You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 196
บทที่ 196 ตามหาป้าชิง
สองพี่น้องอุ้มอาหลี่ไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าพวกเขานั้นวิ่งมาไกลขนาดไหนแล้ว แต่ที่รู้แน่คือตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะวิ่งอีกต่อไป ดูท่าความอ้วนจะเริ่มไม่ดีกับตัวเองซะแล้ว
“อาหลี่ หนูไม่เป็นไรนะ?” พี่ใหญ่อ้าปากกว้างเพื่อหายใจ โชคยังเป็นของพวกเขา วิชาเกลียวคลื่นวายุที่ฝึกมานั้นมันทำให้เขาหนีรอดมาได้จนถึงตรงนี้
อาหลี่พูดด้วยเสียงนุ่ม “ลุงผมเขียว ก้มหัวลงมา”
“หืม?” ผมเขียวสงสัยหากแต่ก็ค่อยๆย่อตัวลงไป
เด็กสาวใช้แขนเสื้อปาดเผมแดงื่อที่หน้าของเขาให้โดยมีน้องเล็กยืนมอง และทันใดนั้นพี่ใหญ่ผมเขียวก็เอ่ยขึ้น “อาหลี่ ลุงผมแดงมองอยู่นะ”
“ฮึ่ๆ ไว้เดี๋ยวอาหลี่จะทำให้ลุงผมแดงบ้างนะคะ” เธอหันไปยิ้มให้
ทั้งสองนั้นแต่เดิมกำลังโกรธมากๆ หากแต่เมื่อได้เห็นว่าเด็กสาวปลอดภัย ทุกอย่างก็คลี่คลายลง อาหลีนั้นดูตื่นตูมอยู่แล้ว และพวกเขาเองก็ไม่ได้อยากให้เธอต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้
ร่าง 3 ร่างยังคงเดินต่อไปบนเส้นทางที่คดเคี้ยวในเมืองที่น่าอัศจรรย์นี้โดยมีเด็กสาวยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองลุง จับมือทั้งคู่ไว้แน่นและกระโดดไปมาอย่างสนุกสนานแทบจะตลอดทาง
สำหรับอาหลี่แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคืนวันที่ขมขื่นนิดหน่อยหากแต่พวกเธอก็ดูมีความสุขมากๆ และมันต้องสนุกมากกว่านี้แน่ๆหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อกลางคืนมาถึง สองพี่น้องพยายามหาสิ่งที่น่าจะใกล้เคียงกับสิ่งที่เด็กสาวบอกมากที่สุด บาร์ที่เป็นชื่อตระกูล แต่หามาตั้งนานก็ยังไม่เจอสิ่งที่คล้ายกันเลย
“คุณลุง อาหลี่มีเรื่องที่จะต้องสารภาพ 1 อย่างล่ะ…” จู่ๆเธอก็หยุดเท้าลงไป ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความน่าสงสารและก้มต่ำลงขณะที่ปลายนิ้วมือก็จิ้มเข้าหากันเอง
มันเป็นท่าทีที่ดูน่ารัก แม้จะเธอจะโตกว่านี้แล้วท่าท่านี้อีกพวกเขาก็คงไม่กล้าขัดขืนเหมือนเดิม
ลุงทั้งสองยืนนิ่งเพื่อรอฟังสิ่งที่เด็กสาวจะบอก “สาวน้อย หนูอยากสารภาพอะไรล่ะ?”
