ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - ตอนที่ 2934: เผ่าวิญญาณวัตถุ "ผู้อาวุโสลม ท่านกำลังหลอมรวมกับวัตถุเทพที่ทรงพลังใช่หรือไม่ ? " เจี้ยนเฉินพูดโดยไม่อ้อมค้อมและตัดบทเข้าประเด็น เขาจ้องไปที่ผู้อาวุโสลมด้วยดวงตาที่ส่องประกาย เมื่อได้ยินอย่างนั้น ความตกใจก็ปรากฏในดวงตาของผู้อาวุโสลม เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างลึกซึ้งและหัวเราะเบา ๆ "ด้วยขอบเขตการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ เจ้าคงไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน จิตวิญญาณกระบี่สองตนที่ซ่อนอยู่ในตัวของเจ้าคงบอกเจ้ากระมัง" "อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองก็มีความพิเศษเช่นกัน แม้ว่าข้าจะรู้สึกได้ว่าพวกมันยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่พวกมันก็ยังมาจากปราณหยิน-หยาง พวกเขาสังเกตเห็นความผิดปกติของข้ าก็สมเหตุสมผล" "ผู้อาวุโสลม ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นทางที่ท่านกำลังเดินอยู่ในตอนนี้อันตรายอย่างมาก ? " เจี้ยนเฉินถามอย่างเครียด ๆ ผู้อาวุโสลมยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาคลายความกังเวลของเจี้ยนเฉิน "บอกข้าว่าจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองบอกอะไรกับเจ้า ? " "พวกเขาพูดว่าเส้นทางที่ท่านกำลังเดินนั้นเป็นทางตันและเดินไปได้อยากไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม" เจี้ยนเฉินกล่าว "มีแต่ทางตัน ? " ผู้อาวุโสลมส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ "จิตวิญญาณกระบี่ก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณกระบี่ แม้ว่าพวกมันจะเป็นกระบี่ม่วงฟ้าที่ทรงพลัง แต่พวกมันก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณกระบี่อยู่ แม้ว่าพวกมันจะมีความรู้ แต่ก็ไม่อาจเทียบกับเจ้านายของมันในอดีตของมันได้" "ถ้าเจ้านายในอดีตของพวกมันยังมีชีวิตอยู่ เขาคงจะไม่พูดอย่างนี้แน่นอนหลังจากที่เห็นสถานะของข้า" "ผู้อาวุโสลม ท่านรู้สึกมั่นใจว่าจะเอาชนะมันได้จริง ๆ ? " เจี้ยนเฉินตกใจมาก สำหรับเขาแล้ว จิตวิญญาณกระบี่นั้นมีความรู้รอบตัวมาก หากจิตวิญญาณกระบี่บอกมาอย่างนี้ มันก็เป็นไปไม่ ได้เลยที่จะผิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าจิตวิญญาณกระบี่ก็พูดไม่ถูก "เนื่องจากข้ากล้าพอที่จะเดินเส้นทางนี้ ข้าจึงมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง แม้ว่าข้าไม่มีความมั่นใจมากนัก แค่เพียงสามในสิบส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าข้าจะล้มเหลว ข้าก็จะไม่ตา ายอย่างแน่นอน ข้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างสูงเท่านั้น ซึ่งจะหนีไปพร้อมกับวิญญาณของข้าและเข้าสู่การกำเนิดใหม่" ผู้อาวุโสลมกล่าว "นั่นเป็นไปไม่ได้ ! ท่านจะไม่มีทางกลับมาอีกเมื่อท่านล้มเหลว ท่านจะหายไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นท่านจะมีโอกาสเกิดใหม่ได้อย่างไร ? " จิตวิญญาณกระบี่ปรากฏตัวขึ้นและกลายเป็นรูปร่างสอ องแบบเหนือหัวของเจี้ยนเฉินพร้อมกับเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสลม ผู้อาวุโสลมมองไปที่จิตวิญญาณกระบี่และพูดช้า ๆ "เจ้าพูดเพราะว่าเจ้ารู้เจ้าเห็นในอดีตเท่านั้นและเจ้าก็พูดไม่ผิด อาจจะไม่มีใครจากอดีตรวมถึงปัจจุบันของทั้งหกโลกสามารถเดินไปใน เส้นทางนี้ได้ แต่ข้าเป็นข้อยกเว้น" เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสลมก็หยุดชั่วขณะเขาพูดต่อ "ในอดีตมีเผ่าพันธุ์มากมายอยู่ในโลกวิญญาณ ในบรรดาทั้งเผ่าพันธุ์เหล่านี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างพิเศษที่รู้จักในชื่อ เผ่าวิญญาณวัตถุ คนของเผ่าวิญญาณวัตถุทั้งหมดนี้มีความสามารถทางธรรมชาติในการหลอมรวมเข้ากับวัตถุเทพใด ๆ ในระดับเดียวกันกับพวกมัน หลังจากที่หลอมรวมแล้วพวกเขาจะได้รับความสามารถ ทั้งหมดของวัตถุเทพซึ่งทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก" "แม้ว่าคนของเผ่าวิญญาณวัตถุจริง ๆ จะหายไปจากประวัติศาตร์แล้ว แต่ส่วนหนึ่งของสายเลือดพวกเขายังคงอยู่ผ่านการแต่งงานระหว่างเผ่าวิญญาณวัตถุกับเผ่าอื่น ด้วยเหตุนี้ในขณะที่เผ่า วิญญาณวัตถุได้หายไป ส่วนหนึ่งของสายเลือดของพวกเขาก็ยังคงดำรงอยู่จนถึงตอนนี้" "ข้าบังเอิญที่เป็นหนึ่งในคนที่มีมัน" เมื่อมาถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสลมก็ถอนหายใจเบา ๆ "น่าเสียดายที่จากคำใบ้ของสายเลือดที่เป็นของเผ่าวิญญาณวัตถุในตัวของข้านั้นไม่บริสุทธิ์เหมือนกับของเฉินเจี้ยน ในตอนนี้พลังสายเลื อดได้เติบโตเพียงเบาบาง ไม่อย่างนั้นโอกาสของข้าในการหลอมรวมกับวัตถุเทพจะสำเร็จได้ถึงห้าในสิบส่วนเป็นอย่างน้อย" "เผ่าวิญญาณวัตถุ จริง ๆ แล้วก็มีเผ่าเช่นนี้อยู่ด้วย" จือหยิงและฉิงโซวได้ตระหนัก ถึงแม้เขาจะเคยติดตามจอมปราชญ์สูงสุดและได้เรียนรู้เกี่ยวกับความลับมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป ป็นจอมปราชญ์สูงสุดที่แท้จริงเลยสักคน หลังจากที่มาถึงขอบเขตจอมปราชญ์สูงสุดแล้ว พวกเขาสามารถมองเข้าไปในความลับที่ลึกที่สุดของจักรวาลได้ ตราบเท่าที่มีเผ่าพันธุ์นั้นเคยปรากฏในอดีตและทิ้งร่องรอยไว้ในโลก จอมปราชญ์ สูงสุดสามารถใช้พลังของเขาในการเจาะความลึกลับของโลกเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการคงอยู่ของพวกเขา จิตวิญญาณวัตถุไม่มีความสามารถนั้น ทำให้จือหยิงและฉิงโซวก็เข้าใจเช่นกันว่าเจ้านายคนก่อนของพวกเขาอาจจะรู้การคงอยู่ของเผ่าวิญญาณวัตถุ เพียงแค่ว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน "ในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณวัตถุ เราสามารถมองเห็นบางอย่างที่จอมปราชญ์สูงสุดมองไม่เห็น แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน จอมปราชญ์สูงสุดบางคนเห็นในสิ่งที่จิตวิญญาณวัตถ ถุมองไม่เห็น" จิตวิญญาณกระบี่ปลอบใจตัวเอง พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้ มองไปที่เจี้ยนเฉินและท้ายที่สุดก็ฟื้นความมั่นใจกลับมา อย่างน้อย ๆ จอมปราชญ์ก็ไม่อาจมองเห็นความลับที่อยู่เบื้องหลังของเจี้ยนเฉินได้ "จือหยิง, ฉิงโซว เนื่องจากผู้อาวุโสลมมีสายเลือดของเผ่าวิญญาณวัตถุ ข้าจะยังช่วยผู้อาวุโสลมได้หรือไม่ ? " เจี้ยนเฉินถามข้อมูลที่อยู่เกินเอื้อมออกมา ด้วยความรู้และประสบการณ์ของ พวกเขาก็ยังไม่อาจสามารถพึ่งพาได้ ในการติดอยู่กับเหตุการณ์ที่ลึกซึ้งเหล่านี้ เจี้ยนเฉินจึงจำเป็นต้องถามจิตวิญญาณกระบี่ "แน่นอน ท่านทำได้ ถ้าก่อนนี้เรามั่นใจได้แค่เจ็ดในสิบส่วน ตอนนี้เรามั่นใจได้เต็มสิบส่วน ถ้านายท่านช่วยเขา เขาก็จะสามารถหลอมรวมกับวัตถุเทพได้สำเร็จตราบเท่าที่ไม่มีอุบัติ เหตุใด ๆ เกิดขึ้นกับเขา" จิตวิญญาณกระบี่พูดอย่างมั่นใจ ผู้อาวุโสลมก็ตระหนักถึงสิ่งที่จิตวิญญาณกระบี่พูดกับเจี้ยนเฉิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนทันที เขาพูดด้วยความตกใจ "เจ้าพูดอะไร ? เจี้ยนเฉินช่วยข้าได้งั้นหรือ ? " อย่างไรก็ตามจากนั้นเขาก็ส่ายหัว "นั่นเป็นไปไม่ได้ แม้แต่จอมปราชญ์สูงสุดที่เป็นดั่งตัวแทนสวรรค์ก็ไม่อาจช่วยข้าในเส้นทางที่ข้าเดินได้ ข้าต้องพึ่งโชคและดวงของข้าเองเท่าน นั้น ทำไมเจี้ยนเฉินถึงมีความสามารถในการช่วยข้าได้กัน ? " เมื่อได้ยินผู้อาวุโสลมพูด จิตวิญญาณกระบี่ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนที่ทั้งสองจะมองไปที่เจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าพวกเขากำลังรอให้เขาเอาแก่นโลหิตบรรพกาลออกมาจากร่างกายของเขา ทันทีที่แก่นโลหิตปรากฏออกมา เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังหมดแรง "ผู้อาวุโสลม แก่นโลหิตบรรพกาลของข้าแตกต่างออกไป มันสามารถช่วยท่านได้" เจี้ยนเฉินนำแก่นโลหิตบรรพกาลออกมามอบให้กับผู้อาวุโสลม "นั่นเป็นไปไม่ได้ แก่นโลหิตบรรพกาลในตอนนี้ของเจ้านั้นต่ำเกินไปในสายตาของข้า ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องพูดถึงแก่นโลหิตบรรพกาลที่จะไม่ผงาดเต็มที่ แม้แต่แก่นโลหิตบรรพกาลจากร่างบรรพก กาลที่บรรลุถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ไร้ประโยชน์กับข้า" ผู้อาวุโสลมส่ายหัว แต่ทันที่เขามองดวงตาของเขาก็เบิดกว้างและจับจ้องไปที่แก่นโลหิตบรรพกาล แม้แต่การหายใจของเขาก็ ราวกับหยุดลง ในเวลานี้ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังหยุดลงและมีเพียงสายตาของผู้อาวุโสลมเท่านั้นที่เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ "นะ-นะ-นี่คือพลังบรรพกาล.....นี่คือพลังบรรพกาลจริง ๆ..." ไม่นานราวกับว่าผู้อาวุโสลมได้ยืนยันความคิดของเขา ท้ายที่สุดเขาก็เริ่มพึมพำกับตัวเองอย่างมึนงง "เป็นไปไม่ได้ ! มันเป็นไปไม่ได้ ! มันไม่อาจเป็นไปได้เลย ! " ตอนนี้แม้แต่ความกดดันทางจิตใจที่ไม่สั่นคลอนของผู้อาวุโสลมก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขาเต็มไปด้วยอารมณ์ผีเ เข้า-ผีออกอีกครั้ง
