ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 782 พระแม่ธรณี
ฉินมู่ยิ้มน้อยๆ และให้กิเลนมังกรกับกิเลนวารีรออยู่ข้างนอก “น้องชายที่นับถือ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
กงซุนเอี้ยนเดินนำทาง ขณะที่วิญญูชนสวรรค์อวี้ติดตามฉินมู่เข้าไปในราชวังธรณีด้วยทีท่าอันเหม่อลอย
ข้างนอกโถงวัง กิเลนวารีก้มศีรษะลงไปด้วยความกลัว และไม่กล้ามองไปยังมังกรเฒ่า เขาก็ยังไม่กล้าโงหัวขึ้นมามองนกหงส์เพลิงเสียด้วยซ้ำ
หงส์เพลิงยืนอยู่ตรงหน้ากิเลนทั้งสอง และจิกไซ้แต่งขนของนางอย่างเยือกเย็น ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ร่างของมังกรเฒ่ากระหวัดรัดรอบต้นเสา และเขาก็ห้อยหัวลงมาจ้องพวกเขาด้วยสายตาอันพร่าเลือนราวกับว่ากำลังระแวดระวังหัวขโมย ศีรษะของเขาใหญ่โตเสียยิ่งกว่าศีรษะของกิเลนมังกรและกิเลนวารีมาผนวกกัน
กิเลนวารีหัวใจเต้นระรัวมากขึ้นอีก ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น กิเลนมังกรกำลังคุ้ยหาไปมารอบๆ และนำเอายาวิญญาณออกมาจำนวนหนึ่งจากที่ไหนสักแห่ง เขาถามมังกรเฒ่า “ท่านกินนี่หรือเปล่า”
กิเลนวารีร่ำไห้ออกมาอย่างขมขื่นกับตนเอง กระนั้นเขาก็เห็นมังกรเฒ่าผ่อนคลายร่างกายและเลื้อยลงมาจากต้นเสา เขาแปลงกายเป็นผู้เฒ่าหัวมังกรและรับยาวิญญาณไปชิมหนึ่งเม็ด เขาชมเปาะทันที “แปลกใหม่อะไรอย่างนี้! เจ้าตัวน้อย ทำไมเจ้ายังไม่แปลงเป็นร่างมนุษย์ล่ะ เจ้านั้นยังคงดำเนินไปตามมรรคาของครึ่งเทพบรรพกาล ที่อาศัยอาหารมาทำให้เติบโต มรรคานี้ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เรื่อง มีก็แต่เจ้าแปลงร่างเป็นมนุษย์เท่านั้นจึงจะสามารถมีสมบัติเทวะและปราสาทสวรรค์ มีก็แต่แบบนี้เจ้าจึงจะฝึกวรยุทธได้”
กิเลนมังกรปรึกษาขอความรู้จากเขาอย่างขะมักเขม้น “จ้าวลัทธิได้สอนวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาแก่ข้า และเขากล่าวว่ามันคือวิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิ แต่ทว่า เมื่อข้าฝึกๆ มันไป ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จ้าวลัทธิบอกว่าเป็นเพราะสายเลือดกิเลนในตัวข้าจึงทำให้วิชาฝึกปรือนั้นไม่เหมาะกับข้า”
มังกรเฒ่ากล่าว “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ มังกรทั้งหลายถือกำเนิดจากสายแร่มังกร และข้าเองก็เกิดจากสายแร่มังกรเช่นกัน วิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนานั้นเป็นวิชาฝึกปรือที่ล้ำเลิศที่สุดแล้ว แต่ทว่าเจ้ามีโลหิตของกิเลนอยู่ในสายเลือด ดังนั้นจึงยากที่เจ้าจะฝึกปรือวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา ข้าไม่มีวิชาฝึกปรือของเผ่ากิเลน แต่ที่นี่มีกิเลนมากมาย พวกเราสามารถไปตามหาพวกเขาเพื่อที่จะขอวิชาฝึกปรือระดับสุดยอดสักหน่อย ตามข้ามา!”
