ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2255 มนุษย์ต้นไม้กลายพันธุ์
ทันใดนั้น พลังชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวก็ตรงเข้าไปห่อหุ้มเขาเอาไว้จนกลายเป็นรังไหมขนาดใหญ่อันหนึ่ง
“อ๊ากกก!” มีเสียงกรีดร้องดังกึกก้องออกมา
พลังแห่งชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าพลังแห่งชีวิตนั้นเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถทนรับมันได้ เมื่อถึงจุดสู งสุดแล้วมันก็จะกลับตาลปัตร และนั่นก็จะทำให้ถึงแก่ชีวิตเช่นกัน!
พรวด พรวด พรวด!
ร่างของคนผู้นั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นเหมือนต้นไม้ที่สูงตระหง่านก็มิปาน รากจำนวนนับไม่ถ้วนของคนผู้นั้นพุ่งลง งไปในดิน และเริ่มโจมตีอย่างไม่เลือกหน้า
“ให้ตายเถอะ! กลายร่างไปอีกคนหนึ่งแล้ว บอกแล้วว่าอย่าทำอะไรส่งเดช ก็เอาแต่ทำให้มันวุ่นวายมากขึ้นอยู่ได้! !”
“หากยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อโอกาสและสมบัติจนไม่สนใจแม้แต่ชีวิตก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่นี่ยังคิดจะดึงพวกข้าลงหลุม มไปด้วยอีก!”
“ดูเหมือนว่าการกลายพันธุ์นี้จะแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อีกนะ!”
“ฆ่ามันซะ!”
ครืนนนน!
เสียงของแผ่นดินไหวดังกึกก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง และผู้คนมากมายที่อยู่บนเทือกเขาจูเทียนก็ได้ถูกคนที่กลายเป็น นต้นไม้ใหญ่ผู้นี้โจมตี
พลังการโจมตีของเจ้าสิ่งนี้มีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณเลย ซ ซึ่งมันก็ทำให้ผู้คนมากมายต้องประสบกับเคราะห์ร้ายแสนสาหัส
“อันตราย!”
“ถอยเร็ว! รีบถอยเร็วเข้า!”
“ช่างมันเถอะ! ชีวิตสำคัญกว่า! พวกเราบุกเข้าไปในตำหนักเทพแห่งชีวิตไม่ได้หรอก ถึงจะบุกเข้าไปได้ คาดว่าข้างในน่ าจะอันตรายยิ่งกว่านี้เป็นแน่”
“……”
คนกลายพันธุ์ผู้นี้ได้กลายเป็นคนที่มีพลังทำลายล้างอันแข็งแกร่ง จนทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าไปเสี่ยงอีก
แน่นอนว่า คนที่เลือกจะล่าถอยออกไปเป็นเพียงกองกำลังขนาดเล็กส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนกองกำลังขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วย ยความทะเยอทะยานย่อมไม่มีทางยอมแพ้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
“ฆ่ามัน!”
ตูมมม โครมมม!
ในตอนที่บนเทือกเขาจูเทียนกำลังเกิดความวุ่นวาย มู่หลินหลางและองค์ชายสามก็ได้มาถึงเมืองจูเทียนพอดี
องค์ชายสี่กล่าวอย่างเจ็บปวดว่า “เสด็จพี่สาม น้องหญิง! พวกเจ้าจะต้องแก้แค้นให้ข้านะ! จะต้องทรมานมู่เฉินซีอย่ างโหดเหี้ยมจนตาย! ทรมานจนตายไปเลย!”
เนื่องจากความเคียดแค้น จึงทำให้ใบหน้าขององค์ชายสี่บูดเบี้ยวจนไม่น่าดูชม
มู่หลินหลางกล่าวว่า “เสด็จพี่สามวางใจเถอะ! การลงมือของพวกเราคราวนี้ จะต้องทำให้มู่เฉินซีตายอย่างแน่นอน”
“แล้วพวกมู่เฉินซีล่ะ?”
