You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 164
GG:บทที่ 164 – ภารกิจใหม่
ชิงหยาจ้องมองน้องสาวของตัวเองและพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนอยากจะร้องไห้ “ชิงหยูตง เธอไม่ได้เรื่องก็ไม่เป็นไร แต่จีจี้ยังเป็นเด็ก คิดอะไรอยู่ถึงสอนให้น้องติดเกมส์แบบนี้?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของเย่จีจี้ก็เป็นประกายสดใสขึ้นมา แต่ตอนนี้เธอนั่งเงียบ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าตอนนี้ชิงหยูตงกำลังโกรธจัด ยิ่งเมื่อหันไปมองเด็กหญิงตัวปัญหา ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังตีหน้าเศร้าทำตัวน่าสงสารยิ่งกว่าเธอเสียอีก มิหนำซ้ำ ยังมีหน้ามาแกะกุ้งส่งให้พี่สาวเธออีกด้วย
“พี่สาวคะ อย่าโกรธกันเลย กินกุ้งเผาอร่อยๆ ให้ใจเย็นดีกว่านะ”
“พี่ไม่หิวจ้ะ”
ชิงหยาตอบกลับ คิดอยู่ในใจว่าถ้าลูกของเธอเกิดมา แล้วต้องพบกับการเลี้ยงดูจากน้าสาวอย่างชิงหยูตง…แค่นึกภาพเฉยๆ ชิงหยาก็รู้สึกเวียนหัวจนอยากจะเป็นลมแล้ว
“เย่ฮัว จัดการเธอหน่อยสิ” ชิงหยารู้ดีว่าพูดอะไรไปน้องสาวก็คงไม่ฟัง จึงอยากให้สามีที่เป็นหัวหน้าครอบครัวสั่งสอนคงจะง่ายกว่า
แต่เย่ฮัวตัดสินใจเกี่ยวกับทุกเรื่องของเย่จีจี้ไว้อย่างชัดเจนแล้ว เขาตอบว่า “ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้คุณต้องรับผิดชอบเอง”
ชิงหยูตงยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ไม่คิดเลยว่าในครั้งนี้พี่เขยจะเข้าข้างเธอ
“เย่จีจี้ ยังไงเธอก็ต้องเรียนหนังสือ” เย่ฮัวพูดเสียงราบเรียบ ตั้งใจจะส่งเย่จีจี้ไปเข้าเรียนเพื่อปรับตัวและเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์ เย่จีจี้จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้การควบคุมตัวเอง เธอควรจะดูเว่ยชางเป็นตัวอย่าง เจ้าหมอนั่นสามารถควบคุมความรู้สึกและความคิดได้ เหมือนกับเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อเย่จีจี้เห็นว่าเย่ฮัวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เธอก็ได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากชิงหยา
“พี่สาวคะ”
“เธอเป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่ชายหรือเปล่าจ๊ะ” ชิงหยาถามด้วยรอยยิ้ม
เย่จีจี้พยักหน้าอย่างที่ควรทำ
“ถ้างั้นก็ต้องทำตามที่พี่ชายบอกนะ”
เย่จีจี้ถึงกับพูดอะไรไม่ออก “…”
ดูเหมือนว่า ถึงจะทำตัวน่าสงสารสักแค่ไหน ก็คงหนีชะตากรรมที่ต้องไปโรงเรียนไม่พ้น แต่ถึงกระนั้น เย่จีจี้รู้ตัวดีว่าถ้าเธอไปนั่งอยู่ในกลุ่มเด็กมนุษย์ เธอจะต้องอยากกินพวกเขาให้หมดแน่นอน
“จีจี้ การเรียนหนังสือเป็นเรื่องสำคัญมากนะ คนเราถ้าไม่เรียนหนังสือ ก็ไม่มีงานทำหรอก” ชิงหยูตงลูบหัวเย่จีจี้เป็นการปลอบใจ
เย่จีจี้ได้แต่ก้มหน้าก้มตาแกะกุ้งต่อไปอย่างน่าสงสาร
“เย่จีจี้ อย่าคิดนะว่าเรื่องนี้มันไม่มีประโยชน์” เย่ฮัวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดดักคอไว้ก่อน
เมื่อหัวข้อสนทนานี้จบลง ทั้งชิงหยูตงและเย่จีจี้ต่างก็โล่งอกเป็นอย่างยิ่ง พวกเธอรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเด็กสอบตก ที่กำลังถูกพ่อแม่สั่งสอนจนหูชา
“ชิงหยา คุณบอกว่าจะถ่ายรูปแต่งงานไม่ใช่เหรอ ตัดสินใจได้หรือยัง คุณบอกเองนะว่าไม่อยากไปถ่ายตอนที่ท้องโตแล้ว” เย่ฮัวถามในขณะที่หยิบกุ้งเข้าปาก
ชิงหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เราไปถ่ายกันที่ซานย่าดีกว่า ที่นั่นวิวสวยมาก ช่วงนี้เรายังพอมีเวลาว่างกันอยู่ด้วย ถือว่าไปพักผ่อนในตัวด้วยก็แล้วกัน”
“ต้องไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ?” เย่ฮัวถามพลางขมวดคิ้ว
“ซานย่าอยู่ติดทะเล หลงอันมีแต่แผ่นดินกว้างใหญ่ เต็มที่เราก็พบเจอแค่แม่น้ำ คราวนี้เราจะได้พาหยูตงกับจีจี้ไปด้วยไงคะ” ชิงหยาคิดว่าวิธีการนี้สมบูรณ์แบบที่สุด พวกเขากำลังจะไปเที่ยวกันแบบยกครอบครัว ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
แต่ชิงหยูตงไม่อยากไปไหน เธอวางแผนไว้ว่าจะอยู่บ้านเล่นเกมส์ “พี่คะ หนูไปก็เป็นภาระให้เปลืองเงินเปล่าๆ ขอบายก็แล้วกัน”
“หนูก็อยากจะอยู่บ้านเล่นเกมส์เหมือนกัน”
“ไม่ได้นะ พวกเธอจะต้องทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว คนหนึ่งเป็นเพื่อนเจ้าสาวคนโต อีกคนเป็นเพื่อนเจ้าสาวคนเล็ก เราจะออกเดินทางกันวันพรุ่งนี้!”
