สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 402 ถวายของล้ำค่า
ตอนที่ 402 ถวายของล้ำค่า
……….
ซินโย่วพาหัวหน้าหกเข้าวัง ก็เห็นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่รออยู่นานแล้ว
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”
หัวหน้าหกลงคุกเข่า “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ให้ซินโย่วลุกขึ้นก่อนมองไปทางหัวหน้าหกที่สีหน้าเคร่งเครียด แย้มสรวลเล็กน้อยตรัสว่า “เจ้าเองก็ลุกขึ้นได้”
หัวหน้าหกลุกขึ้นมาก็ก้มหน้าไม่กล้าหายใจดัง
“อาโย่วให้เจ้านำมันหวานกลับมา เจ้านำกลับมาแล้ว?”
“ทูล ทูลฝ่าบาท กระหม่อมนำกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรซินโย่ว
“หม่อมฉันตรวจดูแล้ว ที่นำกลับมาก็คือเถามันหวานเพคะ”
“ไม่เลว” แววพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มีรอยแย้มสรวลกดลึก “เจ้าชื่อจูลิ่วใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ที่ดินแดนโพ้นทะเล เจ้าได้ชิมมันหวานแล้วหรือยัง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถามประเด็นหลัก
หากรสชาติไม่ดี ก็คงได้แต่เสียดาย
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้กินแล้ว มันหวานทั้งหวานทั้งนุ่ม ไม่เพียงแต่อร่อย ยังอิ่มท้อง”
“จริงหรือ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระเนตรสว่างวาบ
ซินโย่วรับทูลต่อว่า “ฝ่าบาท นอกจากนำเถามันหวานกลับมา จูลิ่วยังนำมันหวานกลับมาด้วย น่าเสียดายท้องทะเลชื้น ระยะทางไกล เหลือกินได้ไม่มากนักเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามทันที “มันหวานที่นำกลับมาตอนนี้อยู่ที่ใด”
ซินโย่วยกตะกร้าในมือขึ้น “หม่อมฉันนำมาแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดผุดลุกขึ้นไม่ได้ “เปิดออกดูหน่อย”
ผ้าบางที่ปิดตะกร้าไว้ถูกเลิกขึ้น ในตะกร้ามีผ้านุ่มปู ด้านบนมีผลไม้รูปร่างทรงกระสวยสีแดงเข้ม
“เจ้าผลนี้ก็คือมันหวาน?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประเมินอย่างละเอียด ในใจคิดว่าผลนี่ดูแล้วก็ธรรมดาทั่วไป
“ได้ยินท่านแม่ว่า มันหวานไม่ใช่ผลไม้”
“ไม่ใช่ผลไม้แล้วคืออันใด” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จ้องตะกร้าตาไม่กะพริบ
“คือพืชหัว”
“พืชหัว?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แววพระเนตรสนพระทัยอย่างยิ่ง ตรัสถามว่า “มันหวานควรปรุงอย่างไร”
ซินโย่วส่งสายตาให้กำลังใจไปทางหัวหน้าหก
แม้นางได้ยินท่านแม่เคยกล่าวถึง แต่ทว่าหัวหน้าหกเห็นกับตา ชิมมาด้วยตนเอง ให้เขาพูดเองเหมาะสมกว่า
แม้หัวหน้าหกรู้สึกเกร็ง แต่ก็ตื่นเต้นเพียงในใจ รู้ว่านี่คือโอกาสที่ซินโย่วมอบให้เขา
“ทูลฝ่าบาท วิธีการกินทั่วไปของคนในท้องถิ่นก็คือล้างให้สะอาดแล้วก็นำไปนึ่งหรือต้มกิน หรืออาจต้มเป็นโจ๊ก และยังอาจนำไปเผากิน…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงตั้งใจรับฟัง แววพระเนตรตื่นเต้น “ถึงกับมีวิธีกินมากมายเพียงนี้!”