“จริงๆแล้วอาหลี่ไม่ได้มองหาต้นป่านหรืออะไรนั่นหรอก อาหลี่มาหาป้า” หลังจากที่เธอพูดออกไป เธอก็โดนดึงหูเบาๆและนั่นถือเป็นการลงโทษแล้ว
ทั้งสองยังคงอยู่ไม่หนีไปไหนก่อนจะสัมผัสที่หัวของเธอเบาๆ “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ถ้างั้นก็ไปหาป้าของเธอกัน”
แต่ถ้างั้นก็คือ ป้าชิงสินะ? เป็นชื่อที่แปลกจังน้า…
ถ้าอาหลี่ยังยึดมั่นว่าพวกเขาเป็นลุงต่อไป มันคงจะไม่ดีแน่ๆ ส่งเธอกลับไปยังครอบครัวของเธอและบอกไปว่าพวกเราเป็นเพื่อนก็ได้…
หลังจากเดินมาระยะหนึ่ง พวกเขาก็พบบาร์ที่ชื่อว่าไป่ดู๋อยู่ตรงหป้าพวกเขาเอง มีคนมากมายที่ต่อแถวรอที่จะเข้าไปด้านใน
พี่ใหญ่ผมเขียวหันมาถามด้วยเสียงสุภาพ “สาวน้อย ป้าของหนูนี่รูปร่างเป็นยังไงนะ?”
อาหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ในหัวเธอรู้แค่ว่าป้านั้นสวยและรวยมากๆ บางทีนี่อาจจะเป็นรูปร่างที่ผมเขียวต้องการก็ได้
“สวยแล้วก็รวย” เธอตอบกลับ
สองพี่น้องตกใจมากๆ นี่มันลูกคนรวยนี่หว่า และการที่เด็กนี่ฉลาดขนาดนี้ แสดงว่าพ่อแม่ต้องเป็นนักวิชาการระดับพระกาฬแน่ๆ!
ใช่แล้ว พ่อคงไม่ใช่พวกที่จ้องจะทำลายตระกูล ส่วนแม่ก็เป็นคนที่คอยช่วยเหลือผู้คนล่ะมั้ง
พี่น้องผมเขียวผมแดงเดินตรงเข้าไปด้านในและเข้าไปหาชายที่สวมแจ๊คเก็ตสีดำและแว่นกันแดดเพื่อถาม “พี่ชาย มีคนตระกูลชิงอยู่ที่นี่ไหม?”
ชายแจ็คเก็ตหันมามองและถอดแว่นกันแดดออก มองไปยังทั้งหมดก่อนจะสลับไปมองเด็กสาวและพูดอย่างเข้มขรึม “มากับฉัน”
ทั้งคู่รู้สึกยินดีมาก สวรรค์ยังมีตาหลังจากที่ผ่านสัปดาห์แห่งความหนักหน่วงมามากมาย ท้ายสุดก็หาเจอแล้ว อาหลี่เองก็ดูดีใจมากๆด้วย เพราะเธอจะได้เจอป้าที่ห่างหายกันไปนานแล้ว
ภายในบาร์ อาหลี่ปิดหัวตัวเองไว้ เสียงภายในมันดังไปหมด…เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย
สองพี่น้องนั้นรู้สึกแปลกใหม่ บาร์ในเมืองใหญ่เช่นนี้ดูล้ำสมัยมากๆ มีทั้งสาวๆสวยๆแต่งตัวเซ็กซี่อยู่เต็มไปหมด และเมื่อเทียบกับตัวพวกเขาเองแล้ว ไม่มีอะไรเทียบได้เลย
ชายแจ็คเก็ตพาเดินไปยังชั้น 2 และเดินเข้าไปในความมืดก่อนจะผลักประตูให้เปิดออก “ด้านใน”
ผมเขียวขมวดคิ้วขณะเดินเข้าไปพร้อมกับอาหลี่ มันต่างกับที่จินตนาการไว้ไม่น้อยเลย
ตลอดทางที่เดินนั้นเขาเผลอเตะขวดเบียร์มากมาย ไหนจะก้นบุหรี่ที่ร่วงกระจายอยู่อีก ถั่ว รวมไปถึงของกินที่กินทิ้งกินขว้างอื่นๆ เป็นอะไรที่ดูโสมมจัง
ลึกสุดมีชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ดูแล้วเป็นนายใหญ่แน่ๆ เพราะที่แขนของเขามีสาวสวยแต่งหน้าจัดนั่งอยู่บนนั้นด้วย มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในเสื้อของเธอไม่หยุดหย่อน
พี่ใหญ่ผมเขียวรีบปิดตาสาวน้อยไว้ ภาพแบบนี้เด้กห้ามดู
“เจ้ชิง ดูเหมือนว่าจะมีใครซักคนตามหาตัวอยู่น่ะ” ชายแจ็คเก็ตเอ่ยและยืนอยู่ถัดจากผมเขียว
ชายที่นั่งอยู่ปัดๆก้นสาวสวยก่อนที่เธอจะตะวาดใส่ “คุนเก้อ ไม่เอาน่า!”
