Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์ - บทที่ 168 เจตจํานงแห่งดาบสมบูรณ์แบบ!
บทที่ 168 เจตจํานงแห่งดาบสมบูรณ์แบบ!
เย่เทียนเคยพยายามหาพรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุดอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยพบเบาะแส
แม้แต่พรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงของเขาก็ยังได้มาจากโลกของสัตว์อสูร
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้เขาจะสามารถคัดลอกไปเป็นพรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุดอีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะต้องแลกด้วยพรสวรรค์ตัวตายตัวแทนที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก
พรสวรรค์ตัวตายตัวแทนไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาได้ แต่พรสวรรค์ด้านมิติระดับ
สูงสุดสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น สามารถใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาได้ในระยะไกลยิ่งขึ้นพลังของคมดาบมิติก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
“หลอมรวม!”
เย่เทียนเริ่มหลอมรวมพรสวรรค์ด้านมิติในทันที
เพียงไม่นาน
กระบวนการหลอมรวมก็เสร็จสิ้นลง เย่เทียนสามารถหลอมรวมพรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุดได้สําเร็จ!
เย่เทียนที่เหนื่อยล้าเริ่มใช้พรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุด ทันใดนั้นคลื่นพลังมิติก็กระจายออกไปปกคลุมพื้นที่หลายพันลี้และแช่แข็งพื้นที่ทั้งหมด
“มิตินั้นไหลตลอดเวลามันเหมือนกับอากาศการกักขังมิติก็คือการหยุดการไหลเวียนของอากาศผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอไม่สามารถเคลื่อนไหวภายใต้การกักขังมิติได้แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งก็ยังถูกลดความเร็วลง!”
เย่เทียนเข้าใจในทันที
นอกจากนี้การกักขังมิติและดาบมิติสามารถใช้ร่วมกันได้ ก่อนอื่นใช้ทักษะกักขังมิติก่อนจากนั้นใช้คมดาบมิติบดขยี้ร่างกายของศัตรูและสังหารศัตรูในการโจมตีเดียว
“เหตุผลที่สัตว์อสูรกลืนนภาตัวนั้นไม่ได้ใช้ดาบมิติเพื่อสังหารฉัน คงเป็นเพราะว่ามันกลัวผลพวงจากการสะท้อนกลับสัตว์อสูรกลืนนภาตัวนั้นฉลาดมากเห็นได้ชัดว่ามันคงถูกขอให้ช่วย
เหลือ แน่นอนว่ามันไม่ต้องการที่จะจ่ายในราคาแพงดังนั้นมันจึงไม่ได้โจมตีฉันเพียงแค่ช่วยสนับสนุนเท่านั้น!”เย่เทียนคาดเดา
ตอนนี้เขากําลังคิดว่า…
หากสัตว์อสูรกลืนนภาใช้ดาบมิติในขณะที่ใช้ทักษะกักขังมิติ แม้ว่าเขาจะใช้พรสวรรค์ตัว
ตายตัวแทนได้ทันเวลาเขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะคัดลอกพรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุดของมัน
ดังนั้นการที่เย่เทียนได้รับพรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุดมาในครั้งนี้นั้นทุกอย่างเป็นเพราะโชคอย่างแท้จริง
เย่เทียนที่มีพรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุดนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จากที่เขาคาดไว้ มีไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้
แม้แต่ระดับจักรพรรดิหากถูกโจมตีด้วยคมดาบมิติของเขาคงไม่อาจมีชีวิตรอดได้พลังของดาบมิติไม่ได้จัดเป็นพลังโจมตีแต่มันเป็นความเสียหายจากมิติระดับจักรพรรดิจึงไม่สามารถต้านทานดาบมิติของเย่เทียนได้เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นจะเหนือกว่าระดับจักรพรรดิที่สามารถเพิกเฉยต่อจากมิติ
แน่นอน
ระดับจักรพรรดิไม่สามารถต่อกรกับดาบมิติได้แต่พวกเขาก็สามารถหลบได้ความเร็วของดาบ
มิติของเย่เทียนยังไม่เร็วพอเขาไม่สามารถโจมตีระดับจักรพรรดิที่ทรงพลังได้
หลังจากพักผ่อนครึ่งวันเย่เทียนก็เปิดใช้งานพรสวรรค์ล่องหนมุ่งหน้าไปยังรอยแยกมิติ
ไม่นานเขาก็มาถึงรอยแยกและเห็นเหล่าจอมเวทย์ค่ายกลกําลังสร้างค่ายกลใหญ่ระดับสูงสุดขึ้นมาอีกครั้งแต่บนพื้นกลับมีซากศพของสัตว์อสูรเพิ่มขึ้นมาอีกกลุ่มนี่แสดงให้เห็นว่าหลังจากเขาจากไปที่นี่เกิดการต่อสู้ขึ้น
ตอนนี้เหล่าราชายืนอยู่ไกลมาก พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้รอยแยกมิติ
เย่เทียนไม่ได้ปรากฏตัวเพราะกลัวว่าเรื่องที่เขายังไม่ตายจะรู้ไปถึงหูสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิเขาเดินมาที่ด้านข้างของหยุนเมิ่งหลี่ และถ่ายทอดจิตสํานึกของเขาออกไป
“หยุนเมิ่งหลี่~~~’
เมื่อได้ยินเสียงของเย่เทียนหยุนเมิ่งหลี่ก็ตกใจ
เสียงนี้คุ้นมาก มันเป็นเสียงของเย่เทียน!
