นแบบเก่าๆเก๋าๆ แบบใหม่ๆ หรือแม้แต่ใส่กางเกงขาบานเดินไปเดินมาก็มี
แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันน่าจะเป็นสายตาที่จ้องมองมานั่นแหละ และพวกเขาก็ดูท่าจะอดใจที่จะกลืนกินสาวๆตรงหน้าไม่ไหวแล้ว
ฉันเห็นหนุ่มหล่อเลียปืนของเขาและกระทืบเท้าเสียงดัง “ใครจะได้เป็นผีเฝ้าป่าคนต่อไปนะ ลูกพี่ซุนเหว่ย”
“พวกนาย…เป็นใครกันเหรอคะ?” ยี่หรานแสดงออกถึงความอ่อนโยนในทันใด เธอกอดแขนอาเซี่ยเอาไว้ การกระทำดังกล่าวนั้นไม่ได้สร้างความน่าสงสารให้พวกเธอเลย กลับกันมันกลายเป็นว่าพวกเขาหัวเราะเสียงดังพร้อมทั้งแสดงออกถึงความดุร้ายด้วย
“คนสวย พวกเราจองที่นี้ไว้นานแล้วนะจ้ะ”
“ใช้ร่วมๆกันก็ได้นี่คะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ดาราก็ยังเป็นดาราวันยันค่ำ ถึงบทนี้จะเล่นยากในสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม
ซุนเว่ยหยุดพวกเธอไว้ในทันที “คนสวย อย่าทำแบบนี้ ฉันก็แค่อยากจะมายื่นข้อเสนอความปรองดอง ฉันจะบอกว่าพวกเธอนี่ไม่เลวเลย หรือถ้าพูดตรงๆก็อยากได้พวกเธอมาเป็นแฟนน่ะ”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปใกล้และพยายามจับใบหน้าสวยของยี่หราน อย่างไรก็ตาม ทั้งๆที่ใบหน้าของเธอยังไม่ได้ถูกสัมผัส แต่ร่างของเขาก็กระเด็นไปไกลเหมือนลูกปืนใหญ่เสียแล้ว มันไม่ใช่เพียงกระเด็น แต่ยังลอยสูงขึ้นเรื่อยๆด้วย จนกระทั่งกลายเป็นแสงเลย
ไป๋ เสี่ยวเฉินพูดอย่างเขินอาย “ ฉ-ฉันก็แค่อยากจะเตะเขาน่ะ…ไม่ได้จะให้เป็นแบบนี้เลย…”
ชายรอบๆต่างกลืนน้ำลายกับภาพที่เห็น พวกเขารู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที ผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นี้ สามารถเตะผู้ชายร่างใหญ่คนนึงได้ แถมยังไม่ใช่เตะธรรมดาด้วยแต่เป็นเตะให้หายไปบนท้องฟ้าจนตอนนี้ยังไม่กลับลงมาเลย!
สองขาเรียวที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีนั้น มีพลังที่น่ากลัวแบบมหาศาลซ่อนอยู่ มันเป็นไปได้ยังไงกันน่ะ!!!