You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 224
บทที่ 224 ฆ่าฟัน
“ยังวิ่งได้มั้ย?” ซุนยี่ที่ปวกเปียกสุดๆหลังถอนพิษเสร็จค่อยๆเดินเข้ามาช้าๆและเอ่ยถามเบาๆ
ทั้งสองส่ายหน้า หากแต่ไม่ใช่วิ่งไม่ไหว แต่เป็นวิ่งไม่ได้มากกว่า เพราะการวิ่งในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับรีบวิ่งเข้าหาความตาย แต่ถ้าเหงาแล้วอยากรีบๆลงไปคุยกับรากมะม่วงก็เชิญวิ่งได้ตามสบายเลย
เย่ฮัวที่นอนพาดอยู่บนโซฟาเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว ดูท่าว่าวิธีนี้จะทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้นได้ เพราะไม่ได้คิดถึงสองสาวนั้นชั่วขณะ
ขณะที่เย่ฮัวตัดสินใจที่จะฆ่าทุกคนในนั้น อาหลี่ก็โผล่พรวดเข้ามาในห้องพร้อมทั้งตะโกนด้วยเสียงหวาน “เฮ้~~”
เย่ฮัวลืมตามามองและยิ้มให้ “ว่ายังไง อาหลี่”
เด็กสาววิ่งเข้ามาหาเขาและดึงแขนข้างที่ควบคุมกระบี่เซวียนหยวนนั้นไว้ด้วยมือเล็กๆทั้งสองข้าง ก่อนจะเริ่มเขย่ามันอย่างแรงและป่าเถื่อน “มาเล่นกับอาหลี่ เล่นกับอาหลี่!”
นิ้วชี้ของเย่ฮัวส่ายไปมาพร้อมกับสั่นแรงๆด้วย “อาหลี่ ป๊ะป๋ากำลังทำงานอยู่นะ”
“แต่อาหลี่คิดถึงป๊ะป๋านี่คะ” อาหลี่นั้นดูกระปรี้กระเปร่ามากๆ เธอยังเขย่ามือเย่ฮัวไม่หยุดแถมยังหนักขึ้นและเร็วขึ้นด้วย
นั่นทำให้สภาพของกระบี่เซวียนหยวนในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนเมาที่บินไปบินมาแบบหลงทิศหลงทางไปหมด ซึ่งมันทำให้ผู้คนบริเวณนั้นแตกตื่น
“วิ่ง!” ซ่งฮวงตะโกนขึ้นทันที
ทุกคนต่างก็พากันวิ่งกระจายออก หากแต่การที่กระบี่เซวียนหยวนนั้นกวัดแกว่งมั่วซั่วไปมามันก็ทำให้หลายๆคนจู่ๆก็ฟุบลงไปกับพื้น หรือบางคนก็หัวหลุดออกจากคอบ้าง
ถังหวู่ฉัวที่นอนอยู่บนพื้นนั้นไม่สามารถหนีได้
ซุนยี่เองก็รีบพาพวกพ้องของเธอหนีกลับฟากใต้โดยไว
“อาหลี่อยากกินไก่ เพราะงั้นถ้าป๊ะป๋าโชว์สกิลในการทำไก่ให้อาหลี่กินต่อหน้าป้าชิง บางทีป้าชิงอาจจะยอมยกโทษให้ก็ได้นะคะ” อาหลี่พูดขึ้นและดึงแขนเย่ฮัวไว้อย่างนั้น ช่างเป็นเด็กที่ซนจริงๆ
เขาไม่รู้หรอกว่ามีใครบาดเจ็บล้มตายจากหายนะเมื่อครู่บ้าง
“เอาล่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวป๊ะป๋าจะไปทำให้กินละกัน แต่ไปรอก่อนนะ จะรีบตามไปทีหลัง”
“แจ๋วไปเลย!” อาหลี่ปล่อยมือจากเย่ฮัว
เย่ฮัวคงต้องหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะลูกสาวของเขาเอง เขารอจนลูกสาวออกไปแล้วค่อยกลับไปดูภาพเหตุการณ์ตรงที่กระบี่อยู่อีกรอบ และนั้นทำให้เขาหน้าซีด ไม่ได้คิดว่าจะเผลอทำไปถึงขนาดนี้เลย…
กระบี่เซวียนหยวนที่บินไปบินมานั้นหยุดลงในทันใด
‘ไปดีกว่า’
เย่ฮัวถอนหายใจแบบโล่งอกโล่งใจหลังอมทุกข์มานาน เมื่อได้คิดถึงเขาและลูกสาวที่ได้ใช้เวลาร่วมกันแล้วมันก็ทำให้เขาละมือจากสิ่งนี้ไป และกระบี่เซวียนหยวนก็กลับไปปักอยู่ใกล้ๆเสี่ยวยี่ตามเดิม
หลิงเทียนที่เห็นภาพนั้นก็หงุดหงิดขึ้นมา และบ่นกระปิดกระปอดถึงเสี่ยวยี่ที่ยังไม่ได้สติ “กะไว้แล้วว่าถ้าไม่ใช่พี่เสี่ยวก็ไม่มีใครทำได้! แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าพี่เสี่ยวจะเป็นคนแบบนี้!”
