Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์ - บทที่ 117 การประชุมของเหล่าราชา!
บทที่ 117 การประชุมของเหล่าราชา!
ในเวลากลางคืน
ในที่สุดเย่เทียนก็มีเวลาว่างจัดการพรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณระดับสูงที่เขาคัดลอกมา
“หลอมรวม!”
เย่เทียนคิด
ฟูม!!!!
กระบวนการหลอมรวมทางจิตวิญญาณที่น่ากลัวได้เริ่มขึ้นแล้ว
ในเวลานี้เย่เทียนรู้สึกว่าวิญญาณของเขาราวกับถูกพลังที่ไม่อาจอธิบายได้ลูบไล้ไปมาความเจ็บปวดนี้แตกต่างจากความเจ็บปวดทางกายแต่เป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้
มันทําให้เขารู้สึกอึดอัดเหมือนกําลังจมน้ำแต่เย่เทียนก็ทําได้เพียงกัดฟันทนไม่ส่งเสียงออกมาเพื่อไม่ให้เย่หยุตกใจสิบนาทีผ่านไป และเมื่อการหลอมรวมสิ้นสุดลงเย่เทียนก็ผสานพรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณระดับสูงได้สําเร็จ
เขามองดูข้อมูลพรสวรรค์โดยไม่รู้ตัวและเห็นพรสวรรค์ที่เพิ่งหลอมรวมเข้ากับร่าง
(พรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณ: ระดับสูง]
“การถ่ายโอนวิญญาณเป็นไปได้ไหมว่าวิญญาณของเราสามารถถ่ายโอนไปยังที่อื่นหรือสิ่งอื่นได้?”
เย่เทียนคาดเดา
ทันใดนั้นจิตสํานึกของเขาก็ค่อยๆจมดิ่งเข้าไปในทะเลวิญญาณและพบตราประทับพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณเขา
เพียงไม่นาน
เขาพบจุดแสงที่แสดงถึงพรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณ และหลอมรวมสติของเขาเข้ากับข้อมูลบางอย่าง
นี่เป็นวิธีหนึ่งที่เขาเรียนรู้เมื่อไม่นานมานี้ มันเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการตรวจสอบข้อมูลของพรสวรรค์และไม่จําเป็นต้องทดลองเพื่อดูคุณสมบัติของมัน
“พรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณเป็นเช่นนี้เอง!”
เย่เทียนตกใจจนหน้าซีดเผือด
การถ่ายโอนวิญญาณเป็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลย มันแปลกประหลาดอย่างมาก
สิ่งที่เรียกว่าการถ่ายโอนวิญญาณคือการย้ายวิญญาณของเขาไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นและลบวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามโดยจิตวิญญาณของเขาจะเข้าครอบครองร่างกายของเป้าหมายพูดง่ายๆก็คือการเข้าสิงร่างของสิ่งมีชีวิตอื่น
สิ่งที่ท้าทายสววรค์ยิ่งกว่าคือเขาสามารถใช้ร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในขณะที่สามารถใช้ทักษะและพรสวรรค์ทุกชนิดของร่างนั้นๆและร่างจริงได้เนื่องจากตราประทับพรสวรรค์อยู่ในจิต วิญญาณของเขาแต่ระดับพรสวรรค์ของเขาอาจลดลงเล็กน้อย และไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่เหมือนดั่งร่างจริง
หากร่างกายที่เขาครอบครองถูกฆ่า วิญญาณของเขาจะถูกส่งกลับมาแต่เขาก็จะได้รับบาดเจ็บทางจิตวิญญาณและต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู
แน่นอน
พรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณมีข้อจํากัดเมื่อเปิดใช้งานแล้วจะครอบครองร่างกายของอีกฝ่ายได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และมีคลดาวน์เป็นเวลาหนึ่งปี
นี้คือพรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณระดับสูง หากเป็นพรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณระดับสูงสุด บางทีเขาอาจครอบครองร่างกายของฝ่ายตรงข้ามได้นานขึ้นและระยะเวลาคูลดาวน์ก็อาจจะสั้นลง
แต่เย่เทียนมีพรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณระดับสูงเท่านั้น เขาไม่มีความหวังที่จะยกระดับพรสวรรค์ถ่ายโอนวิญญาณของเขาให้สูงขึ้นเนื่องจากพรสวรรค์นี้หายากมาก!
