You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 228
บทที่ 228 ครั้งแรก
ขวดในมือของตงฮวงไป่หลี่ถูกปามาและเช่นเดิมมันติดกำแพงลม เธอกรีดร้องและทรุดตัวลงไปร้องไห้ที่บาร์ตามเดิมราวกับเด็กๆ ดูเหมือนว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน
เสียงร้องไห้ที่ดังมาจากด้านล่างนั้นทำให้เย่ฮัวต้องถอนหายใจหนักๆ เขาไม่รู้จะทำยังไงดี ควรจะหาที่ปรึกษาไหม? อย่างเทวทูตออนไลน์ อะไรพวกนี้
ตัดมาที่ห้องเช่าของเว่ยชาง ในตอนนี้เขากำลังดื่มชาโสมของถังเว่ยอยู่ มันให้ความรู้สึกว่าชาวันนี้มันร้อนและเหมือนว่าจะระเบิดมากกว่าทุกวัน…
แล้วไหนจะการที่เธอรินแล้วรินอีก เหมือนไม่อยากให้เขาหยุดดื่มซะอย่างงั้น
จำได้ว่าถังเว่ยเคยพูดไว้ว่า ชานี่เขาควรดื่ม เพราะมันดีต่อร่างกาย และมันช่วยรักษาโรคได้
เว่ยชางรู้สึกประหลาดใจและเขาเองก็ไม่ได้ป่วยอะไร ทำไมเขาต้องโด๊ปชาเป็นเหยือกแบบนี้
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังนัยน์ตาที่ดูเป็นห่วงเขามากๆของถังเว่ยแล้ว ก็คงต้องยอมป่วยซักโรคแล้วล่ะ…
“พวกนายสองคน มาทางนี้ มีงานจะให้ทำ” เว่ยชางตะโกนเรียกสองพี่น้องเขียวแดง
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็กำลังดื่มชาเช่นกัน นั่นก็เพราะว่าจู่ๆทั้งบ้านนี้ก็มีชาอยู่ในตู้น้ำทุกตู้และถูกเติมใส่พาชนะต่างๆไว้เต็มไปหมดโดยไม่สามารถทำความเข้าใจได้ เตรียมไว้ให้คนเถ้าคนแก่ในหมู่บ้านกินหรือไงกันน่ะ…
เมื่อคิดถึงคนแก่ก็พาลไปคิดถึงอายุของเว่ยชาง จากนั้นก็คิดถึงอายุของถังเว่ยก่อนจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง อ่า…บางทีชาพวกนี้อาจจะเหมาะกับคนที่ย่างเข้าวัยกลางคน
เอาเป็นว่าเข้าใจละกัน…
ทั้งสองเข้าไปหาเว่ยชางพร้อมรอยยิ้มและถือแก้วชาไปด้วย ได้ยินว่าเว่ยชางมีงานจะให้ทำ หรือว่าบอสจะขับรถออกไปไหน? หรืออาจจะอยากทำความสะอาดร้าน? หรือว่าจะไปซื้อของกันน้า~
เว่ยชางมองการเปลี่ยนแปลงทรงผมของพวกเขาทั้งสอง จริงๆก็ไม่ได้แปลกตาอะไรมากหรอก
มันดูเหมือนว่าจะมีใครซักคนใน 2 คนนี้ที่เป็นบอสสินะ
พวกเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกไปเพื่อให้ดูสดชื่นมากขึ้นผมที่ยาวลงมาถึงแก้มนั้นดูแปลกตาดีแต่ก็ยังยึดมั่นในสีเช่นเดิม
ช่วงตัวก็ยังคงสวมเสื้อกันลมสีเดียวกับผมคู่กับผ้าหนัง นี่ถ้าพวกเขาไปอยู่ในธรรมชาติที่มีวิวสวยๆแล้วล่ะก็ คนที่ผ่านมาเห็นคงจะคิดว่ามีคนเอาสัญญาณไฟจราจรมาตั้งให้ขัดหูขัดตาแหงๆ
“ลุงเว่ย อยากให้เราไปซื้ออาหารให้ใช่มั้ย? ฉันคิดว่าซื้อพวกผักใบเขียวมาติดบ้านไว้ก็ดีนะ กินแล้วมีประโยชน์” พี่ใหญ่เขียวนั้นเปิดฉากก่อน เขาเป็นพวกเลือดร้อนแต่ก็ยังไม่มีแฟนไม่เหมือนเว่ยชาง
น้องเล็กแดงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ลุงเว่ย ผักน่ะ ดีต่อร่างกายนะ”
เว่ยชางเองก็รู้สึกได้ว่าไอ้สองคนนี้มันพูดถูกแล้ว “งั้นก็ซื้อผักใบเขียวมาด้วยละกันคืนนี้”
“เข้าใจแล้ว เพราะงั้นมาทำให้งานสมบูรณ์กันเถอะ!” พี่ใหญ่เขียวยืนขึ้นและยื่นมือตรงหน้าอีกฝ่าย
ถามหาเงิน
“แค่กๆ! งานที่จะให้ทำไม่ใช่ซื้ออาหาร! แต่ซื้ออาหารนั้นก็ให้ทำด้วยหลังจากงานหลักเสร็จ” เว่ยชางพูดเสริม เขาเกือบจะคล้อยตามเจ้าพวกนี้ไปซะแล้ว
พี่ใหญ่เขียวหยุดไปครู่หนึ่ง “งานที่กำลังจะทำนั้นต้องยิ่งใหญ่แน่ๆ! มันต้องเป็นงานที่ปราบอธรรมแล้วสนับสนุนธรรมแหงๆ!”