กิเลนมังกรตามเขาไป
กิเลนวารีจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ
มังกรเฒ่าพวกเขาไปยังข้างหน้าสุสานจักรพรรดิ และเขาก็ตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดัง “ผู้พิทักษ์หลู ผู้พิทักษ์หลู!”
กิเลนหินค่อยๆ สลัดเปลือกหินของมันออกไป และแปรเปลี่ยนไปเป็นกิเลนไฟอันยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม “ราชามังกรเรียกข้าทำไมหรือ”
“มีเจ้าตัวน้อยอยู่ตรงนี้ที่มีทั้งสายเลือดของเผ่ามังกรของข้า และเผ่ากิเลนของเจ้า แต่ทว่า เขาไม่มีวิชาฝึกปรือสำหรับเผ่ากิเลน เจ้าสอนเขาสักหน่อยสิ”
มังกรเฒ่ากล่าว “ข้ากินยาวิญญาณของเขา ดังนั้นข้าจึงต้องตอบแทนเขาสักเล็กน้อย”
กิเลนไฟมองไปยังกิเลนมังกรและกล่าว “ที่แท้เจ้าก็คือเด็กเมื่อครู่นี้ เจ้ายังมียาวิญญาณอีกไหม”
กิเลนมังกรรีบนำยาวิญญาณออกมาจำนวนนึ่งและกล่าว “เมื่อสักครู่ข้าเห็นพี่ท่านทั้งห้าวหาญและทรงอำนาจ ข้าจึงไม่กล้าเข้าไปสนทนา”
กิเลนไฟพึงใจอยู่ไม่น้อย “พวกข้าถูกสั่งให้พิทักษ์คุ้มกันสุสานจักรพรรดิ ดังนั้นพวกข้าจึงย่อมต้องห้าวหาญทรงอำนาจ”
ทันใดนั้น กิเลนตรงหน้าสุสานจักรพรรดิอื่นๆ ก็กลับมามีชีวิต และพวกเขาก็เหาะมาบนเมฆมงคลเพื่อลงจอดรอบๆ กิเลนมังกร พวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “หอมอะไรอย่างนี้ หอมอะไรอย่างนี้!”
กิเลนมังกรนำเอายาวิญญาณมาให้พวกเขามากขึ้นอีก “เมื่อข้าผ่านมาก่อนหน้านี้ ข้าเกือบจะฉี่ราดเมื่อเห็นพี่ใหญ่ทั้งหลายน่าเกรงขามขนาดไหน”
กิเลนเหล่านั้นยินดีกับคำยกยอของเขา และหัวเราะออกมา “พวกเราอยู่ที่นั่นเพื่อข่มขวัญเจ้าอย่างไรล่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้หัวขโมยหน้าไหนแอบลอบเข้ามา”
กิเลนมังกรนำเอายาวิญญาณทั้งหมดของเขาออกมา และยังแบ่งมอบให้กับมังกรเฒ่าอีกรอบด้วย
ทุกคนกลายเป็นพี่น้องกับกิเลนมังกรและก็กลายเป็นคึกครื้นอย่างยิ่ง
กิเลนมังกรรู้สึกซาบซึ้งใจ โชคดีว่าจ้าวลัทธิได้หลอมปรุงยาอันเป็นที่ถูกปากของทั้งสองเผ่าพันธุ์ ก็เพราะว่าข้ามีทั้งสายเลือดของมังกรและกิเลน แบบนี้ข้าถึงตีสนิทกับพวกเขาได้
“น้องชาย สายเลือดของเจ้ามีทั้งของเผ่ากิเลนและเผ่ามังกร ทำให้มันค่อนข้างจะยุ่งยากอยู่สักหน่อย มิน่าล่ะเจ้าถึงยังแปลงร่างไม่ได้สักที”
หนึ่งในครึ่งเทพเผ่ากิเลนกล่าว “หากว่าเจ้าฝึกวิชาฝึกปรือทั้งสองชนิดพร้อมๆ กัน ก็ยากที่เจ้าจะเชี่ยวชาญทั้งคู่ ให้พวกเราเปลี่ยนแปลงวิชาฝึกปรือให้เจ้าดีกว่า”
