Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์ - บทที่ 114 อสูรราชาไร้เทียมทาน!
บทที่ 114 อสูรราชาไร้เทียมทาน!
“เสี่ยวเสวียน ไปกันเถอะ!”
เย่เทียนกระโดดขึ้นหลังของเสียวเสวียนและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า มุ่งหน้าไปยังฐานทัพทะเลมาร
เพียงไม่นาน
เสียวเสวียนบินเข้าใกล้ฐานทะเลมาร แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้มากนัก
ตูม!!!
เสียงการต่อสู้ดังมาจากที่ไกลๆ
“ช่างเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดอะไรเช่นนี้”
รูม่านตาของเย่เทียนหดแคบลง และแอบตกใจลึกๆ
ห่างออกไป
สัตว์อสูรจํานวนมากกําลังล้อมฐานทะเลมาร ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังระดมโจมตีทั้งทางอากาศ และบนพื้นดิน
บนฟากฟ้ามีฝูงสัตว์อสูรระดับราชาจํานวนมากที่โจมตีค่ายกลป้องกันอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บนพื้นดินมีสัตว์อสูรชั้นยอด สัตว์อสูรระดับสูงและสัตว์อสูรระดับกลางระดับต่ําอีกนับไม่ถ้วน จนไม่สามารถนับจํานวนของพวกมันได้
หากจะว่ากันตามขนาดกองทัพของพวกมันแล้ว กองทัพสัตว์อสูรพวกนี้อย่างน้อยก็มากกว่าฝูงสัตว์อสูรที่ฐานหลินไห่ต้องเผชิญนับร้อยเท่า และแม้แต่ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ยังเหนือกว่ามาก
แต่ในบรรดาพวกมันทั้งหมดมีสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ยังไม่ได้ลงมือ
มันเป็นวานรสีทองร่างกายกํายําที่มีความสูงประมาณ 50 เมตร กลิ่นอายของมันราวกับจะทะลุผ่านเส้นขอบฟ้า แม้แต่ราชาอสูรทั่วไปก็ยังเป็นเหมือนมดปลวกเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน
ทันใดนั้น
วานรตัวนั้นก็เหลือบมองเย่เทียน เพียงแวบเดียวที่มันหันมามองก็ทําให้เย่เทียนรู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูก
“น่ากลัว !”
เย่เทียนตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรวานรตัวนี้ทันที
เขาอยู่ห่างจากอีกฝ่ายอย่างน้อย 100 กิโลเมตร และมองอีกฝ่ายจากระดับความสูง 1,000 เมตรเหนือพื้นดิน แต่อีกฝ่ายกลับยังพบตัวเขา
อย่างไรก็ตาม วานรสีทองตัวนี้เพียงแค่ชําเลืองมองไปที่เย่เทียน และเล็กให้ความสนใจ
“มันคงคิดว่าเราอ่อนแอเกินไป ไม่มีค่าพอให้มันสนใจ”
เย่เทียนพึมพํา
ใช่แล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขาเป็นเพียงปรมาจารย์ที่ปรับแต่งเส้นชีพจรได้เพียงเส้นเดียวเท่านั้น และวานรสีทองก็มองไม่เห็นพรสวรรค์ของเขา ดังนั้นไม่แปลกที่มันจะไม่สนใจเขา
“เข้าไปที่ฐานทัพทะเลมารก่อน แล้วค่อยถามไถ่สถานการณ์!” เย่เทียนกวาดตามองการต่อสู้อยู่ระยะหนึ่งก่อนจะตัดสินใจ
จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหล่าสัตว์อสูรไม่น่าจะให้ความสําคัญกับการโจมตีฐานทัพหลินไห่ที่อ่อนแอ ต่อให้มันโจมตีฐานหลินไห่ ก็คงจะเป็นหลังจากที่พวกมันสามารถทําลายฐานทัพทะเลมารได้
ดังนั้นการที่เย่เทียนอยู่ในฐานหลินไห่จึงเป็นเรื่องที่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาจึงตัดสินใจกลับมายังฐานทะเลมารเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ เมื่อเทียบกันแล้ว ฐานทะเลมารต้องรู้ข้อมูลเพิ่มเติมอย่างแน่นอน
ดังนั้น
เย่เทียนจึงมุ่งหน้าไปยังฐานทัพทะเลมาร ระหว่างทางเขาก็พบกับสัตว์อสูรบินจํานวนมากที่มาขวางทางเขา แต่พวกมันก็ถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย
ในเวลานี้ประตูค่ายกลทั้งหมดฐานทะเลมารถูกปิดลง แต่หลังจากที่เย่เทียนหยิบบัตรประชาชน และเหรียญตราของประมาจารย์ด้านค่ายกลออกมา เขาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในทันที โดยผ่านประตูขนาดเล็กที่เปิดได้ชั่วคราว
หลังจากเข้าไปในฐานเย่เทียนก็สําผัสได้ถึงความหดหูและความตึงเครียดของผู้คน เนื่องจากมีผู้ฝึกยุทธหลายคนที่กําลังต่อสู้อยู่ด้านนอก
เย่เทียนไม่รู้ว่าเย่วหลิงจะต่อสู้ข้างนอกหรือไม่ แต่เขาก็ยังคงพยายามติดต่อเย่วหลิง
“เย่เทียน คุณกลับมาแล้วหรือ? รอฉันก่อน!”
