You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! - ตอนที่ 230
บทที่ 230 พวกเราล้วนเป็นคนดี
“ไม่ใช่ว่านายก็พกกระทะมาด้วยเหรอ?” พี่ใหญ่เขียวมองไปยังก้นน้องชายที่เหน็บกระทะมาด้วย
เขากลับไปเล็งที่ไฮ่ไต่ซี่ที่กำลังหลบหนีใหม่จากนั้นก็ปาไม้พายออกไป
เสียงวัตถุฝ่าอากาศลอยออกไปราวกับเงาดำที่พุ่งไปปะทะวัตถุและเรียบร้อย มันเข้าเป้า
เขียวโล่งใจมากๆ “ได้ตัวละ”
“แต่พวกเขายังไม่ตายนะ” แดงกังวล
เขียวคิดถึงเรื่องนี้ซักครู่ก่อนจะพูดออกมา “เอา 3 คนนี้ไปก่อนค่อยคิดละกัน”
ผู้เป็นน้องพยักหน้ารับก่อนจะพาทั้ง 3 ไปด้วยกัน พวกเขาเข้าไปในป่าใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง
เขียวขมวดคิ้วและมองทั้งสามที่นอนอยู่บนพื้นโดยที่คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี
ในตอนนี้ทั้งสามนั้นอ่อนแอลงไปมากๆ หากแต่ก็ยังไม่ตาย ออร่าที่ออกมาจากร่างกายพยายามรักษาตัวพวกเขาเองอยู่เรื่อยๆ
“พี่ใหญ่ คราวนี้จะทำยังไงดี?” แดงถามขึ้นด้วยใจที่รุกรี้รุกรน
เขียวลูบไหล่น้องชายเขาเบาๆ “เวลานี้น่ะ นายต้องแสดงความกล้าหาญบ้างแล้วล่ะ ฉันแสดงมาเยอะแล้ว เพราะงั้นไปมัดเจ้าพวกนี้แล้วกลับไปกินมื้อเย็นกัน”
ทั้งสามที่นอนหมอบอยู่กับพื้นนั้นได้ฟังบทสนทนาดังกล่าวผนวกกับแรงที่หายไปหมดมันทำให้พวกเขาคิดเป็นสิ่งเดียวกันว่า วันนี้ พวกเขาหมดโอกาสหนีแล้ว!
“ถ้าจะฆ่า ก็ฆ่าเลย แบบนั้นจะทำให้พวกฉันเป็นสุขซะมากกว่า แต่จงจำไว้ว่าต่อให้กลายเป็นผีก็จะต้องให้นายมารับกรรมให้ได้!” ถึงแม้ว่ากงเทียนลู่จะอ่อนแอขนาดไหนก็ตามแต่เหมือนว่าสกิลปากเขาจะยังเก่งอยู่ ในเมื่อคนที่ดูหนักสุดไม่น่าจะตายง่ายๆ งั้นคนอื่นๆก็น่าจะไม่ตายง่ายๆด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะมีคนที่ต่างออกไปก็คงไม่พ้นซุนยี่หรอก อนึ่งเธอเป็นผู้หญิง แค่นี้ก็ถือว่าได้เปรียแล้ว
“น้องชาย ถ้านายปล่อยฉันไปล่ะก็ ฉันจะยอมทำทุกอย่างเลยล่ะ” ซุนยี่พูดอย่างเขินอายแต่นั่นมันทำให้สองพี่น้องเกิดอาการใจเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเลย
ไฮ่ไต่ซี่และกงเทียนลู่นั้นรู้สึกละอายใจ นั่นก็เพราะว่าซุนยี่ไม่ควรทำตัวแบบนี้ในเมื่อเป็นถึงเจ้าสำนัก!