ตรงหน้าราชวัง กิเลนวารีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา เมื่อเขาเห็นคนใหญ่คนโตในบรรดาครึ่งเทพเหล่านั้นเข้ามาห้อมล้อมกิเลนมังกรและสอนเขาถึงการฝึกวรยุทธ พวกเราเป็นสัตว์ขี่กันทั้งคู่ แต่ทำไมเขาถึงไปร่วมวงสังคมชั้นสูงแห่งครึ่งเทพได้ภายในพริบตา ขณะที่ข้าก็ต้องอยู่แต่ที่นี่และถูกนกหงส์เพลิงจ้อง…
หงส์เพลิงยังคงต้องไปที่เขา และจู่ๆ นางก็ถามอย่างละมุนละไม “เจ้ามียาวิญญาณไหม”
กิเลนวารีตอบไปตามสัตย์ “ข้าไม่มี”
หงส์เพลิงจึงเมินเฉยใส่เขาและจ้องจับผิดเขาต่อ
กิเลนวารีรู้สึกเศร้าใจ เมื่อไหร่นายท่านหลันถึงจะรู้วิธีการหลอมปรุงยา
ราชวังธรณีกว้างใหญ่จนเกินไป และเพียงแค่เดินผ่านประตูก็ใช้เวลาสักพักหนึ่ง นี่ทำให้ฉินมู่รู้สึกราวกับว่าได้หวนคืนกลับไปยังยุคสมัยอันเถื่อนถ้ำและดึกดำบรรพ์แห่งหลงฮั่น
วิญญูชนสวรรค์อวี้มองไปยังราชวังด้วยสายตาอันเหม่อลอยพลางพึมพำ “ข้าดูเหมือนจะเคยมาที่นี่มาก่อน สถานที่นี้คุ้นตาจริงๆ…”
ฉินมู่ชะลอฝีเท้าลงและถามด้วยความลุ้น “หรือว่าน้องชายที่นับถือจะจดจำอะไรได้บางอย่าง”
วิญญูชนสวรรค์อวี้ยิ่งคิดก็ยิ่งมึนงง เขาเคาะหัวตัวเองและส่ายหน้าไปมา “ข้าจำอะไรไม่ได้เลย…พี่ชาย ข้าคิดว่าข้าไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของท่าน!”
ใบหน้าของเขาขึงขังจริงจัง
ฉินมู่ระเบิดหัวเราะออกมา “เจ้าพูดอะไรของเจ้า แซ่ของเจ้าคือหลัน ส่วนแซ่ของข้าคือฉิน แน่นอนว่าพวกเราต้องไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กันอยู่แล้ว”
เขารีบติดตามกงซุนเอี้ยนและเพ่งพิศการจัดวางของโถงวังอย่างพิถีพิถัน การประดับประดาของโถงวังนั้นเรียบง่าย ไม่มีภาพจิตรกรรมปรากฏบนภาพผนัง มีก็แต่ภาพวาดจำนวนหนึ่งบนพื้นเรียบ
จิตวิญญาณดั้งเดิมข้างหลังฉินมู่ปรากฏ และมองลงมาจากที่สูง ถึงตอนนี้เขาจึงสามารถมองเห็นภาพวาดดังกล่าวได้อย่างชัดเจน
ภาพวาดนี้กว้างใหญ่อย่างมโหฬาร และหนึ่งในภาพวาดนั้นคือกำเนิดของฟ้าและดิน ต้นไม้มหึมาต้นหนึ่งถูกปลูกเอาไว้ในแผ่นดินโบราณ และมันผนึกแข็ง ดิน น้ำ ลม ไฟ อันเชี่ยวกรากให้ก่อรูปจับตัวขึ้นมาท่ามกลางฟ้าและดิน
ภายใต้ต้นไม้มีสตรีนางหนึ่งที่ฟื้นตื่นจากความฝัน และข้างๆ นางคือบุรุษผู้หนึ่งอันยื่นมือออกมาราวกับว่าหมายถึงดึงนางลุกขึ้น
บนท้องฟ้ามียักษ์อันก่อขึ้นมาจากแสง และใต้ดินก็มีคนประหลาดที่มีเขาวัวและศีรษะเสือ
สีหน้าของวิญญูชนสวรรค์อวี้หมองหม่นลงไป และเขาก็กล่ามด้วยเสียงแผ่ว “ข้ารู้ว่าข้าถูกเก็บมาเลี้ยง พ่อแม่ที่แท้จริงของข้าอยู่ที่ไหน”
