You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 145
บทที่ 145 สงครามกำลังย่างกรายเข้ามา!
ชิงหยานั้นดูกังวลมากๆ “แล้วจะทำยังไง! แจ้งตำรวจเถอะ ไม่งั้นมันจะเปล่าประโยชน์นะ!”
มองไปยังท่าทีที่ออกมาของชิงหยา เย่ฮั่วก็ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้
ชิงหยานิ่งไปพักหนึ่งเลยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความดุร้าย “นายแกล้งฉันอีกแล้วเหรอ!”
“นั่นมันเพราะเธอโง่เองต่างหาก เธอคิดว่าใครจะกล้าตามล่าฉัน ห้ะ!”
“หนอยแน่!! ฉันอุตส่าห์เป็นห่วงนายมากๆแท้ๆ! แต่นายก็ยังกล้าแกล้งฉัน! เย่ฮั่ว ฉันจะตีนายให้ตายเลย!!”
“ดี เข้ามาเลย!!”
ทันใดนั้นเตนท์ทั้งหลังก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
ผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างช็อค นี่จะจู๋จี๋กันแรงไปหรือเปล่า…
แต่กระนั้นเลี่ยกูก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม
ในตอนนั้นเอง 10 กิโลเมตรห่างจากน้ำตก สถานที่ๆล้อมรอบไปด้วยแมกไม้และมวลนกกา ดอกไม้และกลิ่นหอมซึ่งนับเป็นสรวงสวรรค์ที่ไม่เลวร้ายเลย ณ สถานที่ที่ไร้ซึ่งผู้คนเช่นนี้
ถึงแม้ว่ามันดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ หากแต่ถ้าเงี่ยหูฟังดีๆแล้ว ก็จะรู้สึกและรับรู้ได้ว่าผู้คนที่อยู่รอบๆนี้เพียงแค่สวมชุดดำเฉยๆ พวกเขาซ่อนตัวด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อทำอะไรบางอย่าง
ภายในถ้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก ที่นั่นมีเหล่าชายฉกรรจ์หลายคนกำลังล้อมวงกนอยู่และกำลังถกเถียงกันถึงบางสิ่ง
ใช่ คนเหล่านั้นคือคนจากฟากเหนือ เวลานี้คือเวลาที่พวกเขาต้องจับเจ้าสิ่งนั้นแล้ว!
หนึ่งในนั้นคือหน้าที่คุ้นเคย ถังหวูฉั่ว!
สังเกตุได้ว่าเบื้องหน้าของถัง หวูฉั่วนั้นยังมีหนุ่มหล่ออยู่อีก 1 คนที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็คือหล่อ เป็นคนที่ถ้าพูดถึงคำว่าหล่อก็จะคิดถึงหน้าเขาก่อน ผู้ที่ซึ่งกำลังหายใจอย่างสุขุมนุ่มลึกเหมาะแก่การเป็นผู้นำ
เขาคือผู้สืบเชื้อสายชนชั้นสูงในฟากเหนือ เย่เสี่ยว!
ผู้คนต่างพากันให้ความเคารพยกย่องและไม่มีใครกล้าหือ
ส่วนอีก 3 คนที่เหลือนั้นต่างก็เป็นสำนักที่มีพลังแตกต่างกันไป
เจ้าสำนักจียี่ : เหอเฟิง
ผู้ยิ่งใหญ่แห่งจตุรัสสุมิฟ่าง : ชูเจินไห่
เจ้าสำนักเฟิง หวัง โหล่ว : มังไค
ถึงแม้ว่ากำลังจะไม่แกร่งมากนัก แต่เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็เปรียบเสมือนดาบที่พร้อมทิ่มแทงหัวใจของศัตรูให้ราบคาบไป!
“ท่านเจ้าแห่งตระกูลเย่ เวลานี้ท่านกลับมาได้ ดูท่าความพยายามกว่าครึ่งของผมจะไม่สูญเปล่าสินะ” เหอเฟิง เจ้าสำนักจียี่พูดด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นคนที่ผอมและดูเป็นภาระสุดๆเลย
เย่เสี่ยวเหลือบมองไปยังความวุ่นวายนั้นก่อนจะพูด “ฉันมาอยู่ที่นี่ก็เพราะถังเชิญมา“
ภายในประโยคเดียวพวกเขาก็พากันชะงักไป เจ้ามนุษย์ชนชั้นสูงนี่โอ้อวดชะมัด มันไม่ใช่ว่าเขาอยากกลืนกินพลังของเทพบรรพกาลหรอกเหรอถึงต้องรู้สึกกดดันที่จะต้องออกมาด้านนอก ถ้าเจ้านี่ให้คนจากตระกูลชั้นสูงอื่นๆรู้ พวกเขาคงจะปลุกระดมให้ประชาชนโกรธเคืองและเข้าโจมตีแน่ๆ
“พี่เย่ น้องๆกลัวหมดแล้วนะ” ถังหวูฉั่วโค้งให้ด้วยรอยยิ้ม ขนาดพาเย่เสี่ยวมาได้นี่นับว่าเขามีความพยายามมากๆ คงพ่วงค่าใช้จ่ายมาด้วยแน่ๆ!