- Home
- ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
- ตอนที่ 2934: เผ่าวิญญาณวัตถุ "ผู้อาวุโสลม ท่านกำลังหลอมรวมกับวัตถุเทพที่ทรงพลังใช่หรือไม่ ? " เจี้ยนเฉินพูดโดยไม่อ้อมค้อมและตัดบทเข้าประเด็น เขาจ้องไปที่ผู้อาวุโสลมด้วยดวงตาที่ส่องประกาย เมื่อได้ยินอย่างนั้น ความตกใจก็ปรากฏในดวงตาของผู้อาวุโสลม เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างลึกซึ้งและหัวเราะเบา ๆ "ด้วยขอบเขตการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ เจ้าคงไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน จิตวิญญาณกระบี่สองตนที่ซ่อนอยู่ในตัวของเจ้าคงบอกเจ้ากระมัง" "อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองก็มีความพิเศษเช่นกัน แม้ว่าข้าจะรู้สึกได้ว่าพวกมันยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่พวกมันก็ยังมาจากปราณหยิน-หยาง พวกเขาสังเกตเห็นความผิดปกติของข้ าก็สมเหตุสมผล" "ผู้อาวุโสลม ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นทางที่ท่านกำลังเดินอยู่ในตอนนี้อันตรายอย่างมาก ? " เจี้ยนเฉินถามอย่างเครียด ๆ ผู้อาวุโสลมยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาคลายความกังเวลของเจี้ยนเฉิน "บอกข้าว่าจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองบอกอะไรกับเจ้า ? " "พวกเขาพูดว่าเส้นทางที่ท่านกำลังเดินนั้นเป็นทางตันและเดินไปได้อยากไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม" เจี้ยนเฉินกล่าว "มีแต่ทางตัน ? " ผู้อาวุโสลมส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ "จิตวิญญาณกระบี่ก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณกระบี่ แม้ว่าพวกมันจะเป็นกระบี่ม่วงฟ้าที่ทรงพลัง แต่พวกมันก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณกระบี่อยู่ แม้ว่าพวกมันจะมีความรู้ แต่ก็ไม่อาจเทียบกับเจ้านายของมันในอดีตของมันได้" "ถ้าเจ้านายในอดีตของพวกมันยังมีชีวิตอยู่ เขาคงจะไม่พูดอย่างนี้แน่นอนหลังจากที่เห็นสถานะของข้า" "ผู้อาวุโสลม ท่านรู้สึกมั่นใจว่าจะเอาชนะมันได้จริง ๆ ? " เจี้ยนเฉินตกใจมาก สำหรับเขาแล้ว จิตวิญญาณกระบี่นั้นมีความรู้รอบตัวมาก หากจิตวิญญาณกระบี่บอกมาอย่างนี้ มันก็เป็นไปไม่ ได้เลยที่จะผิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าจิตวิญญาณกระบี่ก็พูดไม่ถูก "เนื่องจากข้ากล้าพอที่จะเดินเส้นทางนี้ ข้าจึงมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง แม้ว่าข้าไม่มีความมั่นใจมากนัก แค่เพียงสามในสิบส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าข้าจะล้มเหลว ข้าก็จะไม่ตา ายอย่างแน่นอน ข้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างสูงเท่านั้น ซึ่งจะหนีไปพร้อมกับวิญญาณของข้าและเข้าสู่การกำเนิดใหม่" ผู้อาวุโสลมกล่าว "นั่นเป็นไปไม่ได้ ! ท่านจะไม่มีทางกลับมาอีกเมื่อท่านล้มเหลว ท่านจะหายไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นท่านจะมีโอกาสเกิดใหม่ได้อย่างไร ? " จิตวิญญาณกระบี่ปรากฏตัวขึ้นและกลายเป็นรูปร่างสอ องแบบเหนือหัวของเจี้ยนเฉินพร้อมกับเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสลม ผู้อาวุโสลมมองไปที่จิตวิญญาณกระบี่และพูดช้า ๆ "เจ้าพูดเพราะว่าเจ้ารู้เจ้าเห็นในอดีตเท่านั้นและเจ้าก็พูดไม่ผิด อาจจะไม่มีใครจากอดีตรวมถึงปัจจุบันของทั้งหกโลกสามารถเดินไปใน เส้นทางนี้ได้ แต่ข้าเป็นข้อยกเว้น" เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสลมก็หยุดชั่วขณะเขาพูดต่อ "ในอดีตมีเผ่าพันธุ์มากมายอยู่ในโลกวิญญาณ ในบรรดาทั้งเผ่าพันธุ์เหล่านี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างพิเศษที่รู้จักในชื่อ เผ่าวิญญาณวัตถุ คนของเผ่าวิญญาณวัตถุทั้งหมดนี้มีความสามารถทางธรรมชาติในการหลอมรวมเข้ากับวัตถุเทพใด ๆ ในระดับเดียวกันกับพวกมัน หลังจากที่หลอมรวมแล้วพวกเขาจะได้รับความสามารถ ทั้งหมดของวัตถุเทพซึ่งทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก" "แม้ว่าคนของเผ่าวิญญาณวัตถุจริง ๆ จะหายไปจากประวัติศาตร์แล้ว แต่ส่วนหนึ่งของสายเลือดพวกเขายังคงอยู่ผ่านการแต่งงานระหว่างเผ่าวิญญาณวัตถุกับเผ่าอื่น ด้วยเหตุนี้ในขณะที่เผ่า วิญญาณวัตถุได้หายไป ส่วนหนึ่งของสายเลือดของพวกเขาก็ยังคงดำรงอยู่จนถึงตอนนี้" "ข้าบังเอิญที่เป็นหนึ่งในคนที่มีมัน" เมื่อมาถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสลมก็ถอนหายใจเบา ๆ "น่าเสียดายที่จากคำใบ้ของสายเลือดที่เป็นของเผ่าวิญญาณวัตถุในตัวของข้านั้นไม่บริสุทธิ์เหมือนกับของเฉินเจี้ยน ในตอนนี้พลังสายเลื อดได้เติบโตเพียงเบาบาง ไม่อย่างนั้นโอกาสของข้าในการหลอมรวมกับวัตถุเทพจะสำเร็จได้ถึงห้าในสิบส่วนเป็นอย่างน้อย" "เผ่าวิญญาณวัตถุ จริง ๆ แล้วก็มีเผ่าเช่นนี้อยู่ด้วย" จือหยิงและฉิงโซวได้ตระหนัก ถึงแม้เขาจะเคยติดตามจอมปราชญ์สูงสุดและได้เรียนรู้เกี่ยวกับความลับมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป ป็นจอมปราชญ์สูงสุดที่แท้จริงเลยสักคน หลังจากที่มาถึงขอบเขตจอมปราชญ์สูงสุดแล้ว พวกเขาสามารถมองเข้าไปในความลับที่ลึกที่สุดของจักรวาลได้ ตราบเท่าที่มีเผ่าพันธุ์นั้นเคยปรากฏในอดีตและทิ้งร่องรอยไว้ในโลก จอมปราชญ์ สูงสุดสามารถใช้พลังของเขาในการเจาะความลึกลับของโลกเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการคงอยู่ของพวกเขา จิตวิญญาณวัตถุไม่มีความสามารถนั้น ทำให้จือหยิงและฉิงโซวก็เข้าใจเช่นกันว่าเจ้านายคนก่อนของพวกเขาอาจจะรู้การคงอยู่ของเผ่าวิญญาณวัตถุ เพียงแค่ว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน "ในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณวัตถุ เราสามารถมองเห็นบางอย่างที่จอมปราชญ์สูงสุดมองไม่เห็น แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน จอมปราชญ์สูงสุดบางคนเห็นในสิ่งที่จิตวิญญาณวัตถ ถุมองไม่เห็น" จิตวิญญาณกระบี่ปลอบใจตัวเอง พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้ มองไปที่เจี้ยนเฉินและท้ายที่สุดก็ฟื้นความมั่นใจกลับมา อย่างน้อย ๆ จอมปราชญ์ก็ไม่อาจมองเห็นความลับที่อยู่เบื้องหลังของเจี้ยนเฉินได้ "จือหยิง, ฉิงโซว เนื่องจากผู้อาวุโสลมมีสายเลือดของเผ่าวิญญาณวัตถุ ข้าจะยังช่วยผู้อาวุโสลมได้หรือไม่ ? " เจี้ยนเฉินถามข้อมูลที่อยู่เกินเอื้อมออกมา ด้วยความรู้และประสบการณ์ของ พวกเขาก็ยังไม่อาจสามารถพึ่งพาได้ ในการติดอยู่กับเหตุการณ์ที่ลึกซึ้งเหล่านี้ เจี้ยนเฉินจึงจำเป็นต้องถามจิตวิญญาณกระบี่ "แน่นอน ท่านทำได้ ถ้าก่อนนี้เรามั่นใจได้แค่เจ็ดในสิบส่วน ตอนนี้เรามั่นใจได้เต็มสิบส่วน ถ้านายท่านช่วยเขา เขาก็จะสามารถหลอมรวมกับวัตถุเทพได้สำเร็จตราบเท่าที่ไม่มีอุบัติ เหตุใด ๆ เกิดขึ้นกับเขา" จิตวิญญาณกระบี่พูดอย่างมั่นใจ ผู้อาวุโสลมก็ตระหนักถึงสิ่งที่จิตวิญญาณกระบี่พูดกับเจี้ยนเฉิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนทันที เขาพูดด้วยความตกใจ "เจ้าพูดอะไร ? เจี้ยนเฉินช่วยข้าได้งั้นหรือ ? " อย่างไรก็ตามจากนั้นเขาก็ส่ายหัว "นั่นเป็นไปไม่ได้ แม้แต่จอมปราชญ์สูงสุดที่เป็นดั่งตัวแทนสวรรค์ก็ไม่อาจช่วยข้าในเส้นทางที่ข้าเดินได้ ข้าต้องพึ่งโชคและดวงของข้าเองเท่าน นั้น ทำไมเจี้ยนเฉินถึงมีความสามารถในการช่วยข้าได้กัน ? " เมื่อได้ยินผู้อาวุโสลมพูด จิตวิญญาณกระบี่ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนที่ทั้งสองจะมองไปที่เจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าพวกเขากำลังรอให้เขาเอาแก่นโลหิตบรรพกาลออกมาจากร่างกายของเขา ทันทีที่แก่นโลหิตปรากฏออกมา เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังหมดแรง "ผู้อาวุโสลม แก่นโลหิตบรรพกาลของข้าแตกต่างออกไป มันสามารถช่วยท่านได้" เจี้ยนเฉินนำแก่นโลหิตบรรพกาลออกมามอบให้กับผู้อาวุโสลม "นั่นเป็นไปไม่ได้ แก่นโลหิตบรรพกาลในตอนนี้ของเจ้านั้นต่ำเกินไปในสายตาของข้า ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องพูดถึงแก่นโลหิตบรรพกาลที่จะไม่ผงาดเต็มที่ แม้แต่แก่นโลหิตบรรพกาลจากร่างบรรพก กาลที่บรรลุถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ไร้ประโยชน์กับข้า" ผู้อาวุโสลมส่ายหัว แต่ทันที่เขามองดวงตาของเขาก็เบิดกว้างและจับจ้องไปที่แก่นโลหิตบรรพกาล แม้แต่การหายใจของเขาก็ ราวกับหยุดลง ในเวลานี้ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังหยุดลงและมีเพียงสายตาของผู้อาวุโสลมเท่านั้นที่เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ "นะ-นะ-นี่คือพลังบรรพกาล.....