ฉินมู่กำลังมองไปยังภาพวาดใต้เท้าของเขา และเขาก็แทบสะดุดล้มเมื่อได้ยินที่วิญญูชนสวรรค์อวี้กล่าว เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา ในสมองจ้อยๆ ของวิญญูชนสวรรค์อวี้มีเรื่องเหลวไหลอะไรอยู่กันนะ
เขามองไปยังภาพวาดที่สอง และในภาพวาดนี้ หญิงสาวและต้นไม้ยักษ์สามารถค้ำยันฟ้าและดิน ใบไม้ของต้นไม้แปรเปลี่ยนเป็นโลกมิติต่างๆ ทุกขนาด และในโลกเหล่านั้น ครึ่งเทพและเทพบรรพกาลมากมายต่างอาศัยกันอยู่อย่างสุขสงบ ข้างใต้ต้นไม้ รากใหญ่มหึมาของมันแผ่ขยายออกไปบนแผ่นดิน และมันก็ก่อขึ้นมาเป็นเทือกเขาต่างๆ แม่น้ำ และสายแร่มังกรที่มีทุกชนิดและทุกขนาด
สายแร่มังกรบางเส้นเกิดมีจิตวิญญาณขึ้นมาหลังจากผ่านกาลเวลาอันเนิ่นนาน และแปลงร่างเป็นมังกรเทพยดา พวกมันกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนร่าง
“พ่อแม่ที่แท้จริง?”
ในตอนนี้ สำนึกรู้ของพระแม่ธรณีก็แล่นเข้ามาและถามด้วยความฉงน “วิญญูชนสวรรค์อวี้ บุพการีของเจ้าได้สิ้นชีวิตไปนานแล้ว เจ้าจำไม่ได้หรือ”
วิญญูชนสวรรค์อวี้ตะลึงไป และเขาเบือนหน้าไปข้างๆ เพื่อลอบปาดป้ายน้ำตา
ฉินมู่ไม่อาจมัวแต่ใส่ใจกับภาพวาดบนพื้นได้อีกต่อไป และเขาก็มองตรงไปยังที่มาของเสียง เขาพบว่าสำนึกรู้นั้นกำลังเปล่งแสงออกมา และแสงนั้นแตกต่างจากแสงอันส่องจากราชวังที่เจิดจ้าจนเกินไป แสงสว่างจากสำนึกรู้นี้ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน ราวกับว่าพลังอำนาจแห่งชีวิตถูกบรรจุเอาไว้ข้างใน
กลุ่มแสงนั้นมีสำนึกรู้บรรพกาลอยู่ ราวกับแสงระยิบระยับของเกลียวคลื่นใต้ดวงอาทิตย์ ในคลื่นเหล่านั้นก็มีสตรีแหวกว่ายไปมา
ที่ข้างหลังของสตรีผู้นั้น มันคือหัวใจอันก่อขึ้นมาจากแสงจนกลายเป็นสสาร บนหัวใจปักเอาไว้ด้วยกระบี่เหล็กขึ้นสนิม
ฉินมู่เพ่งพิศดูอย่างละเอียด และเขาก็เห็นใบหน้าของหญิงผู้นี้อย่างชัดแจ้ง นางมีใบหน้าเดียวกับเทวรูปในวิหาร นางเองก็มีท่วงทีแห่งความอุดมสมบูรณ์
เขาถึงกับเห็นเส้นเลือดมากมายที่งอกเงยออกมาจากหัวใจราวกับรากพฤกษา
หรือว่าพวกนี้จะเป็นรากไม้ในโลกใต้ดิน หัวใจนั้นคือ…
เขาสะท้านใจเล็กน้อย ก้อนหัวใจในแสงใหญ่มหึมา ราวกับว่ามันซ่อนอยู่ในห้วงมิติอันไพศาล แม้ว่าดูเผินจะเหมือนกับว่ามันอยู่ในโถงวัง แต่จริงๆ แล้วมันอยู่ไกลแสนไกล
“เจ้าน่าจะเป็นวิญญูชนสวรรค์อวี้นะ ข้าสัมผัสการอวยพรของข้าได้”
