You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 150
บทที่ 150 แต่งตัวดั่งนางฟ้า ตัวปัญหาดั่งพญามาร!
ทางฟากของน้ำตก
ชิงหยานั้นสลบสไลไปแล้ว ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายในจอยังคงฆ่ากันอย่างบ้าคลั่ง ไม่แปลกใจถ้าจะมึนหัว ยิ่งถ้าเธอได้เห็นภาพตอนที่เด็กน้อยต้องจมกองเลือดล่ะก็คงได้สติแตกไปเลยแน่ๆ
เย่ฮั่วโอบชิงหยาไว้ ใบหน้านุ่มนั้นบริเวณมุมปากบวมขึ้นเล็กน้อย ดูท่าจะบีบแรงไปนิด การฝึกเองก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่งั้นคงจะบาดเจ็บและเหนื่อยหนักแน่ๆ
“นายท่าน” เลี่ยกูที่ปกติจะทำตัวเหลาะแหละ ตอนนี้พูดอย่างจริงจังขึ้นมา
เย่ฮั่วมองไปบนท้องฟ้า ดวงตาของเขามองลึกเข้าไปในนภาก่อนจะพูดอย่างไม่แยแส “ดูก่อน”
พรึ่บ!
เงาดำนั้นโผล่พรวดออกมาและหยุดอยู่ที่หน้าแคมป์ เย่ฮั่วหันมองทันทีด้วยความสงบก่อนจะโบกมือห้ามทุกคนไว้
เจดีย์ 9 อสูรพุ่งเข้ามาหาเขาและหยุดอยู่ตรงหน้าเย่ฮั่ว
หมอกสีดำที่ออกมาจากตัวของมันนั้นเหมือนพยายามจะแสดงความแข็งแกร่งออกมา อวดเขี้ยวอวดเล็บเหมือนจะขู่เขา
ตาของเย่ฮั่วเปล่งประกายสีแดงขึ้น
และเมื่อดวงตาสีแดงของเขาปรากฏขึ้น หมอกสีดำของเจดีย์ 9 อสูรก็หยุดไป และหลังจากนั้น 0.1 วิมันก็สงบเสงี่ยมไปเหมือนหมาเชื่องๆตัวนึง
แม้เหล่าปีศาจจะกล้าคำรามใส่เทวทูตแต่ถ้าไม่จำเป็นก็จะเงียบไว้ดีกว่า ไม่งั้นได้ถูกเผาตายแน่
ในครานี้ เจดีย์ 9 อสูรเองก็ไม่ต่างกับของตกแต่งบ้านทั่วไป ถึงจะน่าเกลียดไปหน่อยก็เหอะกับการที่จะเอาแท่งเหล็กดำๆเช่นนี้ไปตั้งในบ้าน…
เมดสาวที่ 4 ตกใจ เจดีย์ 9 อสูรที่ได้ยินว่าฆ่าและสูบเลือดคนมากว่าหมื่นชีวิตไม่ว่าจะเจ็บจะตาย แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้เป็นนายท่าน พวกเขากลับได้เห็นใบหน้าเย้ยหยั่นของผู้เป็นนายและเจดีย์คลั่งนั้นที่ทำตัวสงบเสงี่ยม
ช่างเป็นนายท่านที่ลึกลับอะไรแบบนี้
เว่ยชางและเลี่ยกูนั้นขมวดคิ้วแน่น นั่นไม่ใช่เพราะเจดีย์นั่นปรากฏออกมา แต่เป็นเพราะท่านผู้สูงส่งนั้นกำลังจะจัดการกับมันต่างหาก
เย่ฮั่วคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำยังไงดี จะทำลายหรือไม่ทำลาย ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์เท่านั้น
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะตัดสินใจโบกมือและปล่อยให้เจดีย์ 9 อสูรหลุดลอยออกไปราวกับกระสุนที่ถูกยิงออกไป
ไม่ไกลนักจากท้องฟ้า
ฉางตี้นั้นสามารถสัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย เขาจึงรีบรุจหน้าเข้ามาโดยไว ถึงเขาจะบาดเจ็บเพราะไฮ่ไต่ซี่และจี้เจ้อซวนแต่ยังไงก็ตามมันก็เพิ่มโอกาสให้เขาสามารถตามหาเทพบรรพกาลได้อีกหน่อยนึง
“เหล่าคนรอบตัวจะต้องยอมให้ฉัน! มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าฉันโหดร้ายไม่ได้ ตอนนี้ฉันเองก็ยังกลัวเลยว่าตัวเองจะดุร้ายเกินไป!” เขาพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง นั่นก็เพื่อปลุกกระตุ้นให้ตนเองสามารถล้มเจ้าพวกนั้นได้ ไม่งั้นมันจะยากเกินไปถ้าต้องสู้ไปและหาเทพบรรพกาลไป
อันที่จริงคนอื่นๆไม่ได้สนใจเลยว่าฉางตี้จะไปไหน
ฉางตี้นั้นไม่เคยถูกเมินเช่นนี้มาก่อน ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า! พวกแกใจดีผิดคนซะแล้ว! ในเมื่อเลือกที่จะเมินฉันเอง เพราะงั้นก็จงเสียใจกับการกระทำของตัวเองไปซะ! วันนี้มันจบสิ้นแล้ว!!”
