You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 156
GG:บทที่ 156 – ฉันก็อยากมีเหมือนกัน
ผมหางม้าของเย่จีจี้กวัดแกว่งไปมา อันที่จริงแล้ว เด็กหญิงยังมีพลังแฝงอีกหลายอย่างที่ไม่ได้แสดงออกมา แต่โชคร้ายที่เธอต้องมาพ่ายแพ้เสียก่อน
เย่ฮัวถอนหายใจยาวแรง การแข็งแกร่งเกินไปก็ถือเป็นบาปชนิดหนึ่ง ไม่มีใครเก่งกล้ามากพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ อย่างเช่นในวันนี้ คนที่พอจะเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้ กลับกลายเป็นอดีตผู้ติดตามของเขาเอง
จากคำบอกเล่าของเย่จีจี้ เธอตื่นขึ้นมาจากความตายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และค้นพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังทำพิธีเพื่อควบคุมเธอ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือการติดแผ่นยันต์ให้ครบตามจำนวนจะต้องใช้เวลาทำพิธีกรรมไม่น้อย และปรากฏว่า เย่จีจี้มีพลังกล้าแข็งมากจนพวกเขาเพิ่งติดแผ่นยันต์ได้แค่สามแผ่นเท่านั้น เธอก็ตื่นขึ้นมาก่อนที่จะได้ติดแผ่นยันต์สองแผ่นสุดท้าย ส่งผลให้เด็กหญิงกลายเป็นคนความจำเสื่อมที่จดจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้
ที่น่าประหลาดใจก็คือมนุษย์ในยุคสมัยนี้ มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการครอบครองแล้ว แต่เมื่อนึกถึงบรรดายอดฝีมือสมัยก่อน บุคคลเหล่านั้นก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือเช่นกัน จึงไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกตินักที่มนุษย์ในโลกนี้ จะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการครอบครองบ้าง
ขณะนั้น เย่จีจี้เงยหน้าขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดว่า “พี่ชายกระดูกใหญ่ ยกโทษให้จีจี้หรือยังคะ?”
“ถ้าเธอเลิกเรียกฉันว่าพี่ชายกระดูกใหญ่ ฉันก็จะยกโทษให้เธอ”
เย่จีจี้ทำหน้าบูด “แต่ว่าจีจี้เรียกแบบนั้นมาตั้งนานแล้วนะ”
“งั้นฉันก็จะไม่ให้อภัยเธอ”
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ ไม่เรียกก็ได้” เย่จีจี้ลูบไล้มือน้อยๆ ของเธอไปบนหน้าอกของเย่ฮัว ทำให้เขาโกรธเธอไม่ลงจริงๆ
เย่ฮัวกำลังคิดอยู่ว่าตอนนี้ชิงหยายังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเย่จีจี้ และเธอก็น่าจะชอบเด็กหญิงคนนี้ได้ไม่ยาก ชิงหยาคงไม่มีอาการหึงหวงเขาแน่ๆ ถึงแม้ว่าเย่จีจี้จะมีหน้าตาน่ารักมากก็ตาม
และอีกอย่างก็คือ เย่จีจี้มีลักษณะเป็นผู้ตามเสมอ เด็กหญิงจะยินยอมทำตามทุกอย่างที่เขาสั่ง เย่ฮัวจะปล่อยให้เธอทำตัวเหมือนในอดีตไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเย่จีจี้จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างพังไปหมด ทางที่ดีที่สุดก็คือ เขาต้องหาทางสร้างตัวตนของเธอบนโลกมนุษย์ให้ได้
เย่จีจี้มองหน้าเย่ฮัวด้วยดวงตากลมโต สีหน้าของเธอน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
“เธอเรียกฉันว่าพี่ชายธรรมดาก็พอ แต่ถ้าอยู่กันเองสองคน เธอต้องเรียกฉันว่านายท่าน เข้าใจไหม?” ชายหนุ่มถือโอกาสนี้ออกคำสั่งกับเด็กหญิง เพราะกลัวว่าตนเองจะตามใจเธอมากเกินไปอีก
เย่จีจี้รีบพูดโดยไม่ต้องคิดเลยว่า “รับทราบค่ะ พี่ชาย”
เย่ฮัวนึกว่าเด็กหญิงจะงอแง ไม่นึกเลยว่าเธอจะว่านอนสอนง่ายขนาดนี้
แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า เย่จีจี้ท่องเที่ยวอยู่ในโลกมนุษย์มาหลายปีแล้ว เด็กหญิงทราบดีว่าผู้เป็นนายเหนือหัวของเธอ มีชื่อมนุษย์ที่ฟังดูดีกว่า “พี่ชายกระดูกใหญ่” เป็นไหนๆ แน่นอนว่าเย่จีจี้เห็นด้วยกับการเปลี่ยนชื่อของเขาเป็นที่สุด
“พี่ชายคะ จีจี้อยากเจอปีศาจแห่งความโลภกับมังกรโครงกระดูกจังเลย”
เย่ฮัวเขกหน้าผากของเด็กหญิงไปหนึ่งโป๊ก “เวลาอยู่โลกมนุษย์ เธอต้องเรียกพวกเขาว่าเว่ยชางกับเลี่ยกู่ ห้ามเรียกชื่อเล่นของพวกเขาอีก”
เย่จีจี้ยกมือถูหน้าผากป้อยๆ ทำแก้มป่อง ก่อนที่จะพูดว่า “เจ้าค่ะ นายท่าน ข้าน้อยทราบแล้ว”
“กลับกันเถอะ เดี๋ยวเว่ยชางจะเป็นคนบอกรายละเอียดให้ฟังเอง”
“อืมฮึ กลับกันดีกว่า”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็หายไปจากซากปรักหักพังแห่งนี้
แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น เงาร่างของชายคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วงประดับดิ้นเงินดิ้นทองแพรวพราว บนศีรษะสวมมงกุฎที่เป็นรูปทรงมังกร ใครๆ ต่างก็รู้จักเขาในฐานะของบุตรชายตระกูลผู้มั่งคั่ง
ชายหนุ่มคนนี้เดินเข้ามามองรอบบริเวณด้วยความสงสัย คล้ายกับว่ากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง สีหน้าของเขาแสดงความวิตกกังวล เหมือนคนที่ทำสมบัติล้ำค่าตกหล่นหายไป
ชายหนุ่มยกมือลูบคางพลางกระซิบออกมาว่า “เอ…ซองแดงมันอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงหาไม่เจอได้ล่ะ หรือว่าระบบซองแดงจะคำนวณผิดพลาด?”
ทันใดนั้น มีชายหนุ่มอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นคุกเข่าตรงหน้าเขา และพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพว่า “ฝ่าบาท! เราอยู่ที่นี่นานไม่ได้พะย่ะค่ะ มีพวกสำนักต่างๆ รวมตัวกันอยู่เยอะเกินไป”
ชายหนุ่มเสื้อคลุมม่วงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ สงสัยเขาคงต้องหาโอกาสกลับมาลองหาดูใหม่อีกครั้ง
ไม่นานหลังจากที่กลุ่มชายหนุ่มคนนี้หายตัวไป ก็มีคนอีกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้น และถ้าเย่ฮัวยังคงอยู่ที่นี่ เขาก็จะได้พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
…
ณ ริมน้ำตก
เว่ยชางและเลี่ยกู่นั่งรออยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กด้วยความสงบ ถังเว่ยยืนอยู่ด้านหลังกำลังนวดไหล่ให้เว่ยชาง ในขณะที่เลี่ยกู่กำลังดื่มด่ำไปกับความสบายที่หญิงสาวรับใช้ทั้งสามคน กำลังนวดหัวไหล่ นวดมือและนวดเท้าให้เขาอย่างขะมักเขม้น แล้วแบบนี้ใครบอกกันนะว่ามีเมียเยอะมันไม่ดี
“ทำไมถึงยังไม่กลับมากันอีกนะ” เลี่ยกู่พูดออกมาด้วยความร้อนใจ นี่ก็ผ่านมาได้หลายชั่วโมงแล้ว ทำไมนายเหนือหัวของเขาถึงยังเคลียร์ปัญหาคาใจกับเด็กน้อยไม่จบอีก? หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้น? มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า?
ภาพที่ผุดขึ้นมาในสมองของเลี่ยกู่ก็คือ เย่จีจี้กำลังถูกจับมัดแล้วเฆี่ยนตีด้วยแส้
“นายท่าน…บอสครับ!” ทันใดนั้น เว่ยชางลุกขึ้นยืนส่งเสียงตะโกน
“บอสครับ” เลี่ยกู่ลุกขึ้นยืนตะโกนตามเช่นกัน
แต่ทำไมถึงมีแต่บอสของพวกเขาเท่านั้นล่ะ เย่จีจี้หายไปไหน?
เลี่ยกู่มองไปที่นายเหนือหัวของตนเองด้วยใจเต้นระทึก ก่อนถามว่า “บอสครับ แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?”
เย่ฮัวหยิบบุหรี่ออกมาขณะเดินตรงไปที่เต็นท์ ตอบว่า “ตายแล้ว”
เว่ยชางและเลี่ยกู่ยืนตกตะลึงอยู่กับที่เหมือนคนถูกฟ้าผ่าตรงกลางศีรษะ มันเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เด็กหญิงผู้น่ารักคนนั้น ได้เสียชีวิตไปแล้วจริงๆ
สำหรับกรณีนี้ เลี่ยกู่จะค่อนข้างเศร้าใจมากกว่าทุกคน เขาถึงกับทรุดลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ครวญครางออกมาว่า “เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ทำไมเจ้าถึงโง่แบบนี้ ทำไมเจ้าไม่หนีไป ข้ายังไม่มีโอกาสให้เจ้าได้ขี่หลังข้าเลยนะ…”
เว่ยชางที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ร้องไห้น้ำตาไหลเช่นกัน เย่จีจี้อยากจะเล่นพนันกับเขามาตลอด แต่ตอนนี้…
ทันใดนั้นเอง เลี่ยกู่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนอีกคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหัวไหล่ และคนคนนั้นพูดออกมาว่า “อย่าร้องไห้ได้ไหม ฉันยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่!”
