Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์ - บทที่ 83 เสี่ยวจ่อที่มีมูลค่าสูงเกินตัว!
หลังจากหลบหนีไปหลายสิบลี้
เย่เทียนและเสี่ยวจ่อก็หยุดพักถึงเวลาที่เสี่ยวจือจะต้องมอบหินปราณให้กับเย่เทียน
“เสี่ยวจือ หินปราณอยู่ที่ไหน?”
เย่เทียนถาม
เสี่ยวจ่อเปิดปากของนางอย่างไม่เต็มใจและคายถุงเก็บสมบัติออกมา
ถุงเก็บสมบัติใบนี้เย่เทียนมอบให้เสี่ยวลื่อใช้เก็บหินปราณชั่วคราว
เย่เทียนเปิดถุงเก็บสมบัติและนับอย่างระมัดระวัง “หินปราณ 412 ก้อนไม่เลวเลย!”
เย่เทียนกล่าวชื่นชม
ความแข็งแกร่งของเสี่ยวจอนั้นไม่มากนักและชั้นหินนั้นก็แข็งแรงมาก ด้วยความสามารถของเสี่ยวจ่อการขุดหาหินปราณได้ 412 ก้อนในเวลาอันสั้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
“พยายามให้มาก หลังจากกลับไป ถุงเก็บสมบัติใบนี้จะเป็นของเจ้า!”
เย่เทียนให้สัญญา
“นายท่าน ท่านพูดจริงหรือ?”
ร่างกายของเสียวจื้อสันเล็กน้อยไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความตื่นเต้น!
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นถุงเก็บสมบัติของชิ้นนี้สามารถเก็บสมบัติได้อย่างง่ายดายหากวันหน้านางพบสมบัติและใส่ไว้ในถุงเก็บสมบัติใบนี้มันจะสะดวกกว่าเดิมมาก!
ในอดีต แม้ว่านางจะพบเจอกับสมบัติมากมาย แต่เสี่ยวจ่อก็มิอาจนํามันไปได้ด้วยเพราะร่างกายของมันมีขนาดเล็กเกินไป จึงไม่อาจพกพาสิ่งของได้มากนัก
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว!
เจ้านายสัญญาจะมอบถุงเก็บสมบัติให้กับมัน มันจึงตื่นเต้นมาก
“นายท่าน ข้าจะพยายามหาสมบัติให้มากที่สุด!”
เสี่ยวจื่อให้คํามั่น
เย่เทียนยิ้มเล็กน้อย เขาเพียงหวังว่าเสี่ยวจือจะหาสมบัติได้มากกว่านี้ในเขตแดนลับเมื่อกลับออกไปอีกไม่นานเขาก็จะสามารถคัดลอกพรสวรรค์ของเสี่ยวจื่อได้
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็ไม่ต้องพึ่งพาเสียวจออีก
แน่นอนว่าเขาจะไม่ทิ้งเสี่ยวจื่อแต่จะมอบมันให้กับเย่หยู เย่หยุคงจะชอบเสียวจอมาก
“ไปกันเถอะ พวกเราไปหาสมบัติกันต่อ!”
เย่เทียนเร่งเร้า
“อืม นายท่าน ตรงนั่นมีสมบัติอยู่ชิ้นหนึ่ง !”
เสี่ยวจื่อเหมือนแปลงร่างเป็นโจรสาว และพาเย่เทียนออกไปหาสมบัติอย่างตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่หยุนเฟิงเข้าไปในอุโมงค์ที่พบสายแร่หินปราณ เขาก็ต้องตกตะลึง
ภายในอุโมงค์ทางเดินมีรูเล็ก ๆ อยู่มากมาย ดูจากร่องรอยแล้วหลุมเล็กๆบนชั้นหินเหล่านี้เห็นได้ชัดว่ามีคนกําลังขุดแร่อยู่คาดว่าน่าจะขุดหินปราณออกไปเป็นจํานวนมาก
“โจรบัดซบตัวไหนกล้าขุดเอาหินปราณของข้าไป?”
