You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 170
GG:บทที่ 170 เจอกันอีกแล้ว
เย่ฮัวกำลังเคี้ยวกินแพนเค้กด้วยหน้าตาโกรธเกรี้ยว ถ้าไม่ติดว่าป้าแกทำอร่อย เขาไม่มีทางเดินไปซื้อเด็ดขาด
ชิงหยาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ทำได้เพียงทุบไหล่เย่ฮัวแล้วพูดว่า “เป็นอะไรไปคะ?”
“ป้าคนขายบอกว่าผมกลัวเมีย คิดดูแล้วผมก็เลยโกรธ” เย่ฮัวตอบเสียงห้วน ทั้งๆ ที่ในปากยังเคี้ยวแพนเค้กอยู่เต็มคำ
ความจริงแล้ว ทุกครั้งที่เย่ฮัวเดินลงไปซื้ออาหารเช้ามาให้เธอ ชิงหยาคิดว่านี่คือความน่ารักของเขาอย่างที่สุด ตอนแรกเย่ฮัวก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นี่ก็เป็นกิจวัตรที่ชิงหยาคุ้นเคยไปแล้ว และถ้าวันไหนเย่ฮัวไม่กลับมาบ่นป้าเจ้าของร้านให้เธอฟัง ชิงหยาก็รู้สึกเหมือนจะขาดอะไรไปสักอย่าง
“นี่ แล้วกลัวฉันมันไม่ดีตรงไหนคะ” ชิงหยาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
เย่ฮัวหัวเราะหึๆ สีหน้าแจ่มใสขึ้นทันตา
“เดี๋ยวนะ หัวเราะแบบนี้หมายความว่ายังไง” ชิงหยากระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะแย่งแพนเค้กของเขาไปกัดคำใหญ่ “อื้อหือ อร่อยจัง”
เมื่อกลับขึ้นชั้นบน ทุกคนก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว เย่ฮัวยืนมองกระเป๋าสัมภาระของหญิงสาวทั้งสามคน และได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจว่า นี่พวกเธอจะย้ายบ้านหรืออย่างไรกัน? โดยเฉพาะชิงหยูตงกับเย่จีจี้ พวกเธอมีกระเป๋าสัมภาระสองกองใหญ่ เมื่อนำมาตั้งซ้อนกันแล้ว ก็มีความสูงยิ่งกว่าตัวของเย่จีจี้เสียอีก
ชิงหยาเดินลากกระเป๋าของเธอออกมาจากห้องและมองน้องสาวของตนเองกับเย่จีจี้ด้วยความไม่อยากเชื่อ “ขนอะไรไปเยอะแยะเนี่ย”
ชิงหยูตงและเย่จีจี้หันไปมองกระเป๋าเดินทางของชิงหยา จากนั้นก็หันมามองกองกระเป๋าของตนเอง ดูเหมือนจะไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่เลย
“พี่สะใภ้คะ กระเป๋าของพี่เยอะกว่าของพวกเราอีกนะ”
ชิงหยาพยักหน้าไปทางเย่ฮัวที่ยืนอยู่ตรงประตู “พี่เก็บเสื้อผ้าของเขารวมมาด้วยน่ะ”
“พี่ชายขี้เกียจกว่าฉันอีกนะเนี่ย”
เย่ฮัวถลึงตามองเย่จีจี้ และพูดเสียงเบาว่า “ไปกันได้แล้ว”
ชิงหยูตงประท้วงขึ้นทันที “จีจี้กับฉันยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยนะ รอพวกเราด้วยก็แล้วกัน” หลังจากนั้นพวกเธอก็ปิดประตูห้อง
เมื่อชิงหยูตงกับเย่จีจี้เปิดประตูกลับออกมาอีกครั้ง เย่ฮัวกับชิงหยาก็ต้องยืนอ้าปากค้าง
แม้ว่าเย่จีจี้จะสวมใส่ชุดกระโปรงสุ่มไก่แบบเจ้าหญิงดิสนีย์ ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่พอรับได้ แต่ประเด็นก็คือเด็กน้อยแต่งหน้าแบบผู้ใหญ่ในลักษณะที่…ชิงหยาเห็นแล้วก็ให้รู้สึกปวดหัวทันที
“พี่คะ ฉันยังมีอีกชุดนะ สนใจอยากเปลี่ยนชุดไหมล่ะ” ชิงหยูตงพูด ถ้าเธอแต่งคนเดียวคนก็จะมองว่าเธอเป็นคนบ้า แต่ถ้าแต่งสองคน มันก็จะกลายเป็นคนบ้าสองคน อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนหนึ่งคน และมันคงจะยิ่งดีไปกันใหญ่ ถ้าเธอสามารถลากพี่สาวให้มาแต่งตัวแบบจัดเต็มได้ด้วยอีกคน ก็จะครบแก๊งคนบ้าสามคนพอดิบพอดี
เย่จีจี้หันหน้ามายิ้มกว้าง “พี่ชายคะ จีจี้สวยไหม?”