“ถ้าเช่นนั้น ก็แสดงว่าลิงยักษ์วิญญาณทองยังไม่ตาย? ไม่ มันไม่น่าจะใช่ลิงยักษ์วิญญาณทองลิงยักษ์วิญญาณทองตัวนั้นน่าจะเป็นร่างที่ฝ่ายตรงข้ามใช้พรสวรรค์ถ่ายโอนวิญญาณระดับสูงเพื่อ เคลื่อนย้ายพรสวรรค์ของมันไม่แปลกใจเลยที่มันไม่ถอยหนี้และต้องการที่จะต่อสู้กับหยุนเพิ่งหลี่ จนตาย!”
เย่เทียนเข้าใจในทันที
“ครอบครองร่างเป็นเวลาหนึ่งเดือนและคูลดาวน์เป็นเวลาหนึ่งปีพรสวรรค์นี้จะต้องเลือกใช้ในเวลาที่เหมาะสมถึงจะเป็นประโยชน์มากที่สุด!”เย่เทียนแอบวางแผน
ผ่านไปไม่กี่วัน เหล่าผู้บริหารระดับสูงของฐานทะเลมารก็เริ่มแจกจ่ายรางวัลจากสงคราม
ผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์และระดับราชาทุกคนล้วนได้รับรางวัลมากมาย ฉากในสนามรบถูกบันทึกไว้โดยอุปกรณ์ฉายภาพของฐานทะเลมารจากนั้นพวกเขาก็แจกจ่ายเนื้อสัตว์อสูรเลือดสัตว์อสูร และรางวัลอื่นๆตามความดีความชอบ
สําหรับผู้ฝึกยุทธที่ตายในสนามรบ รางวัลที่พวกเขาได้รับจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและไม่มีผู้ใดคัดค้านกับเรื่องนี้
เย่เทียนได้รับรางวัลมากมาย ในบรรดารางวัลที่เขาได้รับมีสัตว์อสูรระดับราชาที่ถูกเขาสังหารอยู่ด้วย
แต่ซากของสัตว์อสูรระดับราชานั้นใหญ่เกินไป เย่เทียนจึงทําได้เพียงขายมันเพื่อแลกกับเงินจํานวนมาก
แต่สิ่งที่เย่เทียนไม่รู้ก็คือ เหล่าราชาที่แข็งแกร่งของฐานทะเลมารเริ่มยุ่งมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาพวกเขารีบไปที่ฐานทัพขนาดใหญ่อื่นๆอีก 2 แห่งเพื่อช่วยเหลือพวกเขาขับไล่ฝูงสัตว์อสูรออกไป
หยุนเพิ่งหลี่ร่วมมือกับราชาไร้เทียมทานจากฐานทัพอื่น ๆ และฆ่าราชาไร้เทียมทานอีก 2 ตัววิกฤติของสามฐานใหญ่ได้คลี่คลายลง และฝูงสัตว์อสูรก็ถอยออกไปวันนี้
ในขณะที่เย่เทียนกําลังฝึกอยู่ในบ้าน บรรพบุรุษตระกูลเย่วเย่วหมิงมาเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง
“ท่านเย่วหมิง!”
เมื่อเย่เทียนเห็นราชาเย่วหมิงก็กล่าว
“สหายน้อยเย่เทียนไม่ต้องเกรงใจไปสหายน้อยสามารถสังหารสัตว์อสูรราชาได้แม้ว่าจะไม่ใช่ระดับราชาแต่ก็เพียงพอที่จะสื่อสารกับพวกเราและรุ่นพี่ระดับราชาคนอื่นๆได้หากเจ้าไม่รังเกีย จก็เรียกข้าว่าพี่ใหญ่เย่วเถอะ”เย่วหมิงพูดอย่างมีความสุข
เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
ด้วยพรสวรรค์ของเยู่เทียน เขาจะต้องเป็นราชาไร้เทียมทานในอนาคตและความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเยวกับเย่เทียนนั้นค่อนข้างดีในอนาคตเขาต้องพึ่งพาเย่เทียนตอนนี้เย่วหมิงจึงต้องการสานสัมพันธ์กับเย่เทียนไว้
“แล้ว… พี่เย่ว มาหาข้าเรื่องอะไร? คงไม่ได้มาเพียงทักทายข้าหรอกใช่ไหม?”
เย่เทียนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ข้ามาหาเจ้าเพื่อเชิญเจ้าเข้าร่วมการประชุมระดับราชา!”เย่วหลิงกล่าว
“การประชุมระดับราชา? เชิญข้า?”
เย่เทียนประหลาดใจ
“ใช่!” เย่วหมิงพูดอย่างจริงจัง “พี่ใหญ่ต้องการเชิญเจ้าแต่ข้าไม่ใช่ข้าที่เชิญเจ้าจริงๆแต่เป็นเพราะเหล่าคนระดับสูงของฐานทะเลมาร เจ้าสังหารสัตว์อสูรราชาไปหนึ่งตัวด้วย 2 กระบวนท่าความแข็งแกร่งของเจ้าได้รับการยอมรับจากพวกเขาแม้แต่ราชาหยุนเม็งหลีก็ยังยอมรับตัวตน ของเจ้า ”
“แล้วการประชุมจะจัดขึ้นเมื่อไหร่?”