“ฮ่าๆ”
ชิงเหลียนเดินมาอยู่หน้าพี่น้องผมเขียวผมแดง มองสลับกับอาหลี่ “ไม่เลวเลย ถึงจะสกปรกไปหน่อยแต่ก็นับว่าเป็นสาวสวยถ้าจับแต่งดีๆ”
อาหลี่กลับไปหลบหลังพี่ใหญ่ผมเขียวพร้อมทั้งมองหญิงสาวตรงหน้า น้ำเสียงของเธอ…น่าเกลียดจัง
คนนี้ไม่ใช่ป้าชิง…
“พูดมาซิ ว่าจะขายเท่าไหร่” สาวใหญ่ตรงหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม
ผมแดงขมวดคิ้วแน่นและพูด “เธอมันบ้าไปแล้ว เรามาหาคนอื่นต่างหาก!”
ผมเขียวรู้แล้วว่าเขาพาเธอมาผิดที เพราะงั้นเขาจึงรีบดึงตัวอาหลี่ออกมา
ชายแจ็คเก็ตรีบเข้ามาขวางทางไว้ที่ประตูในมือเขามีมีดที่ที่พอจะเห็นความเป็นประกายได้อยู่ ชัดเจนเลยว่าวิกฤตไล่พวกเขามาแล้ว
“พวกฉันไม่ได้จะมาที่นี่ ขอโทษที่หลงมาเอง!”
อาคุนยืนขึ้นบนเก้าอี้บอสก่อนจะหยิบซิการ์มาดม “ทิ้งเด็กไว้แล้วไปซะ”
ทั้งสองนั้นไม่เห็นตามถึงแม้จะไม่เห็นทางอื่นแต่ทางนี้ก็คือไม่ดี…
ไม่ต้องพูดให้มากความแล้วสำหรับสถานการณ์แบบนี้ วิธีเดียวที่จะแก้ได้ก็คือ วิ่ง!
ฝีเท้า 2 คู่เริ่มออกตัววิ่ง ชายแจ็คเก็นจึงกระโดดหมายจะตะครุบอาหลี่ไว้หากแต่ร่างของเธอก็โดนดึงหลบออกมาก่อน
อาคุนหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจากบนโต๊ะ “สองตัวที่กำลังวิ่งออกไปไม่ต้องสนใจ ฆ่ามัน! แล้วเอาตัวเด็กกลับมาให้ฉัน”
“ครับ!”
ชิงเหลียนย่อตัวลงและหยิบเจ้าแมวน้อยน่ารักขึ้นมา “เด็กคนนั้น ถ้าได้ตัวมาคงทำเงินได้มหาศาลแน่เลย”
“ไม่ต้องห่วงน่า ตอนนี้มาให้อาหารเธอก่อนดีกว่า”
“ลามก~”
ที่ด้านนอก สองพี่น้องโดนล้อมรอบไปด้วยผู้คนในที่แคบๆ 5 คนดักด้านหน้า 5 คนดักด้านหลัง
“พี่ใหญ่ ลุยมั้ย?”
“ลุย!”