หยุนเพิ่งโกรธมาก เขาต้องต่อสู้กับทั้งผู้ฝึกยุทธและสัตว์อสูร กลับมีคนแอบลอบเข้ามาขุดหินปราณออกไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวแค่คิดก็หดหูแล้ว
แต่เมื่อเขาคิดว่ายังมีสมบัติทั้งหมดของเฮ่อเหลียนป้าและพวกของมันอารมณ์ของเขาดีขึ้นเล็ก
“โจรบัดซบนั่นน่าจะหนีไปแล้ว ข้ามองหาโดยรอบแต่ไม่มีเสียงใดๆเสียงชุดที่ได้ยินเมื่อครู่ก็ไม่มีแล้วฮั่มข้าไม่เชื่อว่ามันจะขุดหินปราณได้จํานวนมากในระยะเวลาอันสั้นหินปราณส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นของข้า!”
เมื่อคิดได้ดังนั้นหยุนเฟิงจึงเริ่มลงมือขุดทันที
ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้วอีกแค่เจ็ดแปดวันเท่านั้นเขาต้องใช้เวลาสองวันในการเดินทางกลับไปยังรอยแยกดังนั้นเขาจึงเหลือเวลาจริงๆแค่เพียง 5 วันเท่านั้นไม่ว่าอย่างไรภายในห้าถึงหกวันเขาจะต้องจากไปมิเช่นนั้นเขาจะติดอยู่ในเขตแดนลับเหมือนเอ๋อเหลียนป้าเป็นเวลาสิบปีหากเป็นเช่นนั้นเขาจะต้องบ้าตายแน่ๆ
ขุดมัน!
ขุด!
แล้วก็ขุด……
หยุนเฟิงขุดแร่หินปราณอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถขุดหินปราณได้ก่อนหนึ่งแต่ก็ได้ทําลายชั้นหินเสียหายอย่างรุนแรงจนทําให้อุโมงค์หลายแห่งพังทลายลง
เวลาผ่านไปห้าวัน หยุนเฟิงขุดแร่ปราณติดต่อกันและยังไม่ได้หยุดพัก
ตอนนี้ ร่างหยุนเฟิงเต็มไปด้วยฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั้งตัว ใบหน้าของเขาซีดเซียว ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“บ้าเอ๊ย ข้าทุ่มพลังไปมากมายแต่กลับขุดเอาหินปราณออกมาได้แค่ 500 ก้อน!” หยุนเฟิงรู้สึกหดหูมากมีข่าวลือว่าสายแร่หินปราณนี้มีหินปราณมากกว่า 10,000 ก่อนนี่เป็นเพียงสายแร่หินปราณขนาดเล็กหากเป็นสายแร่หินปราณขนาดใหญ่บางแห่งจะมีหินปราณอยู่หลายแสนก้อนแต่นั่นก็เป็นข่าวลือ
แต่ในครั้งที่แล้วมีบันทึกไว้อย่างละเอียดว่า มีคนขุดหินปราณในเขตแดนลับได้มากถึง 10,000 ก่อน!
ทําไมเขาถึงขุดได้แค่ 500 ก้อน?
ความแตกต่างระหว่าง 10,000 ก้อน และ 500 ก้อนมันแตกต่างกันเกินไป
“เจ้าโจรชั่วนั่นไม่มีทางจะขุดหินปราณได้มากนักในระยะเวลาอันสั้นอย่างมากมันก็ได้ไปแค่ 100 ก้อน ขนาดตัวข้าเองยังขุดได้แค่ 500 ก่อนเท่านั้นเหมืองหินปราณนี้มีหินปราณซ่อนอยู่ค่อนข้างลึกคาดว่าจะหลงเหลือหินปราณไม่ถึง 1,000 ก่อน!”
หยุนเพิ่งประเมิน
หินปราณ 1,000 ก้อนนั้นน้อยเกินไป มันไม่สอดคล้องกับข้อมูลของสายแร่หินปราณหยุนเฟิงคาดเดาไปว่าสัตว์อสูรตัวนั้นคงจะกินหินปราณไปเป็นจํานวนมากมีเพียงคําอธิบายนี้เท่านั้นจึงจะสมเหตุสมผล
ถ้าเขารู้ว่าเย่เทียนแอบขุดเอาหินปราณไปมากกว่า 2,000 ก้อน เขาคงจะโกรธคนบ้าคลั่งและคงจะรีบกลับไปที่รอยแยกของมิติแทนที่จะขุดหินปราณต่อ
ตอนนี้เย่เทียนไม่ได้ให้เสี่ยวจื่อหาสมบัติแล้ว เขารีบมุ่งหน้ากลับไปยังรอยแยกของมิติ
หลายวันมานี้ เย่เทียนเก็บเกี่ยวสมบัติได้ไม่น้อยกว่าการเก็บเกี่ยวแร่หินปราณเลย
ด้วยคําแนะนําของเสียวซื้อบวกกับสภาพแวดล้อมของที่เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ทางธรรมชาติของเขตแดนลบความเร็วในการรวบรวมสมบัติของของเย่เทียนนั้นน่าเหลือเชื่อมาก
เขารวบรวมสมุนไพรอายุกว่า 1,000 ปีได้มากกว่า 50 ต้น และยังมีสมุนไพรจํานวนมากที่อายุน้อยกว่า 1,000 ปี
นอกจากนี้เขายังพบสมุนไพรล่าค่าถึงสามต้นที่สามารถเพิ่มพรสวรรค์ในการบ่มเพาะและหญ้าวิญญาณน้าแข็งที่สามารถเพิ่มพรสวรรค์ประเภทน้าหรือน้าแข็งซึ่งเหยูก็มีพรสวรรค์ประเภทน้ํา แข็งพอดี
“แค่นี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว!”
เย่เทียนกล้ารับประกันว่าไม่มีใครที่ได้รับผลประโยชน์ไปมากกว่าเขา ในบรรดานักรบผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่เข้าสู่เขตแดนลับในครั้งนี้ แม้แต่หยุนเฟิงที่โชคดีมากก็เทียบเขาไม่ได้
ทางออกของรอยแยกมิติ
ผู้ฝึกยุทธที่มีชื่อเสียงรีบมุ่งหน้ามายังทางออกรอยแยกอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกยุทธหลายคนไม่มีถุงเก็บสมบัติ พวกเขาแบกกระเป๋าใบใหญ่อยู่บนหลังแต่ที่นี่มีคนแข็งแกร่งของตระกูลต่างๆอยู่ค่อนข้างมากจึงไม่มีใครกล้าปล้นหรือต่อสู้กันมิฉะนั้นหลังจากออกไปแล้วจะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน
รูป!!!
ในเวลานี้เย่เทียนก็มาถึงรอยแยกมิติและพุ่งเข้าไปในรอยแยกมิติ ออกมาถึงโลกภายนอก
“เย่เทียน ทางนี้!”
เสียงของเย่วหลิงดังขึ้น
เย่เทียนรีบวิ่งเข้าไปภายในเรือเหาะเห็นวายุของตระกูลเย่ว
“ได้อะไรมาบ้าง?” เย่วหลิงถามด้วยความสงสัย
“ก็ยังพอใช้ได้!” เย่เทียนพยักหน้า
ในตอนนั้นเอง สายตาของเย่วหลิงก็เหลือบไปเห็นเสี่ยวจื่อ เธอตกใจมาก
“นี่..หรือว่านี่จะเป็นหนูทองม่วง?
เย่วหลิงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ใช่แล้ว”
เย่เทียนกล่าว
เย่วหลิงมีความรู้มากมาย จึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะต้องรู้จักหนูทองม่วงเขาไม่แปลกใจเลย
“เย่เทียน คุณรู้หรือไม่ว่าหนูทองม่วงมีค่ามากแค่ไหน? แต่คุณกลับกําราบมันได้”เย่วหลิงรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
“มันแพงแค่ไหน?” เย่เทียนเองก็อยากรู้เช่นกัน
“100,000 ล้านนี้คือมูลค่าในตลาด! เพราะหนูทองม่วงไม่ได้หาเจอได้ง่ายนักและด้วยพรสวรรค์ของหนูทองม่วง การจะตามหาสมบัติจึงง่ายดายกว่าเดิมมาก
นอกจากนี้เจ้าหนูทองม่วงตัวนี้น่าจะต้องเคยกินสมบัติที่ช่วยเพิ่มพรสวรรค์ทางสายเลือดของมันพรสวรรค์ทางสายเลือดของมันคงไม่ต่ํากว่าระดับสูงอย่างแน่นอนราคาของมันจะต้องแพงกว่านี้มาก ฉันขอซื้อมันในราคา200,000 ล้านหยวนคุณจะขายหรือไม่?”
เย่วหลิงกล่าว
เมื่อเสียวจือได้ยินการสนทนาของเย่เทียนและเย่วหลิง ร่างกายของนางสันเทิมและกล่าวอย่างประหม่าว่า”นายท่าน อย่าขายเสี่ยวจอเลยเจ้าค่ะ!”