“ตื่นได้แล้ว คนอื่นไปหมดแล้วนะพี่ รู้นะว่าอยากให้คนอื่นชื่นชม แต่ขนาดนี้ก็ไม่มีใครกล้าอยู่ชื่นชมแล้ว” หลิงเทียนตะโกนอยู่พักใหญ่ๆ แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้
มองกระบี่เซวียนหยวนที่อยู่ใกล้ๆมือ ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะจับมันด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอีก เจ้าสิ่งนี้น่ะ น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ตัวอย่างก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้หรอก อย่างเช่น ถังหวู่ฉัวที่นอนเป็นปลาไหลขาดน้ำอยู่บนพื้นนั่นแหละ กางเกงของเขาจมกองเลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากท้องจนนึกว่าเป็นกางเกงสีแดงไปแล้ว
และไม่นานต่อจากนั้น เสี่ยวยี่ก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมา
“พี่เสี่ยว ในที่สุดพี่ก็ฟื้นแล้ว!” หลิงเทียนโล่งใจและช่วยพยุงเสี่ยวยี่ให้ลุกขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?” เสี่ยวยี่ถามแบบมึนงง
หลิงเทียนหรี่ตามอง “พี่เสี่ยว ฉันรู้นะว่าพี่ถ่อมตน แต่ถ่อมตนมากไปพี่จะไม่มีใครคบเอานะ”
เสี่ยวยี่เมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็สับสนและมึนงงขึ้นไปอีก เขาพยายามพูดว่าเขาไม่รู้เรื่อง
และด้วยการสนับสนุนของหลิงเทียน เสี่ยวยี่ก็สามารถยืนขึ้นได้ในที่สุด
“พี่เสี่ยว เอายังไงกับถังหวู่ฉัวดี?” หลิงเทียนมองไปยังร่างของถังหวู่ฉัวที่กำลังจะตายในไม่ช้าแล้วเอ่ยถาม
เสี่ยวยี่เหลือบมองและพูดขึ้น “ชีวิตนี้เป็นของเขา ฉันไม่ใช่เจ้าของชีวิตของเขาอีกต่อไปแล้ว”
หลิงเทียนพยักหน้ารับและตัดสินใจกลับไปกับเสี่ยวยี่
หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวพร้อมกับคิ้วที่ขมวดขณะคุยโทรศัพท์ “ไม่มีใครรอดแล้ว ครั้งต่อไปคงต้องเพิ่มคนให้มากกว่านี้”
คนๆนี้คืออาจารย์ของถังหวู่ฉัว
เขามองไปยังสภาพที่น่าเอน็จอนาถของลูกศิษย์ของเขาเองก่อนจะส่ายหน้าเพราะรู้สึกอับอาย
“อ-อาจารย์…ช่วยผมด้วย…” ถังหวู่ฉัวยืดแขนออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ
ชายผู้หยิ่งผยองพูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้องมาจับฉัน! เดี๋ยวสกปรก!!”
“อาจารย์…” ถังหวู่ฉัวยังคงเรียกร้องด้วยเสียงที่อ่อนแรง
ผู้เป็นอาจารย์นั้นจะไม่ช่วยก็ไม่ได้ ท้ายสุดเขาก็ใช้พลังของเขาพาตัวถังหวู่ฉัวและเขาเองออกไปจากที่นั่น
โลกทั้งใบกลับสู่ความสงบอีกครั้ง แมงสีดำบนฟากฟ้านั้นค่อยๆกระจายหายไปเหลือไว้เพียงเลือดบนพื้นดินที่เป็นหลักฐานว่าที่นี่เคยเกิดการต่อสู้ขึ้นเท่านั้น
เย่ฮัวยังไม่ออกจากห้องนอน แต่กระนั้นเขาก็เรียกเว่ยชางให้เข้ามาพบที่นี่ด้วย
“ด้วยความเคารพ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” เว่ยชางปรากฏตัวขึ้นพร้อมเอ่ยถามด้วยค้วยความเคารพ
เย่ฮัวถอนหายใจ “อาหลี่โผล่เข้ามาก่อน เลยทำอะไรไม่ได้”
“เด็กน้อยคงไม่มีเจตนาที่ไม่ดีหรอกขอรับ”
“เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วน่า แล้วก็ที่เรียกมานี่ก็เพื่อจะปรึกษาถึงเรื่องที่เกิดกับที่นั่น ว่าจะเอายังไงกับคนพวกนั้น” เย่ฮัวพูดขึ้น
เว่ยชางเงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาทันที “ด้วยความเคารพ เรื่องที่จะพูดไม่แน่ใจว่าจะเหมาะกับสถานการณ์หรือเปล่าน่ะขอรับ”
“พูดมา”
“ในตอนนี้แดนเหนือและแดนใต้นั้นกำลังทำข้อตกลงกัน เพราะงั้นถ้าให้ทั้ง 3 คนที่มาจากแดนใต้นั้นตายในแดนเหนือเลย ข้าคิดว่ามันน่าจะดีกว่า”
เย่ฮัวเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงแบบสุดๆ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเว่ยชางจะรู้สึกได้ถึงขนาดนี้
“เว่ยชาง ไอ้ที่พูดเมื่อกี้นี้มันสุดยอดไปเลยนะ! เอาล่ะ จะตบรางวัลให้ละกัน” เย่ฮัวนั้นมีความสุขสุดๆ เพราะอย่างน้อยๆลูกน้องของเขาก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะเว่ยชาง ผู้ที่ซึ่งเปลี่ยนจากไม่มีสมองเป็นมีสมองขึ้นมา นี่มัน…การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยนะ!