ถ้าจะตอบตามความจริง ใบหน้าของเย่จีจี้เรียกได้ว่าน่ารัก ชุดที่ใส่ก็ดูโอเค แต่มันไม่โอเคเลยที่จะมาใส่ในชีวิตประจำวันแบบนี้
“เอาเถอะ ไปกันได้แล้ว” ชิงหยาหมดแรงที่จะพูดอะไรอีกต่อไป เธอรู้ซึ้งแล้วว่าการดูแลเด็กน้อยไม่ใช่งานง่ายเลยจริงๆ เมื่อคิดว่าอีกหน่อยเธอต้องดูแลเด็กในบ้านถึงสามคน ชิงหยาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว
…
เมื่อทั้งหมดมาถึงสนามบิน ชิงหยูตงและเย่จีจี้ก็กลายเป็นจุดสนใจในทันที แทบทุกคนที่พบเห็นพวกเธอจะต้องหยุดมอง และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป
โดยเฉพาะเย่จีจี้ที่เป็นขวัญใจของบรรดาตาลุงหัวงู ไม่มีใครเชื่อเลยว่าเธอยังมีอายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ
ชิงหยูตงและเย่จีจี้มีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นอย่างมาก พวกเธอโพสต์ท่าให้คนถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน สนามบินกลายเป็นงานนิทรรศการส่วนตัวของพวกเธอไปโดยปริยาย ถ้าชิงหยาไม่ลากตัวออกมาเสียก่อน เด็กทั้งสองคนนี้คงอยู่เล่นสนุกได้อีกทั้งวัน
ในที่สุด ชิงหยาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวันนั้นเย่ฮัวถึงเตือนเธอเอาไว้แบบนั้น การทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กมันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง
หลังจากเข้ามานั่งรอในห้องวีไอพี ในที่สุดพวกเขาก็ได้หยุดพัก แต่ชิงหยูตงกับเย่จีจี้ก็ยังนั่งคุยกันเรื่องเสื้อผ้าไม่หยุด
“รู้แล้วใช่ไหมว่าน่าปวดหัวขนาดไหน” เย่ฮัวพูดขณะนั่งลงบนโซฟา และเอื้อมมือหยิบนิตยสารมาเปิดดู
ชิงหยาถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เธอน่าจะฟังคำเตือนของเย่ฮัวตั้งแต่แรก เด็กพวกนี้ทำตัวเป็นเจ้านาย…ส่วนเธอคือคนรับใช้
จังหวะนั้นเอง ที่หน้าประตูมีชายท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งเดินเข้ามา แต่พอเขาเห็นกลุ่มของพวกเย่ฮัว ชายคนนี้ก็จะหันหลังกลับออกไปทันที
“คุณจิ่วค้า” ชิงหยูตงร้องเรียก
จิ่วเย่ใจหายวูบ ทำไมต้องมาเจอคนพวกนี้อีกแล้ว? อยู่กับพวกนี้ทีไรเป็นได้เกิดเรื่องทุกทีสิน่า!
แต่ในเมื่อถูกพบตัวแล้ว จะให้เดินหนีไปแบบนี้ก็คงไม่ได้…เฮ้อ
“บอสครับ คุณผู้หญิง” จิ่วเย่เดินเข้ามาทักทายพร้อมรอยยิ้ม
เย่ฮัวเหลือบตาขึ้นมองเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าดูนิตยสารต่อไป เขารู้สึกว่าเสื้อผ้าบางชุดในนิตยสารฉบับนี้ น่าจะเหมาะสำหรับชิงหยาไม่น้อย
“คุณจิ่วจะไปไหนเหรอจ๊ะ” ชิงหยาถามด้วยรอยยิ้ม เธอดูเป็นมิตรขึ้นมาก พลังแห่งความรักมันยิ่งใหญ่อย่างนี้นี่เอง
จิ่วเย่รู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ หวังว่าพวกเขาคงไม่ได้กำลังจะไปที่เดียวกันหรอกนะ “ผมกำลังจะไปซานย่าครับ”
“ไปซานย่าเหรอ พวกเราก็เหมือนกัน”
จิ่วเย่พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว “…”
จิ่วเย่ไม่รู้ว่าตนเองควรจะแสดงความรู้สึกอะไรดีในขณะนี้ นอกจากหัวเราะแห้งๆ ตอบกลับไปเท่านั้น
จิ่วเย่ไม่กล้านั่งลงที่โซฟาด้วยซ้ำ ทำได้เพียงหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้วและเดินเลี่ยงออกมายืนจิบน้ำอยู่แถวประตู ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เมื่อเหลือบมองหน้าจอ จึงพบว่าผู้ที่โทรมาคือภรรยาของเขาเอง
“มีเรื่องอะไร?” จิ่วเย่กระซิบถาม
ได้ยินเสียงถามกลับมาทันทีว่า “คุณจะไปไหน!”