ในช่วงเวลาที่ฉางตี้กำลังประกาศศักดาอยู่นั้น บางสิ่งบางอย่างก็มาพร้อมพลังอันยิ่งใหญ่จากด้านหลังของเขา ซึ่งตัวเขาเองเข้าใจว่ามันคือการซุ่มโจมตีจึงหลบออกไปเล็กน้อย
หวังต้าเป่าที่รอจังหวะอยู่แล้วเป็นสุขอย่างมาก นั่นไม่ใช่อาวุธลับหรือการซุ่มโจมตีใดๆ แต่มันคือเจดีย์ 9 อสูรที่วกกลับมาต่างหาก เขาทะยานขึ้นไปและคว้ามันเอาไว้ ดูท่าเหล่าผู้ตั้งความหวังไว้ที่หวังต้าเป่าจะไม่เสียเปล่าเสียแล้ว เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนจับเทพบรรพกาลได้แต่นั่นก็คงเป็นโชคชะตาแล้วล่ะ
ฉางตี้มองเห็นหวังต้าเป่าจับเจดีย์ 9 อสูรไว้ ในขณะที่ทุกคนต่างก็ดีอกดีใจและตื่นตระหนกกัน ตัวเขาเองกลับไม่กล้าหันหน้ากลับและหนีไปเสีย
โจวซิงหรานและกวงเทียนมองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจลำเลียงคนออกจากพื้นที่ ปล่อยให้คนจากโลกแห่งอารยธรรมพยายามแย่งมันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฉางตี้ไม่ได้ขยับไปไหน ใบหน้าเหล่อเหลานั้นเหมือนถูกสวมด้วยหน้ากากแมลงสาปที่ไม่มีใครสนใจ ใครกันนะที่กล้าทำแบบนี้กับเขา!
หันกลับไปมอง ไม่ไกลนักในหุบเขา เขาก็พบลำแสงจากกองไฟ
ฉางตี้กำหมัดทั้งสองข้างแน่น ลมปราณแรงกล้าปะทุออกจากร่างของเขา และทันใดนั้นก็เกิดกระแสลมพัดร่างที่เปี่ยมด้วยลมปราณให้พุ่งฝ่าชั้นเมฆ รวดเร็วดุจสายฟ้า สะเทือนโลกหล้าราวกับวันสิ้นโลก
ถึงจะไม่ได้เทพบรรพกาลมาครอบครอง แต่ใครก็ตามที่เมินเขามันต้องตาย!
เขามุ่งหน้าไปยังหุบเขาอย่างรวดเร็ว ด้วยความตื่นตระหนักว่าพลังอันยิ่งใหญ่ที่รับรู้ได้นั้นคืออะไรกันแน่!
เย่ฮั่วและคนอื่นๆนั้นยังไม่ได้ลุกออกจากโต๊ะ ทุกคนนั่งกันเงียบๆราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง เว่ยชางและเลี่ยกูนั้นไม่ปกติเล็กน้อยแต่สำหรับสาวๆแล้วพวกเธอยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรให้น่าตกใจ
และเช่นเดิม เย่ฮั่วยังโอบชิงหยาไว้ในอ้อมแขน ในขณะนั้นก็หยิกแก้มหยิกจมูกเธอไปด้วย ทำทุกอย่างที่จะแกล้งได้
ตู้ม!
เงาดำทยานลงมาจากฟากฟ้านำพามาซึ่งแรงปะทะที่รุนแรงจนปฐภีสั่นสะเทือนไปหมด
คึ่ก!คึ่ก!คึ่ก!
แรงสั่นสะเทือนทำให้สัญญาณกันขโมยของรถทั้งสองคันดัง
ฉางตี้มองไปยังกลุ่มคนที่มาตั้งแคมป์กันตรงหน้าเขา นัยน์ตาเขาเองแสดงออกมาซึ่งความสับสน นั่นใช่นายท่านที่เคลียร์บาร์รึเปล่าน่ะ? แล้วนั่นก็บอดี้การ์ดกับเยาวชน!
เมดสาว 4 คนนั่น…ทำไมถึงมีเมดมาอยู่ในที่แบบนี้กัน!
แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงไอ้เจ้าเงาดำที่โผล่มาตอนแรก เป็นไปได้ว่าคนพวกนี้อาจจะเป็นเหยื่อล่อและเจ้าผ้าคลุมดำนั่นอาจจะดักโจมตีอยู่ก็ได้
เอาเถอะ จากการดูคร่าวๆแล้วถ้าจะฆ่าพวกนี้แค่กระดิกนิ้วก็ได้แล้ว
แต่สาวๆพวกนี้ก็จัดว่าเกรดสูงซะด้วย ปล่อยตายไปคงน่าเสียดายไม่น้อยเลย
ฉางตี้มองไปยังเย่ฮั่วผู้ที่ไม่ได้สนใจเขาเลยเพราะมัวแต่หยิกแก้มของชิงหยาอยู่
เว่ยชางถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย “แล้วใครจะเป็นคนจัดการปัญหานี้ล่ะ?”