แต่เสียงนี้มีความคุ้นหูเป็นอย่างมาก
เลี่ยกู่ลืมตาขึ้นมามอง และพบว่าเด็กหญิงที่บอกว่าตนเองอารมณ์ไม่ค่อยดี กำลังยืนยิ้มแฉ่งอย่างคนที่อารมณ์ดีเป็นที่สุด!
แต่การได้เห็นผมหางม้าของเธอปลิวไสวต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ทำให้เลี่ยกู่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว
“อิอิ มังกรโครงกระดูก คิดถึงจีจี้ไหม?” เย่จีจี้กระโดดขึ้นขี่คอเลี่ยกู่ ใช้สองมือบิดหูของชายหนุ่ม พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เลี่ยกู่ไม่รู้ว่าจะแสดงความดีใจออกมาเช่นใด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ในวินาทีนั้นเอง เลี่ยกู่ก็ดีดตัวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เย่จีจี้ร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ในที่สุด จีจี้ก็ได้ขี่หลังมังกรโครงกระดูกแล้ว เย้!”
ในขณะที่บินอยู่ท่ามกลางมวลหมู่เมฆบนท้องฟ้า เลี่ยกู่ก็แสดงร่างอันแท้จริงของเขาออกมา ตอนนี้ เย่จีจี้กำลังนั่งอยู่บนหลังของมังกรโครงกระดูกตัวใหญ่ ทำให้ร่างของเด็กหญิงดูเล็กกระจิดริดมากยิ่งขึ้น
“โอ้โห!”
มังกรโครงกระดูกส่งเสียงคำรามออกมาก้องกังวาลแผ่นฟ้า ชาวบ้านที่อยู่บนพื้นดินซึ่งได้ยินเสียงคำรามต่างก็คิดว่าตนเองหูฝาด เลี่ยกู่ไม่กล้าส่งเสียงคำรามเป็นครั้งที่สองอีก เนื่องจากว่าเย่ฮัวได้เคยเตือนเขาเอาไว้แล้วนั่นเอง
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็บินกลับลงมาบนพื้นอีกครั้ง เย่จีจี้เกาะอยู่บนตัวของเลี่ยกู่เหมือนโคอาล่าเกาะต้นไม้
“ปีศาจพนัน จีจี้เห็นนะว่าร้องไห้ด้วย”
เว่ยชางหัวเราะในลำคอ “เจ้าตาฝาดมากกว่า”
“แหม จีจี้ไม่ได้ตาฝาดสักหน่อย ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ว่าแต่เมื่อไหร่เราจะมาเล่นพนันกันล่ะ?”
“ต้องรอบอสอนุญาตก่อนสิ” เว่ยชางเอื้อมมือไปขยี้หัวเย่จีจี้ แล้วส่งเสียงหัวเราะด้วยความดีใจ
ในตอนที่เย่จีจี้ขยับหัวหนีมือของเว่ยชาง เธอก็เห็นว่ารอบตัวเขามีหญิงสาวอยู่ด้วยอีก 4 คน ดวงตาของเย่จีจี้สดใสขึ้นทันตา “ว้าว เสื้อผ้าสวยจังเลย จีจี้อยากใส่บ้างจัง”
ความจริงแล้ว สาวรับใช้ทั้ง 4 คนยังคงตกตะลึงไม่หาย ตอนแรกพวกเธอคิดว่าเด็กหญิงคนนี้ต้องเป็นศัตรูแน่ๆ แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นมิตรที่ดูจะสนิทสนมกับเจ้านายของพวกเธอไม่น้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก
สาวรับใช้ทั้ง 4 คนไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดี นอกจากก้มศีรษะทำความเคารพต่อเย่จีจี้
“พวกพี่ไปซื้อชุดพวกนี้มาจากที่ไหนกันจ๊ะ จีจี้อยากได้” เด็กหญิงเดินเข้าไปจับกระโปรงลายลูกไม้ของอีกฝ่าย ไต่ถามด้วยความสงสัย
ดูเหมือนเย่จีจี้จะมีความสนใจเรื่องแฟชั่นเสื้อผ้าอยู่ไม่น้อย
เว่ยชางกับเลี่ยกู่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับหญิงรับใช้เหล่านี้ ทันใดนั้น เย่จีจี้กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม “ไม่ได้นะ ทุกคนมีผู้หญิงของตัวเองหมดเลย จีจี้ก็ต้องมีผู้หญิงเป็นของตัวเองบ้างสิ!”
เว่ยชางพูดอะไรไม่ออก “…”
เลี่ยกู่ก็พูดอะไรไม่ออก “ …”
สาวรับใช้ทั้ง 4 คนก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน “…”