เว่ยชางนั้นไม่กล้าที่จะละโมภออกนอกหน้าแล้วก็รีบพูดขึ้น “จ-จริงๆแล้วข้าแค่อยากจะลองทดสอบการตอบสนองดูน่ะขอรับ ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นซะทีเดียว แต่ได้ยินเช่นนั้นข้าก็ดีใจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นข้าตอบถูก”
เย่ฮัวน้นยังไม่หายตะลึง ใบหน้าของเขาดูแปลกไปนิดหน่อยพร้อมกับยิ้มออกมา “นายเข้าใจถึงเจตนาของเทวทูตเช่นฉัน ใช่แล้ว เว่ยชาง นายนี่มันหัวดีจริงๆ!”
“ข้าผู้น้อยมิกล้าที่จะสอนอะไรท่านผู้สูงส่งหรอกขอรับ ไม่มีอะไรที่ข้าอยากเรียกร้องกับสิ่งที่ทำไป แต่ถ้าให้เงินเดือนเพิ่มก็ไม่เลว…บ-แบบว่าพักหลังข้ากับแฟนสาวนั้นมีรายจ่ายค่อนข้างบานปลายมากๆเลย…” เว่ยชางนั้นชัดเจนเลยว่าไม่มีเงิน บางครั้งค่าน้ำมันปอร์เช่คันงามนั้นก็ยังต้องใช้เงินถังเว่ยเลย
เย่ฮัวพยักหน้า “นิดหน่อยน่า เอาไป 2 เท่าเลย”
“ขอบคุณครับ!” เว่ยชางรีบกล่าวขอบคุณทันที เพราะอย่างน้อยๆนี่ก็ช่วยอุดรายจ่ายเขาได้เยอะแน่ๆ
“แล้ว ใครที่นายจะให้ไปจัดการ 3 คนนั้น?” เย่ฮัวถามอีกครั้ง
“พี่น้องเขียวแดงขอรับ พวกเขายังคงต้องการประสบการณ์การต่อสู้ที่มากกว่านี้ เพราะงั้นจะยกเจ้า 3 คนนั้นให้เป็นหน้าที่ของพี่น้องเขียวแดงไป”
เย่ฮัวรับฟังและพูดต่อ “งั้นก็เก็บพวกนั้นไว้ใช้ในอนาคตด้วยล่ะ ทำให้พวกนั้นมีประสบการณ์การต่อสู้เยอะๆแล้วก็ระหว่างนั้นก็คอยปกป้องไปด้วย”
“ขอรับ!”
“ไปได้แล้วล่ะ” หลังจากที่เว่ยชางออกไปแล้ว เย่ฮัวก็สัมผัสที่ผมของเขาเบาๆ “แต่เมื่อเว่ยชางเริ่มฉลาดแล้ว เห็นทีจะทำตัวสบายๆไม่ได้แล้วสิ…”
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เย่ฮัวนั้นยังคงรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดี เขากลับไปยังห้องของชิงยูตงและมองลูกสาวของเขาที่กำลังเล่นเกมกับเย่จีจี้อยู่ แต่ชิงยูตงไม่อยู่ในห้องนั้นแล้ว
“อาหลี่ไม่กวนป๊ะป๋าแล้ว เพราะงั้นป๊ะป๋าจะไปนอนต่อก็ได้นะคะ” อาหลี่นั้นจริงจังกับเกมมากๆ นั่นก็เพราะว่าเธอพยายามจะเอาชนะเย่จีจี้อยู่
“พี่ชาย น้องภรรยาของพี่เพิ่งจะไปออฟฟิศเมื่อกี้เอง เห็นว่าจะไปคุยกับพี่สะใภ้แน่ะ” เย่จีจี้พูดเสริม
เย่ฮัวนั้นตาเป็นประกาย คำแนะนำของชิงยูตงต้องได้ผลแน่ๆ เพราะงั้นไปแอบฟังดีกว่าว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน อย่าลืมซะล่ะ ! ว่าเทวทูตอย่างเขาน่ะ ดักฟังเก่งที่สุดเลย! ลืมๆภาพของคนที่ชอบหัวเราะเสียงดังไปซะ มันไม่ใช่เขา!!
ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ฮัวยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศและแอบฟังบทสนทนาที่อยู่ในห้องนั้น เขาระทึกใจมากและถ้าเกิดมีใครมาเห็นเขาสภาพนั้นมีหวังได้ฆ่าคนๆนั้นทิ้งแน่ๆ