“พี่ใหญ่ ถ้าพวกเราดังขึ้นมาชุดของพวกเราล่ะเหมาะมั้ย? นักข่าวจะต้องเข้ามาสัมผัสแน่ๆเลย ฉันรู้สึกอย่างนั้น”
“น้องเล็ก ไว้ใจได้เลย ไฟจราจรของพวกเรานั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดี ชัดเจนเลยว่าร้อนแรงสุดๆ”
“เจ๋งเป้ง!”
“เจ๋งเป้ง!”
เว่ยชางพูดตัดขึ้นมาเบาๆ “ไปฆ่าคน 3 คน”
พรู่ด!
พรู่ด!
ทั้งสองพ่นน้ำชาออกมาแล้วส่ายหน้ารัวๆและถามอย่างสงสัย “ลุงเว่ย แน่ใจนะว่าไม่ได้บอกผิดจากช่วยคนเป็นฆ่าคนน่ะ”
“พวกนายต้องมีทักษะด้านการฆ่าคนไว้บ้าง ฆ่าแค่ 3 คนนี้เพื่อบอสสำหรับวันนี้ ฆ่าเสร็จแล้วเอามาโชว์ให้เห็นในที่โล่งด้วย”
สองพี่น้องนั้นรู้สึกทำใจยอมรับได้อยาก เพราะมันกระโดดขึ้นมาจากไปซื้ออาหารเป็นการฆ่าในทันที รู้สึกไม่เข้ากันเลย มันต้องค่อยเป็นค่อยไปสิ เริ่มจากไปดักตีใครก่อนเป็นไง? แบบนี้ถ้าเกิดพิการมาต้องต่อแขนต่อขาให้ด้วยนะ แต่ไม่พิการจะดีที่สุด…
“ไม่กลัวเหรอ? ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าพวกนายจะบอกว่ามีอีกหลายชีวิตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเมื่อคืนนี้สินะ? ไม่ได้ตบตากันใช่มั้ย?” เว่ยชางถามด้วยความสงสัย
ต้องพึ่งพากันเองแล้ว ไม่น่าไปโอ้อวดเลย ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว เพราะงั้นต้องใจแข็งเข้าไว้! ต้องตัดมันให้ขาด!
เพราะกว่าอีกร้อยชีวิตอยู่ในมือพวกเขาแล้ว
พี่ใหญ่เขียวขมวดคิ้วและกลืนน้ำลายลงไป “ลุงเว่ย วางใจได้เลยจะจัดการให้เหมือนกับพวกบอสที่อยู่ในบาร์ที่จะซื้ออาหลี่ไปเลย เพราะงั้นไว้ใจพวกเราได้!”
“พูดได้ดี แบบนี้นายท่านคงต้องชื่นชมแน่ๆ เอาล่ะ ให้ 5 นาทีสำหรับเตรียมตัว แล้วเราจะไปกันในอีก 5 นาทีหลังจากนั้น”
ทันทีทันใดพวกเขาก็หันหน้าไปปรึกษากัน ใบหน้าทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงพร้อมกับกระซิบกระซาบกันเอง
“พี่ใหญ่เราควรทำยังไงดี?”
“แล้วจะให้ทำยังไงเล่า เราต้องสู้!”
“แต่ฉันกลัว…”
“นายจะกลัวอะไร? พวกเราน่ะยังไงซักวันก็ต้องก่ออาขญากรรมอยู่แล้ว! นี่ก็เพื่อความยุติธรรมนะ”
น้องเล็กนั้นหยีตา “ทำไมรู้สึกว่าชีวิตเรามันเจอเรื่องน่าตื่นเต้นได้มากขนาดนี้กันน่ะ”
“ทำตามบอส ไม่งั้นพวกเราได้ตกนรกทั้งเป็นแน่”
“รับทราบ! เราจะไม่ตกนรก!”