“เมื่อคืนผมบอกแล้วไงว่าจะไปทำธุระที่ซานย่า” จิ่วเย่ขมวดคิ้วอย่างปวดหัว ภรรยาของเขากำลังหึงหวงอย่างไม่มีเหตุผลอีกแล้ว
“ซานย่า! บอกมานะไปเที่ยวกับใคร!”
ให้ตายเถอะ
จิ่วเย่คิดว่าภรรยาของเขาจินตนาการบรรเจิดขนาดนี้ น่าจะไปเขียนนิยายขายซะให้รู้แล้วรู้รอด
“คุณจะบ้าหรือไง!” จิ่วเย่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบดับอารมณ์ด้วยมือที่สั่นเทา ทำให้น้ำในแก้วหกออกมาเล็กน้อย
ปรากฏแอร์โฮสเตสผู้หนึ่งเดินเข้ามาถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “คุณผู้ชายคะ น้ำกระฉอกเลอะหมดเลย ให้ฉันเช็ดให้ไหมคะ”
จิ่วเย่ตกใจทำอะไรไม่ถูก เช่นเดียวกับหญิงสาวที่อยู่ในโทรศัพท์ เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาทันทีว่า “นี่ไงล่ะ พาอีหนูไปกกที่ซานย่าใช่ไหม! เก่งกล้าขนาดนี้ก็อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกแล้วกัน!”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น จิ่วเย่ก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกหนักกว่าเก่า แอร์โฮสเตสสาวได้ยินเสียงลอดออกมาจากโทรศัพท์ จึงรับทราบว่าเกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นแล้ว
“ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เกิดปัญหานะคะ”
จิ่วเย่ถอนหายใจ เก็บสมาร์ทโฟนไทเทเนียม 8848 กลับเข้ากระเป๋า “ไม่เป็นไร ผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน…”
ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาก็แบบนี้ จิ่วเย่เคยผ่านการหย่าร้างมาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขาเลย
หลังจากนั่งรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง เย่ฮัวและคนอื่นๆ ก็ย้ายขึ้นมานั่งรออยู่บนเครื่องบิน แน่นอนว่าพวกเขาจองตั๋วชั้นบิสเนสคลาส เมื่อได้ขึ้นมานั่งรอบนเครื่องแล้ว ชิงหยูตงกับเย่จีจี้ก็ผล็อยหลับไปทันที เย่จีจี้นอนหลับแนบอกชิงหยูตง ทำให้พวกเธอเหมือนแม่กับลูกไม่มีผิด
ส่วนชิงหยากำลังซบไหล่เย่ฮัวและดื่มด่ำกับความสุขจากความเงียบสงบ
บนที่นั่งถัดไป จิ่วเย่นั่งอยู่ด้วยใบหน้าซึมเศร้าราวกับว่าอยู่กันคนละโลก
ทันใดนั้น แอร์โฮสเตสสาวก็เดินเข้ามา จิ่วเย่เงยหน้ามองและจำเธอได้ทันที
“คุณผู้ชาย ปล่อยให้มีรอยหยดน้ำเปื้อนบนเสื้อ มันจะดูไม่ดีนะคะ ให้ฉันช่วยทำความสะอาดให้ดีไหมคะ” แอร์โฮสเตสสาวกระซิบออกมาแผ่วเบา
จิ่วเย่เป็นชายหนุ่มมากประสบการณ์ เขาเข้าใจดีถึงนัยยะของแอร์โฮสเตสสาวผู้นี้ จิ่วเย่คิดว่าเธอน่าสนใจไม่น้อย ในเมื่ออยากจะทำความสะอาดให้เขานัก เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
“ที่ไหนดีล่ะจ๊ะ?”
“ตามฉันมาเลยค่ะ มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้านหลัง”
ถึงจะเรียกว่าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่มันก็คือห้องน้ำนี่เอง เมื่อจิ่วเย่เดินกลับออกมาอีกครั้ง เนื้อตัวของเขาก็เบาสบายและสะอาดหมดจด
เครื่องบินใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสนามบินประจำเมืองซานย่า
ชิงหยูตงและเย่จีจี้ยืนถือร่มกันแดดคันโตด้วยสีหน้าที่ดูจะยังไม่ตื่นเต็มตาดีเท่าไหร่ แต่กลับเป็นภาพที่น่ารักอย่างยิ่ง
“บอสครับ คุณผู้หญิง พักกันที่ไหนหรือครับ ให้ผมไปส่งดีกว่านะ” จิ่วเย่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ รู้สึกดีขึ้นที่จะได้ไปให้พ้นจากพวกของเย่ฮัวเสียที
“แบบนั้นพวกเราคงรบกวนเกินไปแล้ว” ชิงหยาตอบออกมาอย่างเกรงใจ