นี่คือพลังบรรพกาลจริง ๆ..." ไม่นานราวกับว่าผู้อาวุโสลมได้ยืนยันความคิดของเขา ท้ายที่สุดเขาก็เริ่มพึมพำกับตัวเองอย่างมึนงง "เป็นไปไม่ได้ ! มันเป็นไปไม่ได้ ! มันไม่อาจเป็นไปได้เลย ! " ตอนนี้แม้แต่ความกดดันทางจิตใจที่ไม่สั่นคลอนของผู้อาวุโสลมก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขาเต็มไปด้วยอารมณ์ผีเ เข้า-ผีออกอีกครั้ง
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5776
สำหรับเจมส์ สมิธแล้ว เย่เฉินไม่เห็นใจเลย
ในโลกนี้ มีพ่อแม่ที่เป็นมะเร็งมากมาย เจมส์ สมิธเป็นเพียงหนึ่งในหลายพันคน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
และที่สำคัญที่สุดคือ เดิมทีเขามีโอกาสที่จะช่วยชีวิตลูกชายของตัวเอง แต่ความไม่รู้และความเย่อหยิ่งของเขา ทำให้เขาทิ้งโอกาสนี้ด้วยตัวเอง สถานการณ์แบบนี้ เขาไม่สมควรได้รับความเห็นอกเห็นใจจากใครอีก
เย่เฉินก็ไม่เคยคิดว่า จะเป็นฝ่ายให้โอกาสเขาและลูกชายเขาก่อน
แต่ว่า ที่ทำให้เย่เฉินตกใจเล็กน้อยคือ จากที่หูเล่อฉีพูด ครั้งที่แล้วที่เจมส์ สมิธเห็นตัวเอง พอตัวเองบอกเขาว่าอยากได้อะไรมาก็ต้องลงแรงก่อน ก็ลาออกจากตำแหน่งและงานที่เป็นผู้รับผิดชอบ FDA จริง ๆ ขายทรัพย์สินครอบครัว พาลูกไปก่อตั้งองค์กรการกุศลที่จินหลิง
แม้เย่เฉินจะรู้ดีว่า ที่เขาทำแบบนี้ เพราะอยากให้ลูกชายได้โอกาส แต่ทำให้เย่เฉินซาบซึ้งเล็กน้อยก็คือ เขาตั้งใจทำจริง ๆ สถานากรณ์แบบนี้ ตัวเองก็ถือว่าตอบแทนเขาแทนจินหลิง ซึ่งถือว่าดีมาก็ดีตอบ
และที่บังเอิญไปกว่านั้นคือ หูเล่อฉีที่พบกันโดยบังเอิญที่ภูเขาหลังเต่า ดันรู้จักเจมส์ สมิธ ต้องบอกว่า ยังไงก็มีโอกาสไม่มากก็น้อย
และเพราะแบบนี้ เย่เฉินจึงตัดสินใจชั่วคราว ให้โอกาสหูเล่อฉีและซูหลานมีชีวิตรอดแล้ว ก็ให้โอกาสลูกชายเจมส์ สมิธที่เป็นมะเร็งด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ความจริงว่า การกระทำสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าเจมส์ สมิธไม่ทำอย่างนี้หลังจากถูกปฏิเสธ งั้นลูกชายของเข าก็จะไม่มีวันได้ยาเกิดใหม่เก้าเสวียน
และที่โชคดีคือ เขาลงมือทำจริง และนี่ คือเหตุผลหลักว่าทำไมเย่เฉินถึงอยากช่วยลูกชายเขา
หูเล่อฉีคิดไม่ถึงว่า เย่เฉินเพิ่งได้ยินตัวเองเล่าเรื่องเจมส์ สมิธ ก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือเขา จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างตื่นเต้น:“อะเฉิน คุณจะช่วยลูกชายของสมิธให้ได้โควตามาจริง ๆ เหรอ?”