“กราบทูลองค์หญิงหลินหลาง เนื่องจากมู่เฉินซีเห็นว่าตำหนักเทพแห่งชีวิตกำลังจะหายไป ดังนั้นจึงรีบมุ่งหน้าไปยัง เทือกเขาจูเทียนแล้วพ่ะย่ะค่ะ ที่เทือกเขาจูเทียนในเวลานี้มีคนรนหาที่ตายอยากจะบุกทะลวงเข้าไป ทำให้เกิดการกลายพัน นธุ์ขึ้นจนขณะนี้กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย ฝ่าบาทต้องการเสด็จไปด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“เสด็จพ่อส่งข้อมูลมาแล้วว่า ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าไปในตำหนักเทพแห่งชีวิต ฉะนั้นพระองค์จึงไม่ได้บังคับ! ดังนั้น ภารกิจสำคัญในคราวนี้คือการกำจัดอุปสรรค์อย่างมู่เฉินซีเท่านั้น! ยิ่งบนเทือกเขาจูเทียนวุ่นวายเท่าไรก็ยิ่งดี ข้าสามารถฉวยโอกาสตอนที่กำลังวุ่นวายนั้นแอบลอบโจมตีมู่เฉินซีได้พอดี”
ร่างกายของมู่หลินหลางระเบิดเจตนาฆ่าอันน่าสะพรึงกลัวออกมา กลิ่นอายบนร่างของนางในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนแข่ งขันอัจฉริยะครั้งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงก่อนหน้านี้มากมายนัก ฉะนั้นข้อมูลที่สำนักหมอทมิฬได้รับในตอนแรกนั้นจึง งเป็นเรื่องจริง
นักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้นก็รีบมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบเช่นกัน “ให้ตายเถอะ! มัวแต่เสียเวลาอยู่กับจักรพรร รดิตงหวงไร้ประโยนช์นั่นนานขนาดนี้เลยหรือ ตำหนักเทพแห่งชีวิตนี้ใกล้จะหายไปอยู่แล้ว”
“ในตอนแรกผู้นำเผ่าอาวุโสต้องผ่านความยากลำบากมามากมายหลายรูปแบบเพื่อตามหาไม้เทพแห่งชีวิต สำหรับเผ่าคำสาปของ พวกเรา หากมีไม้เทพแห่งชีวิตก็ยิ่งจะทำให้พวกเราแข็งแกร่งราวกับเสือติดปีกมากขึ้นไปอีก ฉะนั้นพวกเราจะพลาดโอกาส คราวนี้ไปไม่ได้!”
“ไม่มีใครในแดนซวนเทียนมีความสามารถพอที่จะเปิดประตูใหญ่แห่งชีวิตนั้นได้ แต่ทว่าเผ่าคำสาปของพวกเรามีความสามาร รถนั้น! วิชาคำสาปสามารถทำให้พลังแห่งชีวิตเข้าใกล้พวกเราไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะสามารถเดินเข้าไปถึงปร ระตูใหญ่แห่งชีวิตแล้วเปิดมันออกได้!”
การมายังแดนซวนเทียนของพวกเขาในคราวนี้ เพราะพวกเขาต้องการคัมภีร์หมื่นคำสาป แต่ก็ไม่อาจพลาดไม้เทพแห่งชีวิต ไปได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องที่พูดไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพราะแค่ไม่อยากให้จักรพรรดิตงหวงมาขอส่วนแบ่งจากพวกเขาก็เท่านั้นเอง
ครืนนนน!
เจ้าสิ่งกลายพันธุ์เหล่านั้นทำลายล้างอย่างไม่เลือกหน้า และจิ่วเยี่ยก็อุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้เพื่อหลบหลีกการโจมตีขอ องเถาวัลย์เหล่านั้น
ทั้งสองพักผ่อนอยู่อย่างเอ้อระเหยบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ส่วนเถาวัลย์ของต้นไม้กลายพันธุ์นั้นก็ไม่สามารถเข้าใกล้ จิ่วเยี่ยได้เลย
เพราะหากมันเข้ามาใกล้จิ่วเยี่ย กิ่งก้านส่วนหนึ่งของมันก็จะหายไปทันที
พลังของจิ่วเยี่ยนั้นเป็นปรปักษ์กับพลังแห่งชีวิต ฉะนั้นจิ่วเยี่ยจึงถามขึ้นมาว่า “ซี วางแผนว่าจะทำเช่นไรต่อไป ? ข้าไม่กลัวพลังแห่งชีวิตนั่นหรอก หรืออยากให้ข้าไปลองดูสักหน่อยไหม?”
“ข้าไม่แน่ใจว่าพลังที่แข็งแกร่งมากเกินไปของพลังแห่งชีวิตจะสามารถสะท้อนพลังคำสาปในร่างกายของเจ้าได้หรือไม่ ดังนั้นจิ่วเยี่ย ถึงเจ้าจะยอดเยี่ยมแค่ไหนข้าก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าเข้าไปหรอก ข้าคิดว่าข้าสามารถลองดูได้”
ปลายนิ้วของมู่เฉียนซีกวาดไปในอากาศ และพลังแห่งชีวิตก็มารวมตัวกันอยู่กลางฝ่ามือของนาง “ข้ามีพันธสัญญากับชิงอ อิ่ง และพลังแห่งชีวิตนี้ก็มีความคล้ายกับพลังของชิงอิ่งมาก พวกมันไม่มีทางขับไล่ข้าแน่ ทั้งยังมีความสัมพันธ์ ที่ใกล้ชิดกับข้ามากอีกด้วย ฉะนั้นข้าจึงรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องเช่นนั้นกับข้าแน่นอน!”