หลังจาก 5 นาทีผ่านไป ทั้งสองก็พร้อมแล้ว พวกเขายืนอยู่ต่อหน้าเว่ยชางเพื่อรอให้คนตรงหน้าแจงรายละเอี่ยดเพิ่มเติม
เว่ยชางหยิบเหยือกขึ้นมาและโบกมือเพื่อสร้างบ่อสีดำขนาดใหญ่ให้ปรากฏในห้องนั่งเล่น “มากับฉัน”
สองพี่น้องสูดลมหายใจลึกเข้าไปในปอดก่อนจะเดินตามเว่ยชางเข้าไปในห้วงมิตินั้น
“พี่ใหญ่…หวังว่าเราคงจะไม่ได้ไปสู้บนดาวดวงอื่นนะ”
“ถ้าแค่ดาวดวงอื่นน่ะฉันไม่เครียดหรอก กลัวว่าจะเป็นจักรวาลอื่นเลยเนี่ยสิ”
เข้าไปในมิติน้ำวนนั้นก่อนจะมองไปอีกด้านของมันก็พบว่าอีกฟากนั้นคือท้องฟ้ากว้างและปุยเมฆขาว
น้องชายของเขามองไปยังอินทรีย์ที่บินผ่านก่อนจะตะโกนขึ้น “พี่ใหญ่! ดูนั่น นกอินทรีย์นั่นบินต่ำมากๆเลย”
หลิวนั้นประหลาดใจ เขารู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ถูกต้องก็เลยค่อยๆก้มลงไปมองข้างล่างช้าๆ และนั่นทำให้เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาจนเต็มหน้าไปหมด
น้องแดงที่สังเกตุท่าทีของพี่ชายแล้วก็เกิดสงสัยด้วยเลยมองตาม
ทั้งสองนั้นอยู่สูงจากพื้นดินขึ้นมาหลายกิโลเมตรเลย
เว่ยชางมองไปยังทางเหนือก่อนจะพูดขึ้นอย่างสุขุมว่า “รอตรงนี้นะ อีกไม่นานหรอก”
“ลุงเว่ย เป้าหมายของเราคืออะไรนะ?” พี่ใหญ่เขียวเอ่ยถาม
“3 คนที่กำลังมาจากด้านล่างคือเป้าหมาย” หลังจากพูดจบเว่ยชางก็เปิดเหยือกกรดกชาก่อนจะกลับเข้าไปในวังวนน้ำวนนั่นแล้วหายไปเลย
สองพี่น้องยืนอยู่ในความเงียบ ใบหน้านั้นเริ่มแสดงสีหน้ากังวลออกมาและท้ายสุดก็ตื่นตระหนก
“พี่ใหญ่! เรากำลังบินอยู่!!”
“อ่า เรากลายเป็นนกไปแล้ว” หลิวถอนหายใจ จากไม่กี่วันก่อนเป็นคนหิวโหยอยู่บนถนน ตอนนี้กลายเป็นซูเปอร์แมน และที่สำคัญก็ดันเป็นซูเปอร์แมนที่กำลังจะฆ่าคนด้วย
ถ้ามองจากด้านล่างจะมองเห็นได้ว่ามีนกสีเขียวและแดงอยู่บนอากาศ
และเมื่อพวกเขากำลังตื่นตระหนกเช่นนั้น พวกเขาก็พบว่าจุดดำๆ 3 จุดกำลังมุ่งมาทางพวกเขา
นั่นคือซุนยี่กับคนอื่นๆที่กำลังหนี
“พี่ใหญ่ มีคนกำลังมา!” หงนั้นเริ่มจะกังวลเมื่อเห็นว่ามีคนมาทางเขา
“ฉันก็เห็นน่า ไม่ได้ตาบอด!” หลิวเองก็รู้สึกประหม่าเหมือนกัน ถ้าบอกว่าให้ทำให้กลัวก็ว่าไปอย่าง แต่นี่บอกให้ฆ่าเลยนะ…ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยจริงๆ…
มองไปยังร่างที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แดงก็ถามขึ้นมาอีก “พี่ใหญ่ จำหนังกำลังภายในที่เราดูด้วยกันได้ไหม? ที่ว่าต้องกล่าวชื่อตัวเองออกไปก่อน เราจะพูดอะไรออกไปดีล่ะ?”
“ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง!” เขียวเริ่มคิดถึงสิ่งนี้
ได้ยินเช่นนี้ก็อุ่นใจ พี่ใหญ่ช่างฉลาดจริงๆ
ซุนยี่และอีก 2 คนที่มองเห็นพี่น้องเขียวแดงอยู่ไม่ไกลต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“ไฮ่ไต่ซี่ คนของนายหรือเปล่า?” กงเทียนลู่ถาม
หากมองจากเสื้อผ้าแล้ว สองคนนี้ค่อนข้างจะแปลกมากๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังไม่น้อยเลย
ไฮ่ไต่ซี่ส่ายหน้า “คนของเราน่าจะซ่อนอยู่ในเมืองมากกว่า แต่เจ้าพวกนี้ก็เด่นดีแฮะ กล้าแต่งตัวแบบนั้นได้ไงกันนะ”
“สำนักเมฆาของฉันก็ไม่ได้แต่งตัวแบบนั้น…”