มองดูมันหวานสองผลน้อยจนน่าสงสาร ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตรัสว่า “วิธีที่ง่ายที่สุด ใช้น้ำนึ่งกระมัง ซุน เหยียน…”
ไม่นานซุนเหยียนก็สั่งให้คนนำมันหวานไปปรุง
ไม่ถึงสองเค่อ นางข้าหลวงห้องเครื่องก็ยกมันหวานนึ่งสุกเข้ามา
กระบวนการเสวยพระกระยาหารอย่างเป็นทางการแน่นอนย่อมมิใช่มหาขันทีเช่นซุนเหยียนมาทดสอบพิษ แต่เป็นนางข้าหลวงห้องเครื่อง ทว่าไม่มีคนเคยเห็นมันหวาน นางข้าหลวงห้องเครื่องเองก็ไม่รู้ว่ากินอย่างไร
หัวหน้าหกรีบทูล “แกะเปลือก กินแต่ด้านใน ความจริงจะกินพร้อมเปลือกก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
นางข้าหลวงห้องเครื่องหั่นมันหวานกินไปคำหนึ่ง ก่อนจะประคองมันหวานมายังเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
มันหวานรูปร่างหน้าตาธรรมดาถูกปอกเปลือกอย่างละเอียด แบ่งออกเป็นชิ้นพอดีคำ
หัวหน้าหกมองเห็นแล้วก็แอบกระตุกยิ้มมุมปาก
ฝ่าบาทพิถีพิถันในการเสวยจริง!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แทบจะรอคีบมันหวานเข้าปากลิ้มรสไม่ไหว
หวาน นุ่ม ละเอียด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เผยสีพระพักตร์ไม่อยากเชื่อ เสวยอีกหนึ่งชิ้น จึงได้แน่พระทัยว่ารสชาติจริงแท้
“เป็นไปได้อย่างไร!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เบิกพระเนตรกว้าง จ้องมองมันหวานในจาน
ในความคิดเขา ผลผลิตสูงและยังเป็นอาหารหลักให้อิ่มท้องได้ รสชาติก็มิได้แย่ ไม่เลวจริงๆ แต่เหตุใดมันหวานนี้จึงได้หวานและเนื้อละเอียดเช่นนี้
“ไม่ควรเป็นเช่นนี้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง “อาโย่ว เจ้าชิมดู”
ซินโย่วเองก็อยากรู้รสชาติมันหวาน รับตะเกียบเงินจากนางข้าหลวงห้องเครื่องมาคีบมันหวานชิ้นหนึ่งเข้าปาก
รสชาติความหวานนี้ทำให้รู้สึกถึงรสชาติหวานปานน้ำผึ้ง เหมือนกับที่ท่านแม่บรรยายให้นางฟัง
ซินโย่วกินมันหวานลงไปแล้วก็อดน้ำตารื้นขึ้นมาไม่ได้
เห็นชัดว่าท่านแม่ไม่อยู่แล้ว แต่ตอนนางได้ชิมมันหวาน กลับรู้สึกว่าท่านแม่ยังอยู่
ท่านแม่แนะนำหนังสือให้นางอ่าน เล่านิทานให้นางฟัง การอบรมสั่งสอนแต่ละหยาดหยด คุณค่าความล้ำค่าของสิ่งเหล่านี้จะดำรงอยู่ในชีวิตนางไม่มีวันจางหายตลอดไป
“เป็นอย่างไรบ้าง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถาม
ซินโย่วพยักหน้า “อร่อยเพคะ”
“ซุนเหยียน เจ้าชิมดูหน่อย”
ซุนเหยียนขอบพระทัยก่อนจะชิมมันหวานอย่างอยากรู้เช่นกัน ท่ามกลางสายพระเนตรวาดหวังรอคอยของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ รีบทูลว่า “ทั้งหวานทั้งหอม รสชาติดีมากพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงพระสรวลดัง
ซินโย่วรู้สึกว่าท่าทีฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แปลกประหลาดไปสักหน่อย เหตุใดจึงแทบอยากจะให้ทุกคนได้แบ่งปันความรู้สึกนี้ หวนคิดอีกที คนผู้นี้เห็นมันหวานเป็นดังสมบัติส่วนตัว นำของล้ำค่าออกอวดต่อสายตาผู้อื่นในฐานะเจ้าของ ก็เป็นเรื่องปกติมาก
“มันหวานนี้ควรปลูกอย่างไร” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงพระสรวลดังแล้วก็รีบตรัสถามประเด็นสำคัญ
หัวหน้าหกมองซินโย่วทีหนึ่ง