“อีกอย่างการเชื่อมต่อทางพันธสัญญาของข้ากับชิงอิ่งได้บอกข้าว่า ชิงอิ่งอยู่ข้างในนั้น”
มู่เฉียนซีนึกถึงคำพูดที่ชิงอิ่งกล่าวกับนางก่อนที่จะจากไปขึ้นมาได้ เขาบอกว่าพวกเราจะได้พบกันอีก
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลยว่า สิ่งที่เรียกว่าพบกันอีกครั้งจะไม่ได้หมายความว่าชิงอิ่งจะกลับมา แต่เป็นนางที่สามารถ หาชิงอิ่งเจอ และได้มาพบกับเขาอีกครั้งต่างหาก
ชิงอิ่งจะต้องมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับไม้เทพแห่งชีวิตแน่นอน ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงเตรียมที่จะเข้าไปลองอย่างกล้า าหาญ
“ไม่ได้! เพราะมันเป็นเพียงแค่การคาดเดาของซีเท่านั้น การจะปล่อยให้เจ้าเข้าไปลองเช่นนั้น ข้าทำไม่ได้หรอก!” ข้ อเสนอนี้ของมู่เฉียนซี ได้ถูกจิ่วเยี่ยปฏิเสธทันที
และในเวลานี้ ก็มีคนที่สังเกตเห็นมู่เฉินซีแล้ว
“นั่นมันมู่เฉินซีนี่!”
“พวกเราจนตรอกกันขนาดนี้ แต่มู่เฉินซีกลับไม่เป็นอะไรเลย! นางจะต้องมีวิธีการที่พิเศษบางอย่างในการขัดขวางการโจ จมตีของต้นไม้ประหลาดนี้แน่นอน”
“……”
คนที่ถูกต้นไม้ประหลาดโจมตีจนตื่นตระหนกเหล่านั้นกล่าวว่า “มู่เฉินซี เจ้าต้นไม้ประหลาดนี่ยากที่จะรับมือเกินไปแ แล้ว! เจ้ามีวิธีใดที่สามารถหลบหลีกการโจมตีของมันได้ รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้!”
“พวกเราใกล้จะถูกมันฆ่าตายอยู่แล้ว ช่วยด้วย!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังปรึกษากับจิ่วเยี่ยว่าจะเข้าไปในตำหนักเทพแห่งชีวิตได้อย่างไร กลับมีคนกลุ่มหนึ่งตะโกน ร้องใส่พวกเขา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จะว่าไปแล้ว พวกเจ้ากำลังล้อเล่นกับข้าอยู่อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่เคยรู้จักกับพวกเจ้ามาก่อนเ เลย เหตุใดข้าจะต้องไปช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างไม่มีเหตุผลด้วยล่ะ”
“คิดไม่ถึงเลยว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวงอย่างเจ้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ เอาแต่ดูแลตัวเอง ไม่มีเกียรติเล ลยแม้แต่น้อย!”
“เจ้ายังคิดว่านางเป็นคนที่มีคุณธรรมอันสูงส่งอยู่อีกอย่างนั้นหรือ? อย่างไรเสียนางก็แค่เอาชนะได้ด้วยการฉวยโ โอกาสเท่านั้น ไม่ว่าผลของการแข่งขันคราวนั้นจะเป็นอย่างไร แต่องค์หญิงหลินหลางต่างหากที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ งในสายตาของพวกเรา!”
“อัจฉริยะอันดับหนึ่งอะไรกัน เห็นอยู่ว่าสามารถช่วยคนได้แต่ก็ไม่ยอมช่วย ให้ตายเถอะ!”
ก็เห็นอยู่ว่าอีกฝ่ายรนหาเรื่องเองอย่างชัดเจน หากคนที่มีความสามารถไม่พอแล้วอยากจะมีชีวิตรอดจริง ๆ ก็คงหนี ไปตั้งนานแล้ว จะมาพูดจาไร้สาระอยู่ที่นี่ให้มากมายไปทำไมกัน
คนเหล่านี้คาดว่าน่าจะตั้งใจหาเรื่องมากกว่า และเมื่อเอ่ยถึงมู่หลินหลาง มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าที่คนเหล่านี้ทุ่ มเทสรรเสริญมู่หลินหลางมากมายขนาดนี้ เป็นเพราะนางน่าจะมาถึงแล้วสินะ!
และก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ เพราะมู่เฉียนซีสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยได้แล้ว
ทันทีที่มู่หลินหลางปรากฏตัว นางก็กล่าวอย่างแข็งขันว่า “พวกเจ้า รีบเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นเร็วเข้า!”
“องค์หญิงอย่างข้าจะรีบทำลายต้นไม้ประหลาดนี่เดี๋ยวนี้แหละ!”
ทันทีที่มู่หลินหลางออกคำสั่ง เหล่ายอดฝีมือที่เป็นลูกน้องของนางก็ระดมพลออกปฏิบัติการในทันที
ตูมมม โครมม!
เมื่อมีพวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้ มันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อยเลย!
ซึ่งมันก็ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกว่าองค์หญิงหลินหลางมาได้ทันเวลาพอดีจริง ๆ ความจริงแล้วมันทันเวลาพอดีเกินไปเส สียด้วยซ้ำ!
และการปรากฏตัวที่เป็นเหมือนกับพระเจ้าผู้กอบกู้โลกก็มิปานของมู่หลินหลางนี้ ได้สร้างความประทับใจมากมายให้กั บคนทั่วไป เพราะนางเป็นผู้ที่ช่วยเหลือเหล่าผู้คนที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวออกมาได้นั่นเอง