หัวใจของสตรีผู้นั้นแหวกว่ายมาตรงหน้า และมองไปยังพวกเขาผ่านชั้นจอแสง สำนึกรู้บรรพกาลสั่นไหวเล็กน้อย แต่เมื่อมันมาถึงจิตคิดของฉินมู่และคณะ มันก็ดังกึกก้องราวกับระฆัง “เมื่อเจ้าบุกเบิกสมบัติเทวะทารกวิญญาณ เทพบรรพกาลตนอื่นๆ และข้าได้ฉายส่องลงมา ข้าก็ได้มอบการอวยพรให้แก่เจ้า เจ้ามีการอวยพรของข้าอยู่ในร่างกาย ดังนั้นข้ามองไม่ผิดแน่ แต่ทว่า ทำไมเจ้าถึงจำข้าและเรื่องในอดีตไม่ได้”
ฉินมู่กล่าว “พระแม่ธรณี ดวงวิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงสูญเสียความทรงจำ”
“ที่แท้ก็แบบนี้”
หญิงในกลุ่มแสงกล่าวอย่างเศร้าสลด “วิญญูชนสวรรค์อวี้ตายไปเมื่อไหร่ เขาตายเมื่อตอนที่ถูกลอบสังหารในสระหยกเมื่อหนึ่งล้านปีที่แล้วหรือ ข้าได้ยินเรื่องครึกโครมเกี่ยวกับวิญญูชนสวรรค์อวี้ และดังนั้น ข้าก็ไปชมดูแม้ว่าวิญญูชนสวรรค์อวี้ที่ข้าเห็นจะมีท่วงทีอันวิเศษมหัศจรรย์ เหนือล้ำกว่าผู้คนในรุ่นสมัย แต่ก็ไม่ใช่วิญญูชนสวรรค์อวี้ในความทรงจำของข้า เขาไม่มีการอวยพรของเทพเจ้าทั้งหลาย เมื่อครั้งกระโน้น ข้าสงสัยว่าวิญญูชนสวรรค์อวี้คนนั้นจะใช่วิญญูชนสวรรค์อวี้ตัวจริงแน่หรือ”
ฉินมู่กล่าว “วิญญูชนสวรรค์อวี้ได้ถูกลอบสังหารในการชุมนุมสระหยกจริงๆ นั่นแหละ”
สตรีในกลุ่มแสงกล่าว “ข้าก็ว่าแล้ว แล้วเจ้ารักษาร่างกายของเขาเอาไว้จนบัดนี้ ทั้งยังประกอบสร้างดวงวิญญาณของเขาขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร”
สีหน้าของฉินมู่ไม่แปรเปลี่ยน และเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไฉนพระแม่ธรณีจึงกล่าวเช่นนั้น ไม่ใช่ข้าหรอกที่รักษาร่างกายของเขาเอาไว้ แต่เป็นผู้เฒ่านำทางความตายที่เชื้อเชิญข้าไปชุบชีวิตเขา ดังนั้นข้าจึงฟื้นคืนชีพให้แก่วิญญูชนสวรรค์อวี้”
หญิงผู้นั้นมองไปยังเขาผ่านม่านแสงและนางก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าเจ้าก็อยู่ที่ชุมนุมสระหยกด้วยเสียอีก”
ฉินมู่ตกอกตกใจ แล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมา “พระแม่ธรณีล้อข้าเล่นแล้ว ชุมนุมสระหยกเกินขึ้นเมื่อหนึ่งล้านปีที่ผ่านมา ข้าจะไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร”
หญิงผู้นั้นกล่าว “ตอนที่วิญญูชนสวรรค์อวี้ถูกประทุษร้ายในชุมนุมสระหยก ข้าเห็นบุคคลผู้หนึ่ง และข้ารู้สึกว่าท่วงทีของเขาคล้ายกับเจ้ามาก แต่ใบหน้าของเขาแตกต่างออกไป นั่นคือเหตุผลที่ข้ากล่าวเช่นนั้น เทพีหยินสวรรค์พูดถึงเจ้าให้ข้าฟัง เจ้าน่าจะรู้เจตนาที่ข้าเชิญเจ้ามาสินะ?”
