You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 152
GG บทที่ 152 – เคาะสนิม
เว่ยชางและเลี่ยกู่ตื่นตระหนกถึงขีดสุด ได้แต่ร้องอุทานออกมาว่า “นายท่าน!”
ตอนที่บรรดาคนรับใช้ทั้งสี่เห็นสีหน้าแววตาของเว่ยชางกับเลี่ยกู่ สีหน้าทุกคนก็เกิดความสงสัยขึ้นทันที
ในไม่ช้า ดวงตาของเย่ฮัวก็มีแต่ความเย็นชา เว่ยชางกับเลี่ยกู่ทำอะไรไม่ได้นอกจากค้อมศีรษะลงเท่านั้น
เย่ฮัวเดินอุ้มชิงหยากลับเข้าไปในเต็นท์ที่พัก ลูบผมเธอให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่จะถอนหายใจและเดินกลับออกมา หยุดยืนห่างจากเย่จีจี้ประมาณ 5 เมตร
เว่ยชางกับเลี่ยกู่มีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้จะจัดการกับเย่จีจี้อย่างไรดี
เย่ฮัวหยิบบุหรี่ออกมาจากกล่องหนึ่งมวน ขมวดคิ้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ปล่อยพลังมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว”
เย่จีจี้มองชายที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขาชอบกล แต่เธอก็จำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็น่าจะเป็นอาหารมื้ออร่อยสำหรับเธออยู่ดี
“อิอิ นายเป็นคนที่มีพลังเยอะที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย” เย่จีจี้พูดพร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบนแก้มชัดเจน
เย่ฮัวหัวเราะในลำคอ “เดี๋ยวนี้กล้าหาญกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนี่”
“แหม คนเรายิ่งโต ความกล้าหาญก็ยิ่งมากขึ้นไงล่ะ” เย่จีจี้ยังคงพูดด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง
เย่ฮัวรู้สึกสับสนเล็กน้อย น้ำเสียงที่เธอใช้ เหมือนกับเย่จีจี้สมัยก่อนไม่มีผิด เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทันใดนั้น ดวงตาสีแดงของเด็กหญิงก็เกิดความแปลกประหลาดขึ้น เหมือนกับว่าดวงตาของเธอกำลังหมุนติ้วๆ อยู่ในเบ้าตา
หลังจากนั้น เย่จีจี้อุทานออกมาว่า “โอ้โห พี่ชายกระดูกใหญ่”
บุหรี่ในมือของเย่ฮัวร่วงตกลงไปอยู่บนปลายรองเท้าหนังของเขา ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “พี่ชายกระดูกใหญ่รึ!”
เย่ฮัวจำได้ว่าเย่จีจี้เคยเรียกเขาแบบนั้น เนื่องจากตอนนั้นเขายังมีร่างกายเป็นเพียงโครงกระดูกขนาดใหญ่ แถมยังเป็นคนพูดน้อยอีกด้วย
“ไม่นึกเลยนะว่านายจะมีกระดูกใหญ่ขนาดนี้” เย่จีจี้พูดต่อด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน และเมื่อเธอมองอีกสองชีวิตที่อยู่ข้างกายเขา เย่จีจี้ก็พบว่าคนหนึ่งเป็นปีศาจ ส่วนอีกคนก็เป็นมังกรโครงกระดูก เรื่องนี้ชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ
เย่ฮัวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หลงดีใจว่าเย่จีจี้จำความหลังขึ้นมาได้แล้ว แต่ไม่ใช่เลย เธอกำลังใช้ดวงตามองทะลุร่างกายของพวกเขาต่างหาก
ใบหน้าของเย่จีจี้แสดงความตื่นเต้นออกมาแล้ว “มังกรโครงกระดูกน่ารักจังเลย มาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันไหมจ๊ะ รับรองว่าฉันจะไม่กินเลือดนาย”
ริมฝีปากของเย่ฮัวกระตุกเล็กน้อย เลี่ยกู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็นึกถึงครั้งที่เคยอยู่ด้วยกันในอดีต หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าทันที
สมัยก่อน เย่จีจี้ยังไม่ได้มีฝีมือโหดร้ายอำมหิตขนาดนี้ เรียกได้ว่าเธอมีทักษะการต่อสู้รั้งท้ายกลุ่ม 7 บาปด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่เลี่ยกู่ช่วยฝึกสอนพลังให้ เย่จีจี้จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เขาไปเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอตลอด สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการตีกันอุตลุด ก็จะให้เขาทำอย่างไรได้ล่ะ
ความเสียใจอย่างหนึ่งก่อนที่เย่จีจี้จะเสียชีวิตไปก็คือ เธอไม่เคยมีโอกาสได้ขี่มังกรโครงกระดูกตามที่ใฝ่ฝันเอาไว้
“มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่า เธอมีความสามารถขนาดไหน”
“งั้นก็ได้เลย ฉันจะเริ่มแล้วนะ”
เมื่อการต่อสู้กำลังจะอุบัติขึ้นจริงๆ เย่จีจี้ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าใบหน้าเธอจะยังยิ้มแย้ม แต่ก็รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีพลังที่กล้าแข็งมาก เช่นเดียวกับข้ารับใช้ทั้งสองคน และหญิงรับใช้อีก 4 คนนั้นอีก ที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยสักคนเดียว
“ท่านหม่านไค ทางนั้นครับ!”