“พี่ใหญ่ ผู้หญิงสวยๆแบบนี้ฉันทำไม่ลงหรอก ทำไม่ลงตั้งแต่แรกแล้ว เพราะงั้นให้พี่จัดการละกัน” พูดจบแดงก็หันหน้าหนีและปิดหูปิดตาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
สำหรับเขียวแล้ว การเชือดไก่มันก็ไม่ได้ยากนักหรอกแค่กดมีดไปที่คอของมันก็ได้แล้ว แต่นี่มันไม่ใช่การฆ่าไก่ไง…
ซุนยี่นั้นเหมือนจะพอเห็นความหวังที่จะรอดแล้ว เพราะงั้นเธอจึงรีบพูดโน้มน้าวต่อ “น้องชาย นายเป็นคนใจดี เพราะงั้นปล่อยฉันไปเถอะนะ”
ไฮ่ไต่ซี่และกงเทียนลู่เริ่มจะเหยียดเธอแล้ว
“เรื่องนั้นรู้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดซ้ำๆ!” เขียวพูดเสียงดัง ผู้หญิงคนนี้ช่างจ้อเสียจริง พูดอยู่นั่นแหละว่าจะกลับตัว
ถ้าจะกลับตัวจริงๆหล่อนไม่มาถูกมัดอยู่อย่างนี้หรอก
ฉันถูกดวงอาทิตย์อบมา 5 พันล้านปียังไม่บ่นขนาดนี้เลย สำคัญตัวเองสูงไปแล้ว
ซุนยี่เริ่มจะมึนงงแล้ว เธอรู้สึกว่าทั้งคู่ยังคงเป็นเด็ก ไม่ใช่ผู้ใหญ่
ไฮ่ไต่ซี่และกงเทียนลู่นั้นพากันหัวเราะและปล่อยให้เธอโวยวายไป ไม่มีใครกินเหยื่อของเธอหรอก
สองพี่น้องเขียวแดงหันไปกระซิบกระซาบถึงวิธีที่จะจัดการคนพวกนี้
“น้องชาย ฉันน่ะแสนดีกับนายมาตลอดเลยนะ”
“รู้แล้วน่า ฉันเองก็ไม่เคยทวงเงินที่พี่ยืมเหมือนกันนะ”
“เงินนั่นก็เพื่อทำให้นายไม่เจ็บไข้ได้ป่วยไง เอาล่ะ ต่อไปนี้จะเป็นนโยบาย นายต้องฟังและเข้าใจถึงความปรารถนาดีของฉัน”
“พอ หยุด ฉันรู้ว่าพี่จะพูดอะไร แต่ฉันกลัว”
เขียวถอนหายใจ “ฉันก็กลัว โดยเฉพาะตอนที่มีดกดลงไปแล้ว มันเป็นอะไรที่แบบน่ากลัวมากๆ”
“ใช่ เพราะงั้นเราควรจะทำให้พวกเขาตายโดยง่าย” แดงพูดด้วยความเศร้าแล้วแท็กมือกับผู้เป็นพี่
“ใช่แล้ว เพราะเหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือพวกเราเป็นคนดี”
แดงพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ของเขียว “แล้วเราจะทำยังไงให้คนพวกนี้ตายง่ายๆดีล่ะ?”
“ได้ยินมาว่าง่ายๆนั้นดีที่สุด แต่น่าเสียดายที่เราคงทำง่ายๆในที่แบบนี้ไม่ได้ งั้นถ้าเป็นปล่อยให้เลือดหมดตัวตายล่ะ? ได้ยินมาว่ามันไม่ค่อยเจ็บ เพราะเมื่อถึงระดับหนึ่งคนเราจะสลบไปเอง จากนั้นก็จะหลับไปเลย”
“วิธีนี้ฟังดูดังเลย ไอ้การปล่อยให้เลือดหมดตัวเนี่ย!”
เมื่อตกลงได้แล้ว เขียวก็หยิบมีดทำครัวออกมาและเดินกลับไปหาพวกเขา “วางใจได้ ฉันจะทำให้พวกนายตายอย่างสงบที่สุด”
“น้องชาย ได้โปรด ฉันมีเงินมากมายเป็นก่ายกอง แถมมีสมบัติสูงกองเป็นภูเขาเลยนะ” ซุนยี่ที่ยังไม่อยากตายหาทุกวีถีทางที่จะทำให้รอด เธอเป็นถึงเจ้าสำนัก เธอต้องไม่มาตายแบบนี้
เขียวถอนหายใจ “ฉันควรจะเตือนเธอว่าอย่าไปยั่วยุผิดคนหรือเปล่า? คนบางคนก็ไม่ควรไปยั่วเขา รู้มั้ย?”
ทั้งสามต่างช็อคไปตามๆกัน คนๆนั้นที่ว่าหมายถึงเสี่ยวยี่เหรอ? เป็นไปไม่ได้ ถ้าเสี่ยวยี่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาคงจะใช้ไปแล้ว ถ้างั้นเป็นใครกันล่ะ!
ไฮ่ไต่ซี่รีบถามต่อ “พี่ชาย เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่ว่ากำลังจับคนผิดอยู่เหรอ?”
“เอ้อ ไม่ใช่ว่าเราจับคนผิดมาใช่มั้ยนิ?” เขียวหันไปถามผู้เป็นน้อง
“ฉันไม่รู้” แดงส่ายหน้า
นี่มันอะไรกันน่ะ…นี่พวกเขากำลังจะถูกฆ่าโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฆ่าถูกคนหรือเปล่างั้นเหรอ? นี่ชะตากรรมอะไรเนี่ย!! ถ้าจะฆ่าทั้งทีก็ช่วยฆ่าให้ถูกคนหน่อยสิโว้ยยยย!!
แดงยืนมองพี่ใหญ่ของเขายกแขนของไฮ่ไต่ซี่ขึ้นก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ “พวกนายมากัน 3 คน เพราะงั้นไม่ผิดหรอก”
“ใช่แล้วล่ะ พวกเราฆ่าตามจำนวนที่ได้รับ ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่ได้เห็น” แดงพูดเสริม
โฮ่ หมดหวังแล้ว ไอ้พวกบ้านี่ฆ่าตามจำนวน!
ซุนยี่เอ่ยถามขึ้นมาอีก “แล้วถ้าพวกเรามาแค่สองล่ะ?”