เย่เทียนเองก็อยากเข้าร่วมการประชุมระดับราชาเช่นกันมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะได้รู้ความลับเพิ่มเติมแม้แต่ข่าวของฐานทัพระดับสูงสุดเขาก็อาจจะได้รู้เพราะหากคนๆหนึ่งที่ไม่เข้าร่วมกับวงการใดๆไม่มีทางที่จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. ที่หอคอยเมฆาของตระกูลหยุนชั้นที่ 10! นี่คือบัตรเชิญ เจ้าเก็บมันไว้ให้ดี!”เย่วหมิงยื่นเทียบเชิญให้เย่เทียน และพูดคุยกันสองสามประโยคก่อนที่จะจากไป
“การประชุมระดับราชาไม่คิดเลยว่าเราจะได้เข้าร่วมเร็วขนาดนี้!”
เย่เทียนหยิบบัตรเชิญและยิ้ม
จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนทั้งคืน
วันต่อมา เย่เทียนมาถึงตระกูลหยุนตามเวลานัดหมายและเขาก็เห็นคนรู้จักคนหนึ่งซึ่งก็คือหยุนเฟิง
หยุนเพิ่งกลายเป็นระดับปรมาจารย์ด้วยพรสวรรค์ด้านคมดาบวายุระดับสูงสุดพลังการต่อสู้ของเขาจึงแข็งแกร่งโดยไม่อาจคาดเดา ด้วยความไร้ขอบเขตนี้เขาจึงกลายเป็นคือตัวตนที่แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์และเขาก็ยังมีพรสวรรค์ด้านความเร็วในระดับปานกลางในอนาคตคาดว่าเขาจะกลายเป็นปรมาจารย์ไร้เทียมทาน แต่ต้องใช้เวลาสิบถึงยี่สิบปี
เย่เทียนมองหยุนเฟิงแวบหนึ่งก่อนจะถอนสายตากลับมา ภายใต้การนําของคนรับใช้ของตระกูลหยุนเขาเดินเข้าไปในหอคอยเมฆาอย่างง่ายดาย
หอคอยเมฆาไม่ใช่สิ่งที่ที่คนธรรมดาจะสามารถเข้าไปได้ มีเพียงระดับราชาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอ
หยุนเฟิงสังเกตเห็นเย่เทียนเช่นกัน และเมื่อเย่เทียนเข้าไปในหอคอยเมฆาเขาก็ดึงคนรับใช้ ข้างๆและถามว่า “คนที่เพิ่งเข้าไปคือใคร? ข้าเห็นว่าเขาเป็นเพียงปรมาจารย์แล้วทําไมเขาถึงเข้า ไปในหอคอยเมฆาได้?
เมื่อคนรับใช้เห็นว่าผู้ถามคือนายน้อยหยุนเฟิงที่กําลังโด่งดังเมื่อเร็ว ๆ นี้มันจึงรีบกล่าวด้วยความเคารพว่า “นายน้อยหยุนเฟิง คนผู้นั้นคือปรมาจารย์ไร้เทียมทานเย่เทียน!”
“เป็นเขา!”
หยุนเฟิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ข่าวการสังหารสัตว์อสูรระดับราชาของเย่เทียนได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งฐานทัพทะเลมาร
เขาเองก็ได้ยินมาเช่นกัน
แต่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด ยิ่งได้ยินเช่นนี้ภายในใจของเขาก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
เขาเชื่อมั่นว่าหลังจากเขาบรรลุถึงจุดสูงสุดของขอบเขตปรมาจารย์แล้วเขาก็จะสามารถสั่งหารสัตว์อสูรระดับราชาได้เช่นกัน
“ข้าต้องรีบกลับไปฝึก ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่านี้!”
หยุนเฟิงคิดในใจ
เมื่อเข้าสู่หอคอยเมฆา ไม่นานเย่เทียนก็มาถึงชั้นที่สิบของหอคอย
ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถงชั้นที่ 10 สายตาของคนทั้งห้องก็หันมองมาทางเขา
เมื่อเห็นดังนั้นเย่เทียนก็สัมผัสได้ทันทีว่าคนทั้งห้องโถงใหญ่นี้ เป็นครูฝึกยุทธระดับราชาทุกคน
มีเพียงเขาคนเดียวที่เป็นปรมาจารย์ ซึ่งมันดูแตกต่างไปเล็กน้อย!