“ท่านเย่เทียน เป็นท่านอย่างนั้นหรือ?”หยุนเมิ่งหลี่กล่าวเสียงต่ํา
แต่เขาเห็นเย่เทียนถูกหอกสีทองแทงทะลุร่างกายศพของเย่เทียนตกลงสู่พื้นในตอนนี้ศพของเย่เทียนก็ยังถูกเก็บไว้อยู่
พวกเขาต่างมั่นใจว่าเย่เทียนตายแล้ว!
“ใช่แล้ว ฉันยังไม่ตาย ร่างที่ถูกหอกสีทองแทงทะลุนั้นเป็นศพปลอมที่ฉันสร้างขึ้นฉันใช้วิชาลับบางอย่างหลอกสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิเหล่านั้นหากมันคิดว่าฉันตายแล้วมันคงไม่รีบเร่งโจมตีรอยแยกมิตินี้อีกคุณห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปบอกได้แต่เพียงราชาชิงหวางและราชาเสวียนเท่านั้นเดิมทีฉันตั้งใจจะปิดบังพวกคุณเช่นกันแต่ไม่นานพวกคุณคงจะรู้เรื่องนี้จากฐานจงไห่อยู่ดีดังนั้นฉันจึงบอกเรื่องนี้แก่พวกคุณก่อน”เย่เทียนกล่าว
“ท่านเย่เทียน เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่ท่านยังไม่ตาย!”
หยุนเมิ่งหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถ้าเย่เทียนตายมันจะไม่มีประโยชน์ต่อฐานทะเลมาร หากเย่เทียนยังมีชีวิตก็สามารถกล่าวได้
ว่าทางทะเลมานั้นมีผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งหากมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นในอนาคตเขาจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเย่เทียนได้
“ฉันจะกลับไปที่ฐานทัพจงไห่แล้ว!”
เย่เทียนกล่าวค่าอ่าลา
หลังจากเย่เทียนจากไปหยุนเมิ่งหลี่ก็บอกข่าวนี้กับราชาชิงหวางและราชาเสวียน
ในตอนแรกทั้งสองคนไม่เชื่อคําพูดของหยุนเมิ่งหลี่แต่เมื่อพวกเขาตรวจสอบศพของเย่เทียนอย่างละเอียดพวกเขาก็เชื่อคําพูดนี้ในทันที
ไม่ว่าร่างเทียมจะสมบูรณ์แบบเพียงใดหากตรวจสอบอย่างละเอียดก็จะพบว่าศพนี้ไม่ใช่ศพมนุษย์เป็นศพที่ตายมานานแล้ว และยังมีกลิ่นอายของสัตว์อสูรอีกด้วย
ส่วนประกอบของสัตว์อสูรและกลิ่นอายของวัตถุดิบพิเศษบางอย่าง อีกทั้งร่างกายของมันยังมีร่องรอยการหลอมสร้างเห็นได้ชัดว่าเป็นศพที่ถูกหลอมขึ้นมา
เรื่องนี้รับรู้แต่เพียงหยุนเมิ่งหลี่ ราชาเสวียน และราชาชิงหวางเท่านั้น ส่วนราชาคนอื่นๆไม่รู้ว่าเย่เทียนยังมีชีวิตอยู่
ฐานจงไห่
หลังจากกลับมา เย่เทียนก็พาเย่หยูไปเดินเล่นในฐานจงไห่เป็นเวลาหลายวันจากนั้นเย่หยูก็กลับมาฝึกฝนอีกครั้ง
ในตอนนี้เย่เทียนเดินทางมายังหอคอยเทพสงคราม
เขามีจุดประสงค์อยู่หลายอย่าง
อย่างแรกเขาต้องการทําความเข้าใจกับรูปแบบค่ายกล และยกระดับเป็นจอมเวทย์ค่ายกล
ระดับสูงสุดด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถสร้างห้องฝึกฝนระดับสูงสุดขึ้นมาได้ความเร็วในการบ่มเพาะของเย่หยูจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
เป้าหมายที่สองคือการทําความเข้าใจจิตจํานงแห่งดาบ ตอนนี้พรสวรรค์ด้านดาบของเขาได้
กลายเป็นพรสวรรค์ระดับดาราแล้วด้วยความช่วยเหลือของศิลาเทพสงครามเขาจะสามารถทําความเข้าใจจิตจํานงค์แห่งดาบได้ถึง 10 ส่วนอย่างแน่นอน
การสามารถเข้าใจจิตจํานงค์แห่งดาบได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เขาจะสามารถฝึกฝนทักษะดาบระดับรองจนถึงขั้นสมบูรณ์ได้
และจุดประสงค์ที่สามของเขาคือการท้าทายหอคอยเทพสงครามอีกครั้ง!