“โอ้ งั้นเหรอ” คำพูดของแดงมันแสดงให้เห็นว่า เธอยังกล้าดีที่จะถามอะไรโง่ๆแบบนั้นอีกงั้นเหรอ?
แต่นี่มันก็ทำให้ทั้งสามคิดได้พร้อมกัน ว่าทำไมไม่แยกกันหนีนะ…
“กดลงไปตรงนี้…” เขียวกังวลก่อนจะค่อยๆกดมีดลงไป
เส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือนั้นถูกตัดขาด นั่นทำให้เลือดไหลออกมาเหมือนน้ำพุเลย
ต่อเป็นก็เป็นตาของกงเทียนลู่และท้ายสุดก็ซุนยี่
“ท่านเจ้าสำนัก นี่มันจะเจ็บหน่อยนะ แต่เชื่อได้ว่าเธอจะผ่านไปได้” เขียวจับข้อมือเล็กๆของเธอด้วยความคับอกคับใจ มันทั้งขาวแล้วก็นุ่มมากๆเลย
“ฆ่าฉันซะ”
“ฉันไม่กล้า”
ข้อมือของซุนยี่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดที่ไหลท่วมออกมาแล้ว ถ้าพวกเขาขยับนั่นหมายถึงพวกเขาคิดจะฆ่าตัวตาย
กลัวว่าเขาจะเลือกวิธีนั้นจัง…
มีดทำครัวถูกวางทิ้งไว้ขณะที่เลือดเริ่มจะไหลท่วมแล้ว ทั้งสองพี่น้องรีบวิ่งออกจากตรงนั้นและไปเฝ้ารอแทน ราวกับว่ารอเวลาที่จะจุดพลุ
“พี่ใหญ่ อีกนานแค่ไหนน่ะ” แดงหันไปถามด้วยความประหม่าสุดๆ
“มากกว่า 10 นาที”
10 นาทีต่อมา
“ไปดูซิว่าพวกเขาตายกันหรือยัง” พี่ใหญ่เขียวตะโกนบอก
แดงรีบวิ่งเข้าไปพร้อมทั้งหายใจเข้าลึกๆด้วย เขาไปยืนตรงหน้าและสังเกตุก่อนจะตะโกนกลับไป “พี่ใหญ่ พวกเขายังไม่ตาย”
“อะไรนะ!”
เขียวรีบวิ่งมายังจุดที่แดงอยู่และใช่ พวกเขายังไม่ตาย!
“ฆ่าฉันซะ”
“ฆ่าฉันสิ…”
ทั้งสามที่ยังไม่ตายก็ไม่ต่างอะไรกับกำลังจะตาย เลือดที่ท่วมพื้นนั้นช่างดูเจ็บปวดและทรมาณสุดๆ ออร่าที่ออกมาจากร่างกายเหล่านั้นพยายามรักษาบาดแผลขณะที่เลือดก็ยังไหลอยู่ ถึงแม้จะช้าแต่ก็รักษา มันเลยทำให้เขาไม่ตายกันเสียที
สมองของเขาเหล่านั้นยังคงตื่นตัวอยู่ ถึงผู้คนจะกลัวที่จะตาย หากแต่พวกเขาตรงนี้ก็กลัวที่จะต้องรอความตายมากกว่า เพราะถ้าตายเลยคือจบ แต่การต้อมารอทั้งๆที่รู้ว่าจะตายแบบนี้มันช่างเป็นการทรมาณที่เจ็บปวดเสียจริง
“พี่ใหญ่ ทำไงต่อดี!” แดงเริ่มจะตื่นตระหนกอีกครั้ง
“แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า!” เขียวเองก็เริ่มรู้สึกแดงุดแดงิดแล้ว
และทันใดนั้นเอง วังวนน้ำวนก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับเว่ยชางที่ออกมาพร้อมแก้วชา
“ลุงเว่ย”
“ลุงเว่ย”
ทั้งสามมองเว่ยชางด้วยสายตาสงสัยเนื่องมาจากไม่รู้จัก…
และเว่ยชางที่ได้มองมายังสถานที่เกิดเหตุก็ตกตะลึงก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขมากๆ
“พวกนายทำได้แจ๋วไปเลย! ใช้วิธีให้เลือดไหลหมดตัวจนตายสินะ ช่างเป็นวิธีที่โหดร้ายและทารุณดีมาก! เอาล่ะ ฉันจะรายงานไปให้นายท่าน แล้วจากนั้นนายท่านก็จะตบรางวัลชิ้นใหญ่ให้พวกนายแน่ๆ!”
สองพี่น้องนั้นเคอะเขินนิดหน่อย นี่ขนาดยังไม่ตายนะยังโดนชมได้ขนาดนี้เลย…
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามนั้นรู้สึกช็อค ทั้งสองคนนี้เป็นเพียงผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา แถมคนที่ออกมาก็ยังเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอีกที! ถ้างั้นแล้วใครเป็นนายท่านที่ว่ากันน่ะ!!
ทำไมถึงยังมีผู้คนที่พวกเขาไม่รู้จักเลยโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆแบบนี้!