จังหวะนั้นเอง กลุ่มคนประมาณ 3,000 ชีวิตก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน
นี่คือพรรคพวกฟากเหนือซึ่งเป็นผู้ติดตามฉางตี้นั่นเอง
เมื่อครู่นี้ หลังจากที่หม่านไควิ่งหนีไปเพื่อเอาตัวรอด เขาก็ไม่สามารถติดต่อฉางตี้ได้อีกเลย แต่อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มผู้เป็นสมาชิกสำนักเฟิงหวังโหลวก็ตัดสินใจพาลูกศิษย์กลับมาสำรวจดูอีกครั้ง และพบว่าพรรคพวกของตนเองสูญหายไปไหนก็ไม่รู้
นอกจากหม่านไคแล้ว อีกสองสมาชิกระดับสูงของสำนักเฟิงหวังโหลวที่ตามมาดูด้วย ก็คือชูเจิ้งไห่กับเหอเฟิง
คนกว่าสามพันคนยึดครองพื้นที่ครึ่งหนึ่งของหุบเขาเล็กๆ ทันที
สมาชิกระดับสูงของสำนักทั้งสามคน ยืนอยู่ตรงหน้าศพที่แห้งกรังของฉางตี้ แต่ไม่มีใครจดจำได้เลยว่านั่นคือฉางตี้ สภาพศพของเขาในตอนนี้ ต่อให้มารดาของเขามาดูศพลูกชายตัวเอง นางก็คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
เนื่องจากว่าเย่จีจี้ยืนหันหลังให้คนจากสำนักเฟิงหวังโหลวเหล่านี้ พวกเขาจึงจำเธอไม่ได้ ทุกคนมองเห็นแต่เพียงเย่ฮัว และลงความเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเอาเรื่องจริงๆ
นอกจากนั้น ยังมีชายอีก 2 คนกับผู้หญิงอีก 4 คน แล้วก็มีเต็นท์ที่พักอีกหลายหลัง ดูเหมือนคนพวกนี้จะมาตั้งแคมป์อะไรทำนองนั้น ผู้หญิงทั้ง 4 คนแต่งกายด้วยชุดที่ดึงดูดสายตาไม่น้อย ถือว่ารสนิยมของคนกลุ่มนี้ไม่เลวเลยทีเดียว
แต่เด็กผู้หญิงที่แต่งตัวเป็นเจ้าหญิงในการ์ตูนนั้นล่ะ ดูเหมือนคนกลุ่มนั้นกำลังจะสู้กับเด็กคนนี้
หม่านไคเป็นคนที่เกลียดการรังแกผู้หญิงเป็นอย่างมาก
“ถ้าจะทำอะไรเด็กผู้หญิงคนนี้ แกต้องข้ามศพฉันไปก่อน!” นั่นคือคำที่หม่านไคพูดออกมาระหว่างเดินตรงเข้าไปหาเย่จีจี้พร้อมกับยิ้มกว้างแสดงความร้ายกาจ
เย่ฮัวจุดบุหรี่สูบไม่พูดอะไร
หม่านไคตบไหล่เย่จีจี้ ยิ้ม แล้วพูดว่า “เด็กน้อยไม่ต้องกลัวนะ พี่ชายอยู่ตรงนี้ทั้งคน มีปัญหาอะไรกับคนพวกนี้ บอกพี่มาได้เลย”
“จริงเหรอคะ พี่ชาย?” เย่จีจี้หันหน้ามาพร้อมรอยยิ้ม
ดวงตาของหม่านไคเบิกกว้าง ลมหายใจชะงักขาดห้วงทันที นี่มันยัยเด็กผู้หญิงที่อยู่ในโลงศพไม่ใช่เหรอ!
