You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 149
บทที่ 149 เจอตัวแล้ว
ชิงหยามองไปยังเจ้าตัวเล็กผู้ที่กำลังหนีหัวซูกหัวซุนก่อนจะพูดขึ้น “นั่นแหละ หวาาา ทำไมน่ารักแบบนี้ น่าเสียดายที่เธอก็ต้องตาย”
เว่ยชางและเลี่ยกูนั้นมองกันไปมาด้วยความรู้สึกว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว
“อย่าเอาแต่ดูสิ อาหารในจานมันจะเย็นหมดแล้วนะ” เย่ฮั่วหายใจแรง ยัยผู้หญิงคนนี้หลงไหลไปกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเสียแล้ว
“อย่าทำตัวมีปัญหาน่า ขอดูตอนจบก่อนได้มั้ย? มีหลายคนอยากได้เจดีย์นั่นนะ เย่ฮั่ว นายไม่ลองบ้างเหรอ?” ชิงหยาถามอย่างตื่นเต้น
เย่ฮั่วหยิบบุหรี่มาจุดสูบอย่างไม่สนใจ “จะไปสนใจขยะพวกนั้นทำไมกันน่ะ?”
ชิงหยาเป่าหูเย่ฮั่ว “เห็นมั้ย หลังจากที่สูบบุหรี่แล้วทำท่าทีที่ไม่สนใจนั่น โรคขี้หยิ่งของนายก็กลับมาอีกแล้วนะ”
เย่ฮั่วไม่ได้ว่าอะไรแต่เขาก็บีบแก้มนุ่มๆของเธอกลับไป “กินอาหารซะ”
“ฮุ่มมมมมมม”
ถึงแม้ว่าชิงหยาจะเริ่มกินแล้วแต่สายตาของเธอก็ยังจับจ้องอยู่ที่จอนั้นอยู่
คนอื่นๆนั้นกินเสร็จแล้วและกำลังดูไปที่จอนั้นเช่นกัน
เย่ฮั่วเอนตัวลงไปบนเก้าอี้ ระหว่างนั้นก็สูบบุหรี่และมองเด็กสาวในจอไปด้วย
ภาพตรงหน้านั้นค่อนข้างรุนแรงและป่าเถื่อนมากๆแล้วในตอนนี้ มันเหลือคนเพียงแค่พันคนเท่านั้นจากคนนับหมื่น
ถึงแม้ว่าคุณอาจจะรอดตาย หากแต่ร่างก็จะถูกโยนไปมา ในเวลานี้เจดีย์ 9 อสูรนั้นเหมือนมันฝรั่งร้อน ซึ่งใครๆก็ต่างต้องการมัน แต่ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะถือมันได้!
เทพบรรพกาลถูกส่งไปส่งมาจนกระทั่งมันตกลงไปบนพื้น แรงปะทะราวกับชิ้นเหล็กนั้นทำให้เกิดเสียงดังระงมไปหมด
ตู้ม!!
ภายใต้เสียงระเบิดของโลกแห่งอารยธรรมนั้น ยักษ์เพลิงก็ถูกโค่นลงไปกลายเป็นฝุ่นละอองลอยล่อง การทะเลาะกันครั้งนี้มันทำให้พวกเขาเสียเลือดเนื้อ เหล่าเด็กๆในตระกูลต่างวิ่งเข้ามาเพื่อหยุดยั้งเรื่องครั้งนี้
“ทุกท่าน ฉันจะถอนทัพก่อนนะ!” เซียนกุมอก การเรียกยักษ์เพลิงนั้นกินพลังเขามากๆ ไม่ได้คิดเลยว่าโลกแห่งอารยธรรมจะต่อต้านเขาถึงขนาดนี้ เขาจำเป็นต้องฟื้นพลัง อย่างน้อยๆก็มีหนึงปีขั้นต่ำแน่ๆ ตราบใดที่ยังใช้พลังไม่หมดนะ
หวังต้าเป่าหงุดหงิดขึ้นมาทันที “สนับสนุนทัพได้แปปเดียวก็จะถอนทัพแล้วงั้นเหรอ!”
“หวังต้าเป่า นายเองก็ต้องไปด้วย!”
หวังต้าเป่าที่เลือดเดือดปุ้ดๆสุดๆแล้วแต่ท้ายสุดก็ต้องยอมถอยแต่โดยดี
โลกแห่งผู้ฝึกฝนตนนั้นนับว่าเป็นสถานที่ที่เหล่าสำนักต่างๆจะได้ยิ่งใหญ่กัน รากเหง้าของพวกเรานั้นเป็นหนึ่งเดียวกันมาเนิ่นนาน เพราะงั้นแล้วมันจึงไม่คุ้มหากเราจะมาหันคมเขี้ยวใส่กันเอง
ดวงตาของหวังต้าเป่านั้นงดงาม เขากลัวเพียงแค่ว่าเทพบรรพกาลจะตกไปอยู่ในมือของคนจากโลกแห่งอารยธรรมมากกว่า
ฉางตี้รุดหน้าเข้าไป ก่อนจะหยุดและหลบๆซ่อนๆ ยามเมื่อ 1 ในเจ้าสำนักเพลี่ยงพล้ำเพราะผลกระทบจากโลกแห่งอารยธรรม เขาก็จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อที่จะเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเรื่อยๆ จะต้องนำมันมาให้ได้!