ฉินมู่กล่าวอย่างเคร่งขรึม “พระแม่ธรณีเห็นว่าเทพีหยินสวรรค์ฟื้นคืนชีพมาจากความตายได้ ดังนั้นท่านจึงอยากให้ข้าร่ายเวทมนตร์เพื่อชุบชีวิตท่าน!”
หญิงผู้นั้นเผยยิ้ม “เทพีหยินสวรรค์ชื่นชมเจ้าไม่หยุดปาก และกล่าวว่าเจ้าคือปรมาจารย์มหาเวทอันไร้ผู้ทัดเทียมในโลกหล้า”
ฉินมู่เดินเข้าไป และเขามองสำรวจหญิงในกลุ่มแสง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายศีรษะและกล่าว “พระแม่ธรณี ท่านไม่มีกายเนื้อ ดังนั้นต่อให้ข้ารวบรวมวิญญาณทั้งสามของท่านกลับมา ท่านก็ฟื้นคืนชีพไม่ได้ กายเนื้อของท่านอยู่ที่ไหน”
หญิงในแสงผู้นั้นกล่าว “ข้าถูกพวกกบฏสับเป็นชิ้นๆ ออกไป กระบี่ที่ปักในหัวใจของข้าก็เป็นฝีมือของกบฏพวกนั้น โชคดีที่ว่าพวกเขาประเมินข้าต่ำเกินไป และไม่รู้ว่าพลังชีวิตของข้าน่าแตกตื่นขนาดไหน เป็นผลให้วิญญาณดินของข้าหลบหนีมาได้ แต่ทว่าวิญญาณอีกสองของข้าถูกพวกเขาบดขยี้ให้แตกทำลาย ไม่ต้องกังวล ทันทีที่เจ้าช่วยข้ารวบรวมวิญญาณอีกสอง ข้าก็ย่อมมีวิธีการฟื้นคืนชีพ”
ฉินมู่ระบายลมหายใจโล่งอกและกล่าว “หากว่าเป็นเพียงแค่การรวบรวมสองวิญญาณ ข้าก็ยังพอทำได้ต่อให้จะยากเย็นสักหน่อยก็เถอะ แต่ทว่าวรยุทธของพระแม่ธรณีเหนือล้ำกว่าเทพีหยินสวรรค์ ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะสามารถทำสำเร็จได้ด้วยวรยุทธของข้าในตอนนี้หรือไม่”
เขาปลดใบหลิวที่ใจกลางหว่างคิ้วออกมา และขับเคลื่อนพลังวัตรของเขาเพื่อก่อขึ้นมาเป็นประตูน้อมสวรรค์ข้างหลัง “ใครคือพวกกบฏที่สังหารพระแม่ธรณีอย่างนั้นหรือ ทำไมพวกเขาถึงมีพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวที่ใช้ฆาตกรรมได้แม้แต่ตัวตนระดับท่าน”
หญิงในกลุ่มกัดฟันกรอด ความเคียดแค้นพวยพุ่งออกมาจากร่างของนาง “พันธมิตรสวรรค์!”
หัวใจของฉินมู่บิดกระตุกอย่างรุนแรง
หญิงในกลุ่มแสงมีสายตาเจิดจ้าดุจสายฟ้า และนางมองไปที่เขาด้วยความฉงน “ปรมาจารย์มหาเวท ทำไมปราณและโลหิตของเจ้าจู่ๆ ก็พลุ่งพล่านอย่างรุนแรง และจังหวะหัวใจเต้นของเจ้าก็รัวยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าพันธมิตรสวรรค์”