“วันพรุ่งนี้เหรอ!” ทั้งสามคนอุทานออกมาพร้อมกัน
“ถูกต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องการเดินทางเอง” ชิงหยาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เกิดเป็นคนรวยก็ดีอย่างนี้ นึกจะไปไหนก็ไปได้ในพริบตา
เนื่องจากเย่ฮัวเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาเอง เขาก็เลยต้องยอมทำตามความต้องการของชิงหยาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เย่ฮัว ชิงหยูตงและเย่จีจี้ถอนหายใจออกมาพร้อมกันเฮือกใหญ่ ถ้าเลือกได้ทุกคนล้วนอยากอยู่บ้าน ไม่มีใครอยากออกไปตากแดด ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีเครื่องเล่นเกมส์ ทั้งสามคนต่างคิดเหมือนกันว่าไม่มีเหตุผลเลยที่ตนเองจะต้องออกไปทรมานที่ต่างเมืองแบบนั้น
หลังจากที่รับประทานกุ้งเผาจนอิ่มหนำ ชิงหยาก็ไปนั่งเล่นเกมส์อยู่กับเด็กๆ เย่ฮัวไม่อยากพูดอะไรอีก ชิงหยาเพิ่งจะสั่งสอนพวกเธอไปหยกๆ ว่าการเล่นเกมส์เป็นสิ่งไม่ดี แต่ตอนนี้กลับไปร่วมวงด้วยเสียแล้ว
นั่นก็เป็นเพราะว่าอาหลี่กลับมาออนไลน์แล้ว
เย่ฮัวผู้เบื่อหน่ายเดินลงบันไดมาชั้นล่าง เพื่อดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่…
แต่เมื่อเดินลงมาแล้วกลับไม่เจอใครเลยสักคน นอกจากคนรับใช้และพนักงานรักษาความปลอดภัยส่วนตัวเท่านั้น!
เขาโบกมือเรียกเว่ยชาง
“นายท่าน มีอะไรหรือครับ”
“คนหายไปไหนหมด” เย่ฮัวถามด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
เว่ยชางตอบว่า “ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
ไม่กี่เดือนก่อน ที่นี่ยังมีคนเดินให้พล่านกันไปหมด แต่ตอนนี้กลับวังเวงเหมือนป่าช้าไปเสียได้
เย่ฮัวได้แต่ถอนหายใจก่อนพูดว่า “ฉันจะไปต่างเมืองสัก 2-3 วันนะ ฉันกลับมาเมื่อไหร่ ถ้ายังไม่เห็นคนอีก ฉันจะตัดเงินเดือนนาย!”
“นายท่าน ผมอยากขอให้ท่านขึ้นเงินเดือน…” เว่ยชางอับอายเกินกว่าจะพูดออกไปได้ว่า เงินที่เขาได้รับมันไม่เพียงพอสำหรับการหาแฟนสักคน และตอนนี้ เขาก็ต้องใช้เงินมากกว่าเดิม
เย่ฮัวจ้องมองด้วยดวงตาวาวโรจน์ “ทำงานแบบนี้ยังจะมีหน้ามาขอขึ้นเงินเดือนอีก อีกหน่อยฉันคงต้องกินแกลบกันพอดี”
“แต่ตอนนี้ ตัวท่านมีแต่กลิ่นกุ้งเผาเลยนะครับ”
“…”
“เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าเถียงข้าแล้วรึ”
“ข้าน้อยมิบังอาจ” เว่ยชางรีบพูดออกมาทันที แปลกใจไม่น้อยที่ในเมื่อนายเหนือหัวได้เจอเย่จีจี้แล้ว กลับมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายเป็นพิเศษ
“เรื่องที่ให้สืบสวนไปถึงไหนแล้ว?” เย่ฮัวดึงบุหรี่ออกมา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างกัน
เว่ยชางมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย
“ยังสืบสวนอยู่ครับ”
“ยังสืบสวนอยู่แล้วทำไมช้าแบบนี้ มีอะไรติดขัดก็เร่งมือแก้ปัญหาเข้าหน่อยสิ”
“เข้าใจแล้วครับ!”