“ฝ่าบาทถามเจ้า เจ้าก็เล่าเรื่องที่ไปสอบถามมาได้ก็พอ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์ “ไม่เลว เจ้าไม่ต้องตื่นเต้น เราไม่กินคน”
หัวหน้าหกยิ้มกว้าง ทูลอย่างระมัดระวังว่า “ที่นั่นคล้ายว่ามีเพียงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อน น้ำฝนก็มาก กระหม่อมแอบสอบถามมา แม้มันหวานปลูกได้สี่ฤดู แต่น่าจะราวสี่เดือนจึงจะได้ผลผลิต…มากไปกว่านี้กระหม่อมก็สอบถามไม่ได้ความมากอันใด เกรงว่าชาวบ้านในพื้นที่จะรู้ตัว”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ฟังก็มองไปยังมันหวานในจาน ตรัสอย่างลังเลเล็กน้อย “ภูมิอากาศสองแผ่นดินต่างกัน”
ว่ากันว่าส้มที่ปลูกที่ไหวหนานเรียกจวี๋ ส้มที่ปลูกที่ไหวเป่ยเรียกจื่อ[1] มันหวานโพ้นทะเลนี้จะปลูกในแผ่นดินต้าซย่ายาวนานต่อไป เลี้ยงดูชาวต้าซย่าได้ยาวนานจริงหรือ
ครึ่งปีมานี้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่เคยตรัสถึงเรื่องหัวหน้าหกออกทะเลไปค้นหามันหวานกับพวกเสนาบดีกรมคลังแม้แต่คำเดียว ก็เพราะไม่อยากให้ดีใจเก้อ ทำให้ขุนนางพวกนั้นหัวเราะเยาะเอาได้
หัวหน้าหกไม่กล้าตอบต่อ เขาเป็นคนไร้ความรู้ ไปยังดินแดนโพ้นทะเลแล้วติดต่อกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างไร วิธีการค้นหามันหวานอย่างไรล้วนเพราะคุณหนูสอน ไหนเลยจะรู้ว่าภูมิอากาศไม่เหมือนกันแก้ไขอย่างไร
“หม่อมฉันพอรู้บ้างเพคะ” ซินโย่วเอ่ยขึ้น
“อาโย่วรีบว่ามา”
“ท่านแม่เคยบอกว่า มันหวานปลูกได้ทั้งเหนือและใต้ หากปลูกทางเหนือก็เหมือนพืชส่วนใหญ่ที่ปลูกกันในฤดูใบไม้ผลิ เก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ตอนนี้เถาที่ได้มานำไปใช้วิธีพิเศษเก็บให้ผ่านพ้นฤดูหนาวไปก่อน…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ฟังแล้วก็ส่ายพระพักตร์
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการเก็บรักษาเถามันหวานล้ำค่าให้ผ่านพ้นฤดูหนาวอย่างไร ตอนนี้เพิ่งเดือนเก้า รอให้ถึงฤดูกาลเพาะปลูกปีหน้า การจะแน่ใจเรื่องปริมาณผลผลิตมันหวานใช่ว่าต้องรออีกปีหนึ่งหรือ
“หากเป็นทางใต้ อากาศฤดูใบไม้ร่วงปลูกได้ รอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็เก็บเกี่ยวได้แล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ดีพระทัยยิ่ง “เช่นนี้ก็ไปปลูกทางใต้ หากมันหวานสร้างผลผลิตมหาศาลได้จริง ยังไม่ต้องคำนึงพื้นที่ปลูก ก็จะได้นำไปเผยแพร่ให้กว้างขวาง ราษฎรก็จะไม่ต้องอดอยากหิวโหยกันอีก”
ซินโย่วพยักหน้า ในความคิดนางเรื่องนี้ไม่อาจรอช้า ปลูกมันหวานก่อนค่อยว่ากัน
“ผู้รับผิดชอบลงใต้ไปทำหน้าที่เรื่องนี้…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ครุ่นคิดจริงจัง
“ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันไปเถอะเพคะ หม่อมฉันรู้หลักการสำคัญของการปลูกมันหวานอยู่บ้าง แม้ว่าเป็นเพียงอ่านมา มิได้ทดลองทำจริง แต่พอถึงพื้นที่ปลูกก็จะขอให้ชาวนาผู้มีประสบการณ์สองสามคนมาหารือ น่าจะไม่มีปัญหาเพคะ”
ซินโย่วขอร้องด้วยตนเองเช่นนี้ทำให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงลังเลอยู่เป็นนาน แต่เพื่อให้ต้าซย่าได้ของล้ำค่าเช่นมันหวานนี้มาอย่างแท้จริงจึงได้รับปาก “ได้ เราตกลง”
[1] หมายถึงส้มเหมือนกัน ปลูกคนละพื้นที่เรียกชื่อต่างกัน