ที่มุมหนึ่งของสนามรบ ยังมี 2 ร่างที่กอดกันแน่น
ผู้คนรอบตัวนั้นล้มตายไปหมดแล้ว เหลือทิ้งไว้แค่พวกเขาเท่านั้น
“นายยังจะอยู่กับฉันใช่หรือเปล่า?”
“ถ้างั้นก็ลงไปด้วยกันเถอะ แสดงเจตจำนงค์ของพวกเราให้ประจักษ์”
“ดี! ตกลงไปด้วยกันเลย!!”
ทั้งสองพูดเหมือนว่าตนเองจะบินได้อย่างนั้นแหละ แต่ก่อนจะได้ทำ 1 ในพวกเขาก็ทรุดไปเสียก่อน
ฟุ่บ!
“นาย…ตัวเบามากเลย”
“วางใจฉันเถอะ นายน่ะตายแล้ว”
“เลิกพูดแล้วรีบๆตายได้แล้วน่า”
อย่างไรก็ตาม ไม่ไกลจากที่ที่พวกเขาอยู่นัก เจดีย์ 9 อสูรที่ใครๆต่างหมายต้องก็โดนหยิบขึ้นมาและวิ่งออกไปตามทาง
ผู้คนที่กำลังสู้กันอยู่ต่างต้องชะงักไปด้วยความตกใจ
หัวใจของฉางเต้นไม่หยุด มองเหล่าผู้คนที่มุ่งตรงมาทางฟากนี้ ไม่ใช่ว่ายังไม่มีใครเห็นเขาหรอกเหรอ!
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผู้อยู่ในเงาดำปรากฏตัวออกมา นั่นคือฉางตี้ที่กำลังมีความสุขสุดๆนั่นเอง
มือข้างหนึ่งนั้นรับรู้ได้ถึงสัมผัสรสชาติที่คุ้นเคย
“คนจากฟากเหนือนี่!” จี้เจ้อซวนตะโกน พิษบนมือนั่นไหนจะกบฏในฟากใต้แล้วก็ไหนจะคนจากฟากเหนือ นี่มันอะไรกันเนี่ย!
ในจังหวะนั้นพวกเขาที่กำลังตบตีกันก็รวมกันเป็ฯหนึ่งและตรงเข้าหาฉากตี้เลย
ทั้ง 3 ที่อยู่ด้านหลังฉางตี้นั้นเกิดอาการกลัวจนฉี่แตกขึ้นมาทันที บทส่งมางี้ ถูกจับแน่ๆ!
ในเมื่อเราไม่สามารถดูแลทุกคนได้ เพราะงั้นก็ดูแลตัวเองก่อนละกัน!
ฉางตี้ไม่ได้สนใจคนเหล่านี้อีกต่อไป เพราะเขาได้สิ่งที่ต้องการมาไว้ในครอบครองแล้ว นั่นก็คือ เจดีย์ 9 อสูร และเมื่อเขาปลดปล่อยมันออกมา จะเกิดอะไรขึ้นกันน้า~?
“นายเป็นใคร!”ยีซูตะโกนถาม
ฉางตี้ยกเจดีย์ 9 อสูรขึ้นและตะโกนตอบ “จักรพรรดิฉางยังไงล่ะ!”
ทุกคนต่างงุนงง
ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อแปลกๆนั่นมาก่อนเลย จักรพรรดิฉางงั้นเหรอ? 4 คำนี้จะเป็นกลอุบายอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย? หรือว่านั่นคือปรมาจารย์ฉาง?
ฉางตี้ยิ้มเย้ย เขามากราบไหว้ฉันซะสิ! ตอนนี้เจดีย์ 9 อสูรอยู่ในมือฉันแล้ว! ใครหน้าไหนอยากจะเป็นศัตรูกับจักรพรรดิกัน!
ตราบใดที่ฉางตี้ปล่อยอสูรออกมาจากเจดีย์ 9 อสูร ก็ไม่มีใครในที่นี้จะรอดไปได้ พวกเราจะตายกันหมด!
อย่างไรก็ตาม โอกาสของพวกเขานั้นยังพอมี การกู้คืนมาซึ่งศักดิ์ศรี…เหล่าเจ้าสำนักแห่งฟากใต้ยืนอยู่ต่อหน้าแล้ว พวกเขาคำรามก้อง
ช่างโง่เขลานัก…
ฉางตี้ถูกโจมตีเข้าจังๆ….
เขามองซ้ายมองขวาพอรู้ตัวอีกทีเจดีย์ 9 อสูรก็หายไปแล้ว!
ความโกรธแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของฉางตี้เกิดขึ้นในใจที่แตกสลายนั้น
ปั้ง!