เย่วหลิงส่งข้อความนี้โดยใช้อุปกรณ์ติดต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน เย่เทียนก็ได้พบกับเย่วหลิงอีกครั้ง
“คุณบาดเจ็บหรือ?”
เย่เทียนเห็นชัดว่าเย่วหลิงอยู่ในสภาพที่ย่าแย่ ใบหน้าของเธอซีดเผือด และมืออีกข้างก็มีผ้าพันแผล เห็นได้ชัดว่าแขนของเธอได้รับบาดเจ็บมาพอสมควร
“อืม ฉันคงไม่สามารถกลับออกไปต่อสู้ได้อีกซักระยะ ก่อนหน้านี้ฉันออกไปยังสนามรบแต่สุดท้ายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ใช่เพราะปรมาจารย์ระดับสูงของตระกูลช่วยไหว ฉันคงไม่สามารถกลับมารักษาตัวที่ฐานได้ “เย่วหลิงยิ้มอย่างขมขื่น
จากนั้นเธอก็เอ่ยถาม “ที่ฐานหลินไห่เป็นอย่างไรบ้าง?”
เย่เทียนกล่าวตามความจริง “คลื่นสัตว์อสูรก็ระเบิดออกมาเช่นกัน แต่พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ผมจึงจัดการพวกมันได้!”
“คุณจัดการมันแล้ว!”
เย่วหลิงประหลาดใจ
แม้เธอจะไม่รู้ว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นอ่อนแอขนาดไหน แต่เธอก็เชื่อว่ามันต้องประกอบไปด้วย สัตว์อสูรชั้นยอดมากมาย ไม่แน่ว่าอาจจะมีสัตว์อสูรระดับราชาอยู่ด้วย แต่เย่เทียนกลับจัดการฝูงสัตว์อสูรเรียบร้อยแล้ว
หากเป็นคนอื่นพูดเธอคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน!
“จริงสิ น้องสาวผมเป็นยังไงบ้าง?”
ก่อนที่เย่เทียนจะจากไป เย่เทียนได้ฝากให้เย่วหลิงดูแลน้องสาวของเขา และยังขอให้เย่วหลิงพาเหยไปยังตระกูลเย่วชั่วคราว
“น้องสาวคุณไม่เป็นไร!” เย่วหลิงกล่าวว่า “น้องสาวของคุณเป็นเพียงนักรบชั้นยอด นอกจากนักรบชั้นยอดไม่กี่คนที่อายุมากแล้วและมีศักยภาพไม่มากนัก นักรบชั้นยอดคนอื่นๆก็ยังอยู่ภายในฐาน หากเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญถึงจะถูกบังคับให้เข้าสู่สนามรบ!”
หลังจากฟังจบ เย่เทียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเย่หยุมาก เพราะเธอเป็นญาตเพียงคนเดียวของเขาในโลกใบนี้
“สถานการณ์การต่อสู้ตอนนี้ดูล่าบากมาก คุณรู้หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
เย่เทียนถามอีกครั้ง
เย่วหลิงถอนหายใจ “มันค่อนข้างซับซ้อน ครั้งนี้ภายในรัศมี 100,000 ลี้ มีฐานทัพใหญ่สามแห่งที่ถูกโจมตี แต่ละฐานถูกโจมตีโดยสัตว์อสูรจํานวนมาก นอกจากนี้กองทัพสัตว์อสูรทั้งสามกลุ่มยังนําโดยราชาสัตว์อสูรไร้เทียมทาน”
“สัตว์อสูรไร้เทียมทาน!”