ตอนนี้เขาอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาสามารถติดอันดับของระดับศักดิ์สิทธิ์ได้นอกจากนี้ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขาการท้าทายชั้น 8 และชั้น 9 ของหอคอยเทพสงครามจะไม่ทําให้ใครประหลาดใจนอกจากนี้การท้าทายหอคอยเทพสงครามยังได้รับคะแนนอีกเป็นจํานวนมากแล้วเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
มิติศิลาเทพสงคราม
เย่เทียนเริ่มทําความเข้าใจรูปแบบค่ายกลไปพร้อมๆกับการเปิดใช้งานทักษะเร่งเวลาขึ้น 3 เท่า
สามวันผ่านไป เย่เทียนสามารถเข้าใจรูปแบบค่ายกลได้ 200 รูปแบบและได้กลายเป็นจอมเวทย์ค่ายกลระดับสูงสุดอย่างเป็นทางการหลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาอีก 2 วันเพื่อทบทวนรูปแบบค่ายกลอีกครั้งจอมเวทย์ค่ายกลระดับสูงสุดสามารถจดจําค่ายกลได้ทั้งหมด 120 รูปแบบ ซึ่งก็เพียงพอที่จะสร้างห้องฝึกฝนระดับสูงสุดได้แล้ว
ถึงตอนนี้ เย่เทียนหยุดการทําความเข้าใจรูปแบบค่ายกล และเปลี่ยนมาเริ่มทําความเข้าใจเจจํานงแห่งดาบ
พรสวรรค์ด้านดาบระดับดาราและความช่วยเหลือจากศิลาเทพสงครามความเร็วในการเรียนรู้
ของเขามากกว่าเดิมถึงสิบเท่า ความเข้าใจในดาบนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของเขาทําให้เขาสามารถก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ห้าวันต่อมา เจตจํานงแห่งดาบของเย่เทียนก็ได้เข้าสู่ขอบเขตเจตจํานงดาบเก้าส่วนสิบห้าวันต่อมาเจตจํานงดาบของเย่เทียนได้เข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แบบ
“ตอนนี้เราเหลือคะแนนแค่เพียง 85 คะแนนเท่านั้น ถึงเวลาที่จะท้าทายหอคอยเทพสงครามอีกครั้งแล้ว!
เย่เทียนลุกขึ้นและออกจากมิติศิลาเทพสงคราม
จากนั้นเขาก็เข้าสู่ชั้น 8 ของหอคอยเทพสงครามในทันที
ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของเย่เทียน เขาสามารถฆ่านักรบชุดดําได้อย่างง่ายดายแต่คะแนนที่เขาได้รับกลับทําให้เขาหมดหนทาง”10 คะแนน!”
เย่เทียนเลยถามวิญญาณศาสตราวุธอย่างจนปัญญาว่า “ก่อนหน้านี้ข้าผ่านชั้นที่เจ็ดได้รับคะแนนถึง 32 คะแนน ตอนนี้ถ้าได้ผ่านชั้น 8 ทําไมได้เพียงแค่ 10 คะแนนเองล่ะ?”
“เย่เทียน ตอนที่เจ้าผ่านชั้นที่เจ็ดเจ้าเป็นระดับราชา ตอนนี้เจ้ากลายเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้วการจะผ่านชั้น 8 ได้นั้นเป็นเรื่องง่ายดายเป็นอย่างมากเกณฑ์การให้คะแนนที่ข้ากล่าวกับเจ้าใน ตอนแรกเป็นเพียงเกณฑ์ของระดับราชาตอนนี้ในเมื่อเจ้าเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้วข้าจะอธิบาย เกณฑ์ใหม่ให้เจ้าฟังอีกครั้งหากเจ้าผ่านชั้น 8 เจ้าจะได้รับ 10 คะแนนชั้น 9 20 คะแนน
ชั้น 10 40 คะแนน ชั้นที่ 11 80 คะแนน ชั้นที่ 12 160 คะแนน… และชั้นอื่นๆจะเป็นเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเจ้า ”
“เจ้าหมอนี่ช่างขี้งกจริงๆ!” เย่เทียนสบถในใจแต่เขาก็รู้ดีว่ากฎเช่นนี้สมเหตุสมผลแล้วถ้าระดับราชาและระดับศักดิ์สิทธิ์ใช้เกณฑ์การให้คะแนนเดียวกันมันเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลเกินไป