ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 698 ให้ถ่านกลางหิมะ
“เกมพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้วเหรอครับ ผมขอลองเล่นดูได้มั้ย” ชิวหงถาม
เจี่ยงฟานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ได้ครับ”
หลังจากนั้น เขาก็เปิดเกมแนวทางเอาตัวรอดสำหรับวัยทำงานในโน้ตบุ๊กแล้ว
เลื่อนให้ชิวหงลองเล่น
เจี่ยงฟานยังรู้สึกสองจิตสองใจอยู่หน่อยๆ
จนถึงตอนนี้ เกมแนวทางเอาตัวรอดสำหรับวัยทำงานคืบหน้าไปแค่นิดเดียว
เกมนี้เป็นเกมเพื่อการศึกษา ซึ่งหมายความว่าด้วยเนื้อหาเกมแค่เท่านี้ คนอื่น
อาจจะไม่เข้าใจระบบการเล่นหลักและไม่สามารถสัมผัสถึงความสนุกของเกมได้
แม้แต่นิดเดียว
ด้วยเนื้อหาที่มีตอนนี้ ตัวเกมไม่ได้ใกล้เคียงความสนุกที่ตั้งเป้าเอาไว้เลย
เพราะเป็นเกมที่ควรเล่นตอนเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
แต่ในเมื่อชิวหงอยากลองเล่น เจี่ยงฟานก็ปฏิเสธไม่ได้
การอธิบายตัวเกมอย่างเดียวไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างได้หมด ชิวหงต้องลอง
เล่นเกมดูด้วยตัวเองถึงจะสามารถจินตนาการถึงความสนุกตามที่ควรจะเป็นได้
ถ้ามีสไลด์นำเสนอก็จะดีกว่าอธิบายปากเปล่า และถ้ามีเกมให้เล่นก็ย่อมดีกว่า
การเตรียมสไลด์นำเสนอมาเพราะงั้นเจี่ยงฟานจึงกัดฟันยอมให้ชิวหงลองเล่นเกมดู เขานั่งลงข้างๆ และ
คอยจับตาดูเผื่อว่ามีบั๊กหรือช่องโหว่อะไรจะได้เข้าไปแก้ทันที
ชิวหงเริ่มเล่นเกมอย่างจริงจัง
นี่คือเกมเพื่อการศึกษาที่วางกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยทำงานทั่วไป ทรัพยากรงาน
ภาพหลักๆ เป็นภาพสองมิติ ระบบการเล่นน่าสนใจ การพัฒนาตัวละครและ
พล็อตเรื่องมีความเหมาะสม
เพราะตัวเกมมีบั๊กค่อนข้างเยอะ ทรัพยากรงานภาพเป็นของใช้ชั่วคราว เนื้อ
เรื่องกับระบบยังไม่สมบูรณ์ และข้อด้อยจุดอื่นๆ ทำให้กระทบกับประสบการณ์
การเล่นที่ได้รับพอสมควร
เจี่ยงฟานซึ่งคอยอธิบายเกี่ยวกับตัวเกมอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะยกมือเช็ดหน้า
ผากไปด้วย
เขาไม่มีทางเลือกอื่น ชิวหงเป็นคนให้ทุน เพราะงั้นก็ถือว่าเป็นบอสของเขา!
เจี่ยงฟานพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ถ้าบอสชิวไม่พอใจจุดไหนแล้วตัดสินใจไม่
ลงทุนขึ้นมา เขาได้เจอปัญหาใหญ่แน่
เงินทุนที่สตูดิโอเหลืออยู่ตอนนี้พอใช้ไปอีกอย่างมากก็แค่หนึ่งเดือน ดูจาก
สถานการณ์ปัจจุบันแล้ว พวกเขาไม่น่าจะมีเงินทุนเหลือพอสร้างเกมจนเสร็จได้
ถ้าบอสชิวตัดสินใจไม่ลงทุน สตูดิโอก็ต้องอยู่ว่างๆ กินแกลบไปพักหนึ่ง ยิ่งถ้า
เกมขายไม่ได้เพราะทำไม่เสร็จ สตูดิโอก็จะสูญเสียทุกอย่าง ทรัพยากรทั้งหมดจะ
เสียทิ้งไปเปล่าๆสำหรับผู้พัฒนาเกมส่วนใหญ่ การเปิดตัวเกมคือโอกาสเพียงครั้งเดียว
ถ้าปล่อยเกมออกไปแล้วเป็นที่นิยม สตูดิโอก็แค่พยายามไม่ทำอะไรเสี่ยงๆ
และคอยอัปเดตเนื้อหาเพื่อทำเงินเพิ่ม
แต่ถ้าปล่อยออกไปแล้วเกมไม่เป็นที่นิยม ถึงจะปรับแต่งและแก้ไขยังไง ก็ไม่มี
ทางทำให้คนกลับมาซื้อได้
มีกรณีตัวอย่างน้อยมากที่สร้างชื่อได้จากการปรับแก้และพัฒนาเกมไปเรื่อยๆ
เพราะยังไงก็ไม่มีใครบอกได้ว่าความล้มเหลวของเกมมาจากความไม่สมบูรณ์
หรือแก่นของเกมไม่ดีพอตั้งแต่แรก
การลงทุนทรัพยากรต่อในโปรเจ็กต์ที่ล้มเหลวมีความเสี่ยงสูงเกินไป และมี
ผู้พัฒนาแค่ไม่กี่รายที่กล้าเดิมพันกับความเสี่ยงนั้น
นี่คือกรณีที่เรียกว่า เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ[1]
ดังนั้นจำนวนเงินที่ชิวหงจะลงทุนในวันนี้สามารถตัดสินชะตากรรมของเกม
แนวทางการเอาตัวรอดของวัยทำงานและสตูดิโออิงเถาได้ในระดับหนึ่ง
ชิวหงไตร่ตรองอย่างจริงจังสุดๆ ระหว่างลองเล่นเกม
ถึงจะเคยทุ่มเทเต็มที่กับการทำเกมเน้นระบบเติมเงิน แต่เขาก็ยังมี
ความสามารถมากพอที่จะประเมินเกมสแตนด์อโลน
สำหรับเขาแล้ว เกมนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่โอกาสนั้นไม่ได้สูงนัก
เพราะระบบการเล่นแบบนี้ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนถึงตัวเกมจะเป็นเกมเพื่อการศึกษา แต่ก็แตกต่างจากเกมเพื่อการศึกษาใน
ตลาด ระหว่างการเล่นมีมินิเกมเพิ่มเข้ามา จึงทำให้เกมมีความน่าสนใจขึ้น
ที่ทำให้ชิวหงประทับใจมากกว่านั้นคือการนิยามคำว่า ‘ทาสบริษัท’ ที่ชัดเจน
มากๆ มองผิวเผินอาจจะดูเป็นมุกล้อเลียนขำๆ แต่ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึง
ความขมขื่น
เห็นได้ชัดว่าเจี่ยงฟานถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานส่วนตัวเข้าไปในเกม
ด้วย ไม่อย่างนั้นชิวหงคงไม่เข้าใจคำนิยามของทาสบริษัทในเกมได้ง่ายดายขนาด
นี้
โปรเจ็กต์นี้ตรงกับแนวทางของบอสเผยเลย!
ถ้าจะบอกว่าโปรเจ็กต์นี้ไม่น่าเชื่อถือ ตัวเกมก็ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจและ
แปลกใหม่ แม้ตัวเกมโดยรวมจะยังไม่สมบูรณ์ แต่เค้าโครงภาพรวมก็มีแล้ว ตัว
ผู้พัฒนาอย่างเจี่ยงฟานเองก็เคยทำเกมอินดี้ที่ประสบความสำเร็จมาก่อน
แต่ถ้าจะบอกว่าโปรเจ็กต์นี้น่าเชื่อถือ เจี่ยงฟานก็เป็นนักกฎหมายที่เพิ่งผันตัว
มาพัฒนาเกม ทีมงานอีกสามคนก็ไม่ได้มีพื้นฐานเรื่องการวางแผนและวางกลยุทธ์
ที่แน่นมาก การปล่อยให้พวกเขาพัฒนาเกมกันเองมีความเสี่ยงสูงมาก และไม่มี
อะไรการันตีได้ว่าเกมจะตรงกับรสนิยมของเกมเมอร์ในปัจจุบัน
แถมโปรเจ็กต์นี้ยังขาดแคลนเงินทุนด้วย เรียกได้ว่าใกล้จะไปถึงทางตันแล้ว
ก็เท่ากับตรงกับเงื่อนไขของโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานหมดเลยสิคิดได้แบบนั้น ชิวหงก็ตัดสินใจไม่เล่นเกมต่อ แล้วพูดขึ้นทันที “ดีเลยครับ!
โปรเจ็กต์ของคุณตรงกับแนวทางของโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลาน เราตัดสินใจลงทุน
ครับ!
“คุณคิดว่าต้องการทุนเพิ่มอีกเท่าไหร่ถึงจะทำโปรเจ็กต์นี้จนสำเร็จได้โดยที่
ยังคงคุณภาพไว้ตามเดิม”
เจี่ยงฟานอึ้งไป เขาไม่รู้จะโต้ตอบยังไงไปครู่หนึ่ง
ตัดสินใจลงทุนง่ายๆ แบบนี้เลยเรอะ
ด่วนตัดสินใจไปรึเปล่า
เราเริ่มคุยกันได้ยังไม่ถึงสามสิบนาทีเลยนะ!
เวลานักลงทุนคนอื่นพิจารณาเรื่องการลงทุน พวกเขามักจะอ้อมค้อม ไม่ยอม
เข้าประเด็นหลักอยู่พักใหญ่ พอเริ่มเจรจาเรื่องสัญญาก็จะขอเพิ่มข้อกำหนดและ
ต่อรองกันอีกยกใหญ่ ทำเอาเจี่ยงฟานเหนื่อยอ่อน
แต่บอสชิวกลับพูดคุยแค่ไม่กี่ประโยคและลองเล่นเกมอยู่สิบนาทีก็ตัดสินใจ
ลงทุนเลย ซึ่งในสิบนาทีนั้นก็เจอทั้งบั๊กและจังหวะเกมหน่วงด้วย
เจี่ยงฟานอดทึ่งขึ้นมาไม่ได้ หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขาก็พูดขึ้น “บอสชิว
ครับ จากความคืบหน้าในตอนนี้ ผมคิดว่าเราต้องการเงินอีกสี่แสนหยวนครับ!”
ชิวหงพยักหน้า “โอเคครับ งั้นเราจะลงทุนห้าแสนหยวนเพื่อให้แน่ใจว่าเกม
จะออกมาสมบูรณ์แบบ!“แต่ผมมีข้อกำหนดอยู่สองอย่าง
“หนึ่ง เกมต้องซื้อทีเดียวจบ ห้ามมีการให้ใช้เงินจริงซื้อของในเกมอีก
“สอง เมื่อเกมวางขาย ทำยอดได้ถึงเกณฑ์ต่ำสุดที่จะคืนทุน และเริ่มทำกำไร
ได้ เราจะแบ่งกำไรตามสัดส่วนการลงทุนของเรา ซึ่งจากสัดส่วนในตอนนี้… เราจะ
แบ่งกำไรที่ 30%”
เจี่ยงฟานอึ้งไป “แค่นี้เหรอครับ”
ชิวหงพยักหน้า “แค่นี้ครับ ต้องมีข้อกำหนดอะไรอีกเหรอ”
เจี่ยงฟานถามด้วยความงุนงง “แล้วถ้าเกมล้มเหลวล่ะครับ ถ้าแม้แต่ทุนตั้งต้น
หกแสนหยวนยังหาคืนไม่ได้ล่ะ”
ชิวหงตอบ “เราจะขอแบ่งกำไรหลังจากที่คุณทำเงินคืนทุนหกแสนหยวนได้
แล้ว ถ้าทำกำไรไม่ได้ เราจะไม่รับส่วนแบ่งแม้แต่หยวนเดียว”
เจี่ยงฟานอึ้งกิมกี่
ฟังดูดีเกินไป เหมือนอีกฝ่ายโยนเงินมาให้เฉยๆ เลย
บริษัทลงทุนอื่นที่เจี่ยงฟานเคยเจอมาต่างต้องการมากกว่าส่วนแบ่งกำไร
หลายบริษัทอยากได้หุ้นส่วนในสตูดิโออิงเถาด้วย บางเจ้าใจเด็ดถึงขนาดขอให้ผู้
เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกัน
เมื่อเทียบกับบริษัทพวกนั้น บอสชิวเป็นเหมือนนักบุญมาโปรด!
ถ้ารับเงินห้าแสนหยวนนี้มา สตูดิโออิงเถาก็ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไรถ้าเกมทำเงินคืนทุนไม่ได้ บอสชิวก็ไม่ได้ให้สตูดิโอจ่ายเงินคืนแม้แต่หยวน
เดียว ซึ่งเท่ากับให้เงินห้าแสนหยวนมาเปล่าๆ แต่ถ้าเกมทำกำไรได้ บอสชิวจะขอ
แบ่งกำไรแค่ 30% ซึ่งก็หมายความว่าสตูโออิงเถาจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า
เงื่อนไขเหล่านี้ดีเกินไปจนเจี่ยงฟานยากจะทำใจเชื่อ
ชิวหงยิ้ม “สรุปคือคุณค่อยๆ พิจารณาเงื่อนไขให้รอบคอบก่อนได้ ถ้ามีปัญหา
ตรงไหนก็บอกได้เลยครับ”
เจี่ยงฟานรีบพยักหน้า “แน่นอนว่าไม่มีปัญหาเลยครับ! แต่… เงื่อนไขของบอส
ชิวดีจนผมแทบไม่อยากเชื่อเลย…
“แน่ใจนะครับว่าคุณไม่ได้กำลังทำการกุศลอยู่”
ชิวหงยิ้ม “ผมไม่ได้เป็นคนวางเงื่อนไขพวกนี้ บอสของผมต่างหากที่เป็นคน
วาง
“บอสของผมเป็นคนกำหนดเงื่อนไขไว้ล่วงหน้า แถมยังกำหนดด้วยว่าบริษัท
แบบไหนควรลงทุน ควรแบ่งกำไรเท่าไหร่ และอื่นๆ
“ผมแค่ทำตามคำสั่งบอส
“ว่ากันตามตรงแล้ว บอสของผมเป็นคนริเริ่มโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานขึ้นมา
และเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมด
“สตูดิโอของคุณเข้าเกณฑ์ทุกอย่าง ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอบคุณบอสผม
ดีกว่า”ไม่รู้ทำไม พอได้ยินชิวหงบอกแบบนั้น เจี่ยงฟานก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ
เหมือนได้สัมผัสลมฤดูใบไม้ผลิที่พาใจชื่นบาน
รู้สึกเหมือนเดินอยู่กลางหิมะมาเป็นเวลานานแล้วจู่ๆ ก็มีคนยื่นเสื้อโค้ต
ตัวหนาให้
การทำเกมอินดี้นั้นโดดเดี่ยวมาก กำลังคนมีจำกัด ต้องคอยจัดการกับบั๊กนับ
ไม่ถ้วนที่ทยอยผุดขึ้นมาเรื่อยๆ นับวันยิ่งรู้สึกห่างไกลจากเส้นชัยเข้าไปทุกที จะขอ
ความช่วยเหลือจากคนในวงการเดียวกันหรือนักลงทุนต่างๆ ก็ยากแสนยาก
ถ้าได้เริ่มทำเกมอินดี้แล้วก็ถอยหลังกลับไม่ได้อีก
สตูดิโอส่วนใหญ่ที่พัฒนาเกมอินดี้ยุบหายไปเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ บริษัทที่
ประสบความสำเร็จ ทำกำไรได้ และบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้หาได้ยากมาก
แต่ตอนนี้โปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานทำให้เจี่ยงฟานรู้สึกไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
มีคนยอมยื่นมือมาช่วยเขาเงียบๆ!
เจี่ยงฟานรู้สึกตื้นตันใจสุดๆ จึงถามขึ้น “บอสชิวครับ ผมขอถามได้มั้ยว่าบอส
คุณคือใคร”
ชิวหงยิ้ม “ขอโทษด้วยครับ ผมบอกไม่ได้ ต้องเก็บเป็นความลับ แต่บอสผม
เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในวงการเกม คุณเองก็น่าจะเคยได้ยินชื่อเขามาก่อน”
เจี่ยงฟานอึ้งไปอีกครั้ง
ทำดีโดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม? มีคนประเสริฐสุดๆ แบบนี้อยู่จริงๆ เหรอโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานวางตัวไว้เป็นโปรเจ็กต์ลงทุน แต่จริงๆ มุ่งเน้นให้
ความช่วยเหลือมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะต้องเสียเงินเป็นจำนวน
มาก
ถ้าไม่ได้ทำไปเพราะหวังผลกำไร ก็น่าจะเพราะหวังชื่อเสียง
แต่บอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกลับไม่ได้แสวงหาทั้งผลกำไรและชื่อเสียง เขาทำ
ไปเพราะประสงค์ดีจริงๆ ทำไปเพราะแค่อยากช่วยเหลือการพัฒนาเกมสแตนด์
อโลนในประเทศเหรอ
ช่างสูงส่งและจิตใจกว้างใหญ่จริงๆ!
ในวงการเกมจีนมีบิ๊กบอสหลายคน เจี่ยงฟานเลยไม่แน่ใจว่าเป็นคนไหน แต่
เขาก็รู้สึกเคารพยกย่องสุดหัวใจ
ชิวหงลุกยืน “ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับไปเตรียมเรื่องสัญญาก่อน
เซ็นสัญญากันเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะโอนเงินให้ทันที”
ทุกคนในสตูดิโอผิงเถารีบลุกขึ้นยืน “ได้ครับบอสชิว พวกเราจะตั้งใจเต็มที่ใน
การพัฒนาเกมแนวทางการเอาตัวรอดสำหรับวัยทำงานครับ!”
ชิวหงพยักหน้ารับพลางยิ้มให้ ก่อนจะกลับออกจากสตูดิโอผิงเถา
ไม่รู้ทำไม ในใจของเขารู้สึกดีมากๆ
สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ดูจะมีความหมายมากกว่าทุกสิ่งที่ทำมาตลอดสอง
สามปีที่ผ่านมาหลายเท่าคนหนุ่มสาวในสตูดิโอผิงเถาทำให้ชิวหงนึกถึงตัวเขาเมื่อหลายปีก่อน
เขาในตอนนั้นเต็มไปด้วยความฝันและแรงผลักดันเหมือนกับคนพวกนี้
แต่คนหนุ่มสาวเหล่านี้โชคดีกว่าเขาในตอนนั้น
ถ้าตอนนั้นมีโปรเจ็กต์แบบโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลาน เขาอาจจะยืนหยัดใน
เส้นทางสายเกมสแตนด์อโลนต่อก็ได้
ชิวหงมุ่งหน้าไปยังสตูดิโอถัดไปด้วยใจที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันท่วมท้น
[1] เปรียบได้กับ ความลำบากเพียงเล็กน้อยแต่กลับทำให้เรื่องสำคัญดำเนิน
ต่อไปไม่ได้