เมดสาวทั้งสี่ดูเปล่งประกาย แม้แต่ถังเว่ยเองก็ดูจะสนใจกับเรื่องนี้ด้วย นอกจากเธอจะไม่กลัวแล้ว ดูเหมือนว่าเธอมีใจที่จะสู้ขึ้นมาซะงั้น
ฉางตี้ยืนมองสาวๆเดินไปกระซิบกระซาบกันด้วยความสงสัยสุดๆ
และทันใดนั้นเสียงหวานจ้อยก็ดังขึ้นมา
เป่ายิ้งฉุบ!
เป่ายิ้งฉุบ!
เป่ายิ้งฉุบ!
เป่ายิ้งฉุบ!
“ฮ่ะ ฮ่า!ฉันชนะ!” ไป่เสี่ยวเฉินตะโกนออกมาอย่างดีใจพร้อมกับความกระวนกระวายแบบสุดๆ
สาวๆอีกสามคนก็ต่างกรีดร้อง นี่น่ะคือการโชว์ศักยภาพ ไม่ใช่ต่อหน้าหนุ่มๆเท่านั้น แต่เป็นต่อหน้านายท่านของพวกเธอ ช่างเป็นโอกาสที่ดีอะไรเช่นนี้ ถ้าพลาดไปก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่
เธอสำรวมมือไว้บริเวณหน้าท้องและเดินตรงเข้าไปหาฉางตี้ช้าๆก่อนจะพูดด้วยเสียงเหนียมอาย “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นคู่ต่อสู้ของคุณสำหรับครั้งนี้”
ฉางตี้เหมือนโดนดาเมจนับหมื่นในคราเดียว ช่างเป็นคนที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้
นี่ใช้การเป่ายิ้งฉุบเพื่อหาว่าใครจะออกมาสู้ก่อนงั้นเหรอ!
แถมยังเป็นสาวๆหมดเลยด้วย!
แถมยังมาพูดทักทายอีก!!
นี่มันวันอะไรของฉันกันเนี่ย!!!
สนธยายามนี้ช่างทำให้เขาสั่นไหวยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม นี่มันคือการดูถูกชัดๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือการดูถูกจากผู้หญิงอ่อนแอเช่นนี้ด้วย!
ถึงจะมองข้ามความสูงส่งของจักรพรรดิ(ตี้)ในชื่อก็เถอะ แต่ก็อย่ามาโทษฉันทีหลังที่บังอาจมาทำตัวร้อนแรงใส่ละกัน!
ไป่ เสี่ยวเฉินแสดงออกถึงความเขินอาย นอกจากนั้นคนอื่นก็ดูจะหงอยๆลงไปด้วย
เมื่อทั้งสองเตรียมพร้อมที่จะโจมตีใส่กัน เสียงหวานแหววก็ลอยออกมาจากในป่าอีก
“กระต่ายตัวน้อยพยายามกระแทก~ ท้ายสุดประตูก็เปิดออก~เร็วเข้า รีบออกมาเร็วเข้า ฮิๆ~♫”
เลี่ยกูหรี่ตาแล้วตะโกนเรียกผู้หญิงของเขากลับมา “เสี่ยวเฉิน กลับมา!”
ไป๋เสี่ยวเฉินมองย้อนกลับไป เธอถอนหายใจและยอมถอยกลับ
ฉางตี้ไม่ได้สนใจไป๋เสี่ยวเฉินนัก หากแต่กำลังจับจ้องอยู่กับเงาที่ออกมาจากป่ามากกว่า
เสียงร้องเพลงนั้นเข้าใกล้เรื่อยๆ จนกระทั่งร่างของเธอปรากฏออกมา
ดวงตาของฉางตี้นั้นเบิกกว้างเพราะช็อค สาวน้อยตัวเล็กนั้นคือเด็กสาวที่อยู่ในโลงศพนี่! ทำไมเธอถึงออกมาได้!!
มองแว้บแรกนั้นเธอดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กนักเรียนที่สวมชุดสีแดงเลย
“กระต่ายน้อย~ เธอหลบซ่อนอยู่ที่แห่งนี้สินะ~ ผู้คนทำร้ายเธอมาเนิ่นนาน จนเธอไม่อยากไปไหน~ เหนื่อยล้าเหลือเกิน~♫” สาวน้อยหยิบพัดเล็กๆขึ้นมาโบกสะบัด มันทำให้เธอดูน่ารักไม่หยอกเลย
ใบหน้าของฉางตี้บิดเบี้ยว นี่มันความอัปยศครั้งใหญ่ของเขาเลยนะ!
“แต่งตัวดั่งนางฟ้า ตัวปัญหาดั่งพญามาร!”
ฝ่ามือของฉางตี้ฟาดลงไปที่ร่างของเด็กสาวนั้น แต่ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นร่างสีดำ ร่างที่โดนสับด้วยฝ่ามือสั่นไหวและบิดเบี้ยวก่อนที่เด็กสาวจะค่อยๆจมหายไป