แต่ ตราบใดก็ตามที่คุณได้ครอบครองพลังของเทพบรรพกาล ใครจะสนเรื่องที่จะตามมากันล่ะ?
เย่เสี่ยวลูบไหลถังหวูฉั่ว “หัวหน้ากลุ่มอื่นจะให้มันกับฉันเมื่อถึงเวลา เทพบรรพกาลจะต้องมาอยู่ในกำมือพวกเรา! จะไม่ปล่อยให้พวกฟากใต้ได้มันไปแน่ๆ!”
“พี่เย่ ขอจงไว้ใจ น้องชายของพี่จะทำให้ดีที่สุด!”
ผู้ยิ่งใหญ่แห่งจตุรัสสุมิฟ่าง ชู่เจินไห่ เขาเป็นคนอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าของเขานั้นเงาวับและดูคล้ายหมู นี่คงเป็นคำอธิบายที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดแล้ว
“ในกรณีที่อยากได้ความปลอดภัยในชีวิต เดี๋ยวเจ้าของจตุรัสผู้นี้จะเรียกกำลังเสริมให้” ชูเจินไห่ลูบมือ
ฉันมองเห็นเงาดำยืนอยู่ด้านนอกถ้ำ ความรู้สึกกดดันมันพลั่งพรูออกมา มันโจมตีประสาทการรับรู้จะทื่อไปหมด เย่เสี่ยวไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากขมวดคิ้ว 1 คำ 2 พยางค์ลอยเข้ามาในหัว
อาจารย์!
ชายคนนี้สวมผ้าคลุมดำและใช่เขาคือชายที่อยู่ในห้องโถงที่เล่นเกมกันตอนนั้น !
มังไคพูดด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยม “ระมัดระวังตัวเหลือเกินนะ”
เย่เสี่ยวก้มหน้าลงต่ำ
“ฉันจะแนะนำเอง” ชูเจินไห่เขย่าแก้มนุ่มๆของตนและมองทุกคนด้วยสายตาสดใส
ชายผ้าคลุมหายใจช้า “ไม่ต้อง ฉันคือ จักรพรรดิฉาง”
“น้ำเสียงอะไรกันนี่!” นัยน์ตาของเย่เสี่ยวถึงกับตะลึง เขาไม่ค่อยชอบคนแบบนี้ คนที่ชอบใช้พลังข่มเหงไปทั่ว เขากล้าที่จะมาข่มตนต่อหน้าเขาผู้นี้ โดยเฉาะชื่อที่มีคำว่าจักรพรรดิอยู่นั่น!
นัยน์ตาสีดำของจักรพรรดิฉางมองไปทางเย่เสี่ยวในทันใด ถ้าอยากจะเล่นล่ะก็ เชิญเล่นได้เลย!
มองไปยังคนอื่นๆ…
ไม่เข้าใจการสบตาแบบนี้จริงๆ สายตาที่มองเฉพาะเจาะจงเพราะมันทำให้อีกสองคนปล่อยแรงกดดันออกมาด้วย ฝั่งที่อดทนไหวก็จะเปิดฉากมองไปที่อื่นอีกที
อย่างไรก็ตาม นาทีต่อจากนั้น ทั้งสองก็ดูเหมือนจะเดินมาอยู่ในระยะที่ใกล้กัน ถ้าเปรียบเทียบต่อไป มันจะต้องปั่นป่วนแน่ๆเพราะไม่มีอะไรดีให้ค้นหา
จักรพรรดิฉางไม่ได้คาดหวังว่าคนเหล่านี้จะเชิญความช่วยเหลือจากต่างประเทศมา ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่เลวเลย แต่พวกเขาต้องหยุดแผนนั้นซะ
“ถัง ถ้ายังฉันไปก่อนนะ” เย่เสี่ยวพูดเบาๆก่อนจะออกไป
ในความจริงมันดูเหมือนจะเป็นปัญหาตั้งแต่มาที่นี่แล้ว ถ้าเกิดตระกูลอื่นรู้ล่ะก็ผลที่ตามมาไม่อยากจะคาดเดาเลย ตอนนี้ทำได้แค่ขอตัวก่อน แต่เขาไม่มีกำลังของตระกูลถังเลย ยังไงก็ตาม ถ้าเทียบกับผลโหวดของถัง ตระกูลเย่ยังไงก็สำคัญกว่า!