ถึงจะโดนสั่งมาว่าไม่ต้องไปสนใจพวกลุงๆหากแต่เวลาแบบนี้ก็ถึงคราวต้องสู้แล้ว อาหลี่นั้นก็อยากจะช่วย หากเธอก็โดนดึงออกมาทันทีโดยสองพี่น้อง
“พี่ใหญ่ คนเยอะมากเลยเอาไงดี!” ผมแดงนั้นดูร้อนรนมากๆขณะที่ดึงแขนเขาอยู่
คนที่ไล่ล่าเขายังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังเริ่มพกอาวุธกันด้วย
ผมเขียวกอดอาหลี่ไว้ก่อนจะตรงไปยังหน้าต่าง สายตาของเขาบ่งบอกผู้เป็นน้องว่าต้องทำอะไร ใช่แล้ว เขาจะโดดออกไปผ่านทางหน้าต่างนั่นเอง
ไม่มีเวลาให้ลังเล ร่างของผมเขียวที่กอดอาหลี่ไว้มิดชิดกระโจนออกไปแล้วผ่านกระจกที่ไม่หนามาก และความโชคดีของเขาก็คือนี่มันแค่ชั้น 2 เพราะงั้นเขาไม่ตายแน่ๆ โชคของเขาอีกอย่างก็คือ การกระโดดแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะงั้นร่างของเขาจึงตีลังกาไปกับพื้นโดยอัตโนมิติเพื่อลดแรงปะทะ
“อาหลี่ เป็นอะไรไหม!?” ผมเขียวถามอย่างเร่งรีบ
อาหลี่นั้นเพียงแค่ร้องออกมาอย่างหวาดกลัว และเมื่อเธอเห็นว่าลุงของเธอไม่เป็นไร เธอจึงเอ่ยกลับ “อาหลี่ไม่เป็นไร”
ในตอนน้นเองน้องเล็กก็กระโดดตามลงมาพร้อมทั้งตะโกน “พี่ใหญ่ ไปเร็ว!”
แน่นอนที่สุดว่าเวลาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ประตูหลังนับว่าอันตราย และมันก็เป็นจริง คนกว่าค่อนโหลโผล่ออกมาพร้อมท่อเหล็กและมีดปลอกผลไม้
พี่ใหญ่ถอนหายใจก่อนจะอุ้มอาหลี่ไว้ในอ้อมแขนและเริ่มวิ่งต่อ
วิ่งไปแบบไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ไหน ผมแดงก็ตะโกนออกมาเชิงด่าทอ “ไอ้แม่เยอะพวกนี้มันไปซ้อมวิ่งมาราธอนมาจากไหนกันเนี่ย! นี่ผ่านถนนมาหลายเส้นแล้วยังไม่เลิกตามอีกเหรอ!”
“ทำไมกลุ่มก๊วนในเมืองถึงวิ่งกันได้ขนาดนี้นะ” พี่ใหญ่ผมเขียวรู้สึกหมดทางสู้สุดๆ
การไล่ล่ายังคงดำเนินไปแบบไม่มีทีท่าว่าจะไปสิ้นสุดที่ไหน จนกระทั่งทั้งสองพี่น้องเริ่มจะเหนื่อยหอบ และยังดีที่พวกที่ตามเองก็ดูเหมือนจะเหนื่อยแล้วเหมือนกัน แต่พวกมันก็แค่เหนื่อย ไม่ได้ยอมถอยกลับ
น้องเล็กผมแดงหันกลับไปและตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “นี่ฉันเคยไปเหยียบเท้าพวกแกหรือไงฟะ! ทำไมถึงมีแรงฮึดให้ไล่ล่ากันมาตั้งเป็นกิโลแบบนี้!”
1 ในแก๊งค์นั้นถือบันไดราวมา นั่นหมายถึงเวลาพักหมดลงแล้ว “ฟังไม่รู้เรื่องโว้ยไอ้พวกโจร!”
“ไอ้บ้าเอ้ย ถ้าไม่ติดว่ามีงานอื่นต้องทำฉันจะขัดขาพวกแกทุกตัวเลย!” น้องเล็กเห็นแล้วว่าเจ้าพวกนั้นเข้ามาอีกรอบคราวนี้จัดขบวนสวยงามแม้จะดูไม่ค่อยแข็งแรงก็ตาม
“พี่ใหญ่ รีบไปเถอะ!”
ผมแดงถอนหายใจก่อนจะวิ่งอีกครั้ง
10 นาทีต่อมาเขาก็เจอกำแพงที่พอจะช่วยได้ “พี่ใหญ่ ทางนี้! ตรงนี้มีซอยที่คดไปคดมาอยู่ พี่น่าจะใช้สกัดพวกมันได้”