เย่เทียนนึกถึงวานรสีทองตัวนั้น มันน่าจะเป็นราชาไร้เทียมทาน
สัตว์อสูรราชาไร้เทียมทานก็เหมือนกับราชาไร้เทียมทานในหมู่มนุษย์ มันเกือบจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ความแข็งแกร่งของมันน่ากลัวมาก แม้แต่ราชาที่แข็งแกร่งมากก็ยังเป็นเพียงมดปลวกเมื่ออยู่ต่อหน้าระดับราชาไร้เทียมทาน
เช่นเดียวกับเขา เขาสามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นปรมาจารย์ไร้เทียมทาน
ส่วนคําที่เรียกขานว่าราชาไร้เทียมทานหรือสัตว์อสูรราชาไร้เทียมทานนั้นมัน เพราะตัวตนเหล่านั้นมีความสามารถมากพอที่จะสังหารตัวตนที่อยู่ในระดับสูงกว่าได้
“ฐานทัพทะเลมารมีวิธีจัดการกับราชาไร้เทียมทานตัวนั้นหรือไม่?”
เย่เทียนไม่รู้ว่าฐานทัพทะเลมารมีราชาไร้เทียมทานหรือไม่ หากไม่มีนี่ก็คงเป็นเรื่องล่าบากแล้ว
“ไม่!” เย่วหลิงส่ายหัว “ฐานทะเลมารไม่มีระดับราชาไร้เทียมทาน เดิมที่มีบรรพบุรุษตระกูลหยุนอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนนี้ท่านผู้นั้นออกไปสํารวจโลกภายนอกมานานแล้ว ทางฐานทัพตอนนี้กําลังพยายามติดต่อเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม ตระกูลหยุนได้กระตุ้นสิ่งของที่เขาทิ้งไว้ และมันก็ปลดปล่อยกลิ่นอายของราชาไร้เทียมทานออกมา ทําให้ราชาไร้เทียมทานที่อยู่ด้านนอกฐานหวาดกลัว มันคิดว่ามีราชาไร้เทียมทานอยู่ในฐานดังนั้นมันจึงยังไม่กล้าที่จะลงมือ ไม่เช่นนั้นแล้ว หากเจ้านั้นลงมือเกรงว่าค่ายกลป้องกันของฐานทัพทะเลมารคงไม่สามารถต้านทานได้นานนัก! แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันจะต้องรู้ความจริงแน่นอน พวกเราทําได้เพียงหวังว่าบรรพบุรุษตระกูลหยุนจะกลับมาได้ทันเวลา
เย่เทียนขมวดคิ้ว เขาไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะรุนแรงขนาดนี้ ตอนนี้มันยืดเยื้อไปมากแล้ว! เกรงว่าอีกไม่นานสัตว์อสูรตนนั้นก็จะรู้ตัว
เย่เทียนเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกล ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องออกไปต่อสู้
แต่นี่ก็เฉพาะตอนนี้เท่านั้น เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดวิกฤต อย่าว่าแต่ปรมาจารย์ค่ายกลเลย แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์อายุ 15 ปีก็ยังต้องเข้าสู่สนามรบ ไม่นานเย่เทียนก็ถูกสมาคมค่ายกลเรียกตัวไปเพื่อสร้างแผ่นจานค่ายกลมอบให้กับเหล่าผู้ฝึกยุทธในสนามรบ
ทุกครั้งที่พวกเขาสร้างแผ่นจานค่ายกลขึ้นมาอีกแผ่นหนึ่ง จะสามารถฆ่าสัตว์อสูรได้เป็นจํานวนมาก ดังนั้นภารกิจของปรมาจารย์ด้านค่ายกลจึงสําคัญมาก
ภารกิจของเย่เทียนคือการสร้างแผ่นจานค่ายกลระดับเริ่มต้นวันละ 50 แผ่น ภารกิจนี้ไม่ได้ยากสําหรับเขา หากสร้างเสร็จก็มีเวลาเหลือเฟือในการฝึกฝน
แน่นอนว่าการสร้างจานค่ายกลระดับเริ่มต้นจะได้รับรางวัลเป็นคะแนนแต่คะแนนของสมาคม ค่ายกลตอนนี้ไม่มีประโยชน์ต่อเย่เทียน ยิ่งไปกว่านั้นแผ่นจานค่ายกลระดับต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ได้ เย่เทียนจึงไม่เสียเวลาในการหลอมแผ่นจานค่ายกลมากมาย
ดังนั้นเย่เทียนจึงใช้เวลาที่เหลือในการฝึกฝน
สงครามยังคงดําเนินต่อไป
ผ่านไปอีกห้าวัน เย่เทียนไม่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากฐานหลินไห่ เห็นได้ชัดว่าฐานหลินไหปลอดภัยชั่วคราว
“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเราอยู่ที่ 13 ช้างแล้ว น่าเสียดายที่แม้ว่าเราจะมีพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับและทักษะดาบฟาดฟันวายุคราม แต่พลังของเราก็สามารถต่อกรกับสัตว์อสูรระดับราชาที่อ่อนแอได้เท่านั้น”
เย่เทียนพึมพํา
แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้รับข่าวดีจากเย่วหลิง