คลื่นอัดกระแทกโจมตีมาจากทุกทิศทางไปยังฉางตี้และด้วยผลของโลกแห่งอารยธรรม เพราะการโจมตีนั้นสะท้อนไปมาจนเกิดเป็นการโจมตีรอบทิศทางนั่นเอง
ฉางตี้เปลี่ยนตัวเองเป็นหมอกสีดำเพื่อจะตามล่าของๆเขา
เจดีย์ 9 อสูรต้องเป็นของฉัน! พวกนายไม่มีสิทธิ์!!!
แผนทุกอย่างของฉางตี้ล่มไปหมด ตอนนี้พวกเขาหวังเพียงแค่เอาเทพบรรพกาลกลับไปเท่านั้น
ในขณะนี้ ศูนย์กลางของสนามรบมีเลือดมากมายจนมันไหลลงไปในแม่น้ำ ยิ่งคนตายมากขึ้นเลือดก็ยิ่งเยอะขึ้น
และในหยกสีขาวอันเป็นโลงศพนั้น……….
ร่างของหญิงสาวตัวน้อยกำลังยิ้มและลอยออกมาช้าๆ ส้นสูงสีขาวทั้งสองข้างค่อยๆสัมผัสกับเลือดบนพื้น
“ลาลาลัล ลาลาลา ฉันคือสาวน้อยจากตระกูลฮั่ง~♫”
สุรเสียงหวานแจ๋วแต่ให้ความรู้สึกราวกับจ้าวนรกหลุดออกมา ท่วงทำนองของเด็กสาวดังคลอไปกับเสียงบรรยากาศ เธอกาวกระโดดไปตามรอยเลือดจนมันสาดกระเซ็นไปบนเดรสสีขาวของเธอจนเกิดเป็นรอยสีแดงเช่นเดียวกับส้นสูงเพชรสีขาวที่ตอนนี้มีคราบเลือดเลอะอยู่
ตู้ม!!
ทันใดนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาพร้อมกับฝนที่เทลงมา ในตอนนี้คงจะบอกได้แล้วว่าเลือดบนพื้นมันกลายเป็นแม่น้ำเลือดไปแล้ว
“ลาลาลัล~ลัลลา อยู่ไหนกันน้า~♪” เธอยังคงกระโดดและมองหาบางสิ่งบางอย่างอยู่
ทั้งสองที่ควรจะตายไปตั้งนานแล้วไม่สามารถทำอะไรได้ ความกลัวก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา ร่างที่กำลังจะตายสั่นเทาเมื่อเห็นเด็กสาวออกมาจากโลงศพ!
เธอกำลังพูดอะไรน่ะ? เด็กสาวนั้นต่างหากที่เป็นปัญหา มีคนโบราณที่ไหนสวมเดรสเจ้าหญิงกัน
“อ๊ะ เจอแล้ว~”
น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นมาในหู เด็กสาวนั้นยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว แต่ความน่ารักของเธอนั้นเปี่ยมไปด้วยความทรมาณอยู่ด้านในลึกๆ เมื่อริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น หัวใจของพวกเขาก็แทบหยุดเต้น
“นายหนีไปไหนไม่ได้แล้วน้า~”
หางม้าเล็กๆนั้นลอยขึ้นสูง
เขาไม่สามารถหนีได้จริงๆและมันก็เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ด้วย
หางม้าเหล่านั้นลอยเข้าไปในปากของเขาก่อนจะขยับอย่างบ้าคลั่งขึ้นไปยังหัวและลงมาด้านล่างจนถึงเท้า
ไม่นะ! เธอกำลังดูดเลือดจากเขาออกมา! ไม่นะ! ไม่!
ร่างที่ไร้ซึ่งเสียงร้องนั้นพยายามกรีดร้องออกมาอย่างน่ากระอักกระอ่วม หางม้าของเธอนั้นค่อยๆเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดง
เขาค่อยๆแห้งไปและท้ายสุดเธอก็เอาผมหางม้าเธอออกมา “ฉันพยายามคิดแล้วคิดอีกว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ได้เป็นมนุษย์ น่าเบื่อจัง~ เปลืองเซลล์สมองด้วย”
เด็กสาวหันไปกรีดร้องให้กับกลุ่มคน เลียริมฝีปากตนเองและทันใดนั้นผมหางม้าเธอก็พุ่งไปหาพวกเขา มันเติบโตขึ้นและอะไรก็ตามที่สัมผัสมันก็จะสลายไป ไม่ว่าจะยังไม่ตายหรือตายแล้ว อะไรที่มันโดน จะถูกมันดูดซับเข้าไป
ไม่รู้สึกถึงความตายเลย นี่มันโชคดีชัดๆ ราวกับว่าเป็นความเจ็บปวดที่งดงามและเปี่ยมด้วยความทุกข์
เพียงไม่ถึงนาที ภาพตรงหน้าก็กลายเป็นภาพของซากศพแห้งๆนอนระเกะระกะบนพื้นเต็มไปหมด “ไม่~ ฉันต้องไปรับใช้นายท่า~ ลาลาลัล ลาลาล้า~ ฉันคือสาวน้อยแห่งตระกูลฮั่ง~♫”