หลังจากนั้น เย่ฮัวก็ลุกขึ้นเดินออกไป
“นายท่านจะออกไปไหนครับ”
“ไปเดินเล่น”
เว่ยชางแอบคิดในใจว่า ตอนนี้นายเหนือหัวของเขารู้จักที่จะเดินเล่นหลังมื้อค่ำแล้ว อีกหน่อยคงเรียนรู้การเต้นรำสำหรับงานรื่นเริงแน่นอน
เขากำชับกับตนเองว่าถ้าไม่อยากถูกตัดเงินเดือน ก็ต้องรีบติดต่อผู้วิเศษแห่งความตายเสียเดี๋ยวนี้
อย่างไม่รอช้า เว่ยชางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรไปหาผู้วิเศษแห่งความตาย และหวังว่าผลลัพธ์จะออกมาคุ้มค่ากับค่าโทรศัพท์ที่เสียไป
“ผู้วิเศษแห่งความตาย!”
ผู้วิเศษแห่งความตายที่กำลังเล่นเกมส์อยู่ ถึงกับงงงันไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบว่า ”ครับ”
“นายมีงานให้ไปเป็นสายลับ คอยสืบความเคลื่อนไหวระหว่างฝั่งเหนือกับฝั่งใต้” เว่ยชางอธิบายงานเพิ่มเติมเล็กน้อย แต่มันก็คืองานสายลับโดยทั่วไป ซึ่งหมายถึงการรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดในกลุ่มสายลับด้วยกัน
“งานสืบข้อมูล!” ผู้วิเศษแห่งความตายรู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะสมกับชื่อนี้อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากงานที่เขาได้รับ มันไม่เกี่ยวกับความตายเลยแม้แต่น้อย
“ถูกต้อง รายงานข้อมูลฉันทุกวันด้วย”
“ได้ครับ ผมจะรายงานให้เจ้านายทราบทุกวัน”
“ทำตามกฎด้วยล่ะ!”
หลังจากกดวางสายแล้ว ผู้วิเศษแห่งความตายก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง แต่งานนี้มีปัญหาอยู่อย่างเดียวก็คือ ถ้าเขาทำงาน แล้วจะเล่นเกมส์ได้อย่างไร?
เปรี้ยงๆๆๆ
เสียงระเบิดลูกกระสุนที่ดังขึ้นข้างตัว ทำให้ผู้วิเศษแห่งความตายต้องหันไปมอง และพบว่าเจ้าสำนักฟ่างกำลังเล่นเกมส์บนโทรศัพท์มือถือ สีหน้าดูกำลังโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
ใช่สิ เธอต้องโกรธแค้นอยู่แล้ว เพราะว่าแพ้เขามาหลายตาติดขนาดนั้น
แต่ว่า…
จะนอนเล่นเกมส์ทั้งวันก็อย่างไรอยู่นะ
เมื่อไม่มีเงิน ค่าอาหารวันละ 3 มื้อก็เป็นปัญหาได้ ถ้าถูกไล่ออกจากห้องเช่า ถ้าไม่มีเงินเหลืออยู่ในบัญชี เห็นทีคงต้องระเห็จไปนอนข้างถนนหรือไม่ก็ในสวนสาธารณะ แต่ผู้วิเศษแห่งความตายอย่างเขาจะยอมแพ้ชีวิตง่ายดายขนาดนี้ไม่ได้ ไม่งั้นได้อับอายมนุษย์แน่ๆ
ผู้วิเศษแห่งความตายพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ และใช้กระดูกบนหัวไหล่กวักเรียกอีกฝ่ายให้หันมามอง
“มีงานใหม่เข้ามาแล้ว อยากทำหรือเปล่า?”
หลังจากที่มองข้อความบนหน้าจอแล้ว เจ้าสำนักฟ่างก็ทำหน้าคิดไม่ตก จะอย่างไรสำหรับมนุษย์ก็ต้องยอมแพ้ให้กับอำนาจเงินอยู่วันยังค่ำ
“ทำสิ!”
“เคี๊ยะๆๆ…”
แบบนี้นี่เองสินะ มนุษย์ถึงบอกว่าเงินบันดาลได้ทุกอย่างจริงๆ