“พี่เย่!” ถังหวูฉั่วไม่ต้องการให้เสี่ยวเย่ไปแบบนี้ อย่างน้อยๆถ้ามีเขา ถังก็จะยังมีโอกาสได้ครอบครองพลังของเทพบรรพกาลด้วย และถ้าไม่มีมัน…
เย่เสี่ยวมุ่งมั่นที่จะไปแล้ว และไม่มีใครที่นั่งอยู่สามารถอยู่ได้
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มในดวงตาของชูเจินไห่นั้นหายไป เย่เสี่ยวไปแล้ว เพราะงั้นงานนี้ก็จะง่ายขึ้น
ใบหน้าของถังหวูฉั่วนั้นค่อนข้างรันทด เขาจะไม่ให้พวกเขาแม้แต่ชุดแต่งงาน ลมหายใจอ่อนๆหายไป
นี่มันยังไม่เริ่มต้นขึ้น ฟากเหนือนั้นได้ 2 แม่ทัพใหญ่มา ผู้ที่ดุร้ายราวกับสัตว์ป่า ร้ายกว่าเยี่ยงจอมอสูร หรือว่านั่นเป็นเพราะการกลับมาของจักรพรรดิหรือเปล่า?
“ทุกคน มาคุยเรื่องแผนกันต่อ” จักรพรรดิมองไปยังทั้ง 3 คนตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมา
มองเผินๆ เขาถูกเชิญมาโดยชูเจินไห่ แต่จริงๆแล้วเพราะเขาต้องการมาแสดงความเห็นด้วยกับเหอเฟิงและมังไค แต่พวกเขาไม่รู้ โดยเฉพาะเจ้าอ้วนนี่ 2 คนนั้นดูฉลาดกว่าเจ้าเสียอีก
คังไห่ยิ้มร่าแล้วพูดด้วยเสียงจริงจัง “ครานี้เราจะเคลื่อนผู้คนในฟากเหนือ จะไม่มีใครต้องโดนกำจัด หลังจากนั้น ทัพของฟากใต้น่าจะอยู่ที่นั่น หากพวกชนชั้นสูงของฟากใต้ไม่ได้ถูกคุ้มกัน มันคงจะอยู่ซักที่ในฟากใต้แหละ อยู่กันแบบลึกลับ”
“ครั้งสุดท้ายฉันให้เสี่ยวยี่ต่อราคาครั้งใหญ่ ตอนนี้ฉันถามเขาแล้วแต่เขาปิด” ชูเจินไห่ถอนหายใจ
และเหอเฟิงก็ส่ายแขนไปมา “เขามีดาบชวนหยวน ถ้านายยังพยายามจะจับเขา มันคงจะจบไม่สวย“
จักรพรรดิฉางไม่ได้พูดขัดอะไร เขาเพียงหลับตาและฟังเรื่องพวกนั้น
หลังจากผ่านมาพักใหญ่ๆจึงค่อยๆพูดขึ้นมา “เมื่อเราค้นพบเทพบรรพกาล ฟากใต้ต้องดิ่งไปขโมยก่อนแน่ ฉันจะนั่งรอทัพและสนุกสนานไปกับฉกชิงราวกับตกปลาเอง!”
ชูเจินไห่หัวเราะ “ที่จักรพรรดิพูดก็ไม่ได้แย่นะ นี่เป็นเวลาที่ดีที่จะได้แย่งเทพบรรพกาลมาเลย!”
เหอเฟิงและมังไคเองก็หัวเราะโดยไม่ได้พูดอะไร นายยังคงนับเงินหลังจากที่เพิ่งถูกขายไป
มองไปยังเจ้าโง่ทั้งสาม จักรพรรดิก็หลุดยิ้มออกมา
หนังสือพิมพ์!!
ฉันเห็นลูกศิษย์ของสำนักจียี่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “ท่านเจ้าสำนัก! ไม่สามารถติดต่อกับกลุ่มที่ห่างออกไป 10 ไมล์ได้ครับ!”
“ฉันจะรีบไปดู!” เหอเฟิงพูด
“ช้าก่อน!” จักรพรรดิฉางสั่ง
เหอเฟิงหันมามองเขาด้วยความสงสัย
“เมื่อสงครามย่างกรายเข้ามา อย่าทำให้เกิดการสูญเสียมากขึ้น ถ้านายถูกจับไปมันคงจะไม่ดี ส่งคนอื่นไปดูแทนซะ”
เหอเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็ให้คนอื่นไปแทน เขาเริ่มหวาดกลัวหลังจากที่คิดได้ ถ้าหากเขารีบเกินไป เขาอาจจะถูกฆ่าโดยศัตรูก็ได้
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเหอเฟิงคิดอะไร แต่เหมือนว่าคำพูดของจักรพรรดิจะช่วยชีวิตเขาไว้แล้ว