ผมหางม้าของเด็กหญิงพุ่งทะลวงเข้าไปในปากของเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เมื่อผมหางม้าถูกดึงกลับออกมาจากปากของหม่านไค ร่างของเขาก็ซูบผอมกลายเป็นมัมมี่ไปทันที
เหตุการณ์นี้ทำให้กลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ส่งเสียงฮือฮาพร้อมกับจ้องมองเย่จีจี้ด้วยความตกตะลึง
“พวกเราเข้าไปช่วยเร็ว!” เหอเฟิงตะโกนด้วยความแตกตื่น ลูกศิษย์จำนวนมากพากันมองหน้าผู้เป็นอาจารย์และคิดอยู่ในใจว่า ถ้าอยากได้หน้าขนาดนั้น ทำไมไม่บุกเข้าไปช่วยเองเลยล่ะ
เมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครตอบสนองต่อคำสั่ง ชูเจิ้นไห่จึงตะโกนออกมาเสียงดังว่า “หม่านไคเสียท่าพวกมันแล้ว พวกเราจงอย่าทำให้เฟิงหวังโหลวต้องเสียหน้าเด็ดขาด!”
กลุ่มลูกศิษย์ของสำนักเฟิงหวังโหลวรู้สึกอับอายแทบตาย เจ้าสำนักของพวกเขากำลังจะส่งลูกศิษย์ไปเสี่ยงชีวิตอีกแล้ว
เย่จีจี้หันหน้ากลับมา ผมหางม้าของเธอขยับตลอดเวลาไม่อยู่กับที่
นั่นเองจึงทำให้ทั้งหมดได้เห็นว่าร่างของหม่านไคกลายเป็นเพียงซากศพที่แห้งกรัง เด็กหญิงหันหน้ามาทำมุม 180 องศา พร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงน่ารักน่าชังว่า “อยากมาเล่นด้วยกันไหมจ๊ะพี่จ๋า”
ทุกคนที่เห็นภาพนี้แทบหยุดหายใจและก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
ในวินาทีที่สำคัญนี้เอง เหอเฟิงและชูเจิ้งไห่คำรามออกมาว่า “ถอนกำลัง! ถอนกำลัง! พวกเราถอย!”
ในขณะนี้ทุกคนต่างทราบดีแล้วว่า แม้แต่ผู้มีฝีมือระดับสูงอย่างหม่านไคก็ยังเสียชีวิตโดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ แล้วลูกศิษย์ฝีมือธรรมดาอย่างพวกเขา จะไปต่อสู้กับเด็กผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร
“กระต่ายน้อยน่าเกลียดพวกนี้วิ่งหนีอีกแล้วอ่ะ” เย่จีจี้กรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจ
เสียงกรีดร้องของเธอทำให้คนทั้งสามพันคนถึงกับตัวสั่นงันงกและขนลุกเกรียว
ควับ!
จังหวะนั้นเอง คลื่นพลังงานที่เป็นรัศมีวงแหวนก็แผ่ปกคลุมทั่วทั้งหุบเขา เย่จีจี้ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ก่อนจะเหลียวหน้ามองไปข้างหลังอย่างช้าๆ
เย่ฮัวคาบบุหรี่อยู่ที่มุมปาก มือขวาของเขายกขึ้นโบกสะบัดเบาๆ เล็กน้อย
ดวงตาของเย่จีจี้เบิกโต เมื่อพบว่ามีม่านพลังสีแดงห้อมล้อมร่างกายของเธออยู่
อะไรกันเนี่ย!
ม่านพลังมีลักษณะเป็นรูปไข่ครอบคลุมร่างกายของเธอไว้ ด้วยเหตุนี้ เย่จีจี้จึงไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นพลัง มีเพียงม่านพลังเท่านั้นที่เกิดรอยร้าวเหมือนใยแมงมุมขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
ในขณะเดียวกันนี้ กลุ่มคนกว่า 3,000 คนที่กำลังจะวิ่งหนี ก็เสียชีวิตกลายเป็นเพียงฝุ่นผงในอากาศ ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน แม้แต่ผนังหินบนภูเขาด้านข้าง ก็ยังถูกคลื่นพลังที่มองไม่เห็นตัดจนแยกออกจากกัน
ศพของฉางตี้ที่นอนอยู่บนพื้นเมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้ก็สูญสลายหายไปแล้ว!
นี่คือพลังวงแหวนที่เย่ฮัวปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากที่ไม่ได้ใช้งานมาสักพักใหญ่ๆ ความน่ากลัวของเขาก็คือ ถึงแม้คนจำนวนนับพันคนจะต้องร่างสลายไปในอากาศ แต่เย่จีจี้กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดเดียว
เย่จีจี้ปัดมือสลายม่านพลังที่ครอบคลุมตัวเธออยู่ออกไป และพูดออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า “ฉันเกลียดนายแล้ว! ทำอาหารของฉันหายไปหมดแบบนี้ ชดใช้มาให้ฉันเลยนะ!”