เย่เฉินยิ้ม แล้วพูดว่า:“พอคุณถึงจินหลิงแล้ว แค่ให้เขาพาลูกชายไปบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนด้วย ที่เหลือผมจะจัดการเอง”
หูเล่อฉีพูดอย่างขอบคุณว่า:“ขอบคุณคุณนะอะเฉิน!ขอบคุณมากจริง ๆ!”
เย่เฉินตบไหล่เขา พูดว่า:“พวกคุณกลีบไปบอกลาคนอื่น ๆ รีบออกเดินทางซะ พวกเราไปก่อนแล้ว”
หูเล่อฉีพยักหน้า ยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่เย่เฉินหันกลับไป และจากไปพร้อมกับหลินหว่านเอ๋อร์แล้ว
เมื่อมองส่งทั้งสองจนหายไปจากสายตา ซูหลานยังคงพูดอย่างไม่เชื่อว่า:“เล่อฉี คุณคิดว่าสิ่งที่อะเฉินพูดนั้นน่าเชื่อถือไหม?”
หูเล่อฉีพูดอย่างจริงจัง:“น่าเชื่อหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ผมตรวจสอบทางอ้อมจากด้านอื่น ๆ ได้ว่าเขามีความน่าเชื่อถือไหม”
ซูหลานถามอย่างสงสัยว่า:“ตรวจสอบทางอ้อมยังไง?”
หูเล่อฉีมองเธอ แล้วถามว่า:“คุณคิดว่าอะเฉินเป็นคนเลวไหม?”
ซูหลานครุ่นคิดเล็กน้อย ส่ายหัว พูดว่า:“ฉันว่าเขาน่าจะไม่ใช่คนเลว และก็……ฉันว่าเขาน่าจะไม่ใช่ทายาทคนรวยที่เอาแต่ใช้เงินแน่ มักจะรู้สึกว่าคน ๆ นี้มีบางอย่างลึกซึ้ง ไม่รู้นะว่ารู้สึกไปเองไหม”
หูเล่อฉียิ้ม แล้วพูดว่า:“ลึกซึ้งหรือไม่ ผมพูดไม่ได้ แต่ผมก็คิดแบบนั้น น่าจะไม่ใช่คนเลว”
พูดไป หูเล่อฉีก็พูดอีกว่า:“ตรวจสอบทางอ้อมที่ผมพูด ก็คือรู้สึกก่อนว่าอะเฉินเป็นคนเลวหรือไม่ ถ้าเขาให้ความรู้สึกว่าเป็นคนเลว งั้นเขาพูดอะไร พวกเราก็ไม่ต้องเชื่อ”
“แต่เพราะพวกเราคิดว่าเขาไม่ใช่คนเลว พวกเราก็ต้องพิจารณาคำถามสามัญสำนึก ถ้าคน ๆ หนึ่งไม่ใช่คนเลว งั้นเขาจะล้อเลียนความเป็นความตายของคนอื่นไหม?”
พูดจบ หูเล่อฉีจึงตอบไปว่า:“ผมว่าคำถามนี้ควรปฏิเสธ คนดี ไม่ว่าจะเก่งและยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่ล้อเลียนปัญหาความเป็นความตายของคนอื่นแน่”