กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 38 บ้านพัก
บทที่ 38 บ้านพัก
บทที่ 38 บ้านพัก
เมื่อเสียงของรถแทรกเตอร์ดังขึ้น ร่างของเซี่ยโยว่หมิงกับเซี่ยจิ่งเยว่ห่างออกไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นจุดสีดำสองจุดและหายลับสายตาไป
“นี่…เอาไว้เช็ดน้ำตานะ” เสียงของเสิ่นอี้โจวดังขึ้นข้าง ๆ เขานั่งอยู่เคียงข้างเธอ มือถือผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะส่งต่อมันให้เธอ
เซี่ยชิงหยวนเพิ่งรู้ตัวว่าเธอกำลังร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง
เธอรับผ้าเช็ดหน้ามาและพูดว่า “ขอบคุณนะ”
เธอมักจะรู้สึกว่าตนเองมีชีวิตยืนยาวกว่าคนอื่นและแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว แต่เมื่อเผชิญกับความรักของครอบครัว เธอกลับอ่อนแอลงโดยไม่มีเหตุผล
หญิงสาวยังคงเชื่อมันว่า เธอยังมีหนทางอีกยาวไกลและมีหลายสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นการจากไปในวันนี้จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไร เสิ่นอี้โจวก็ปลอบใจเธออีกครั้ง “เราจะกลับมาในอีกสองสามเดือน เมื่อถึงตอนนั้น เราจะกลับมาหาพ่อแม่และพี่น้องของเราที่บ้าน ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถอยู่บ้านของคุณสักสองสามวันได้”
ชิงหยวนหันไปมองเขา นัยน์ตาที่กำลังหลั่งน้ำตาเมื่อครู่ทอประกายวาบ หญิงสาวรู้ดีว่าเขาไม่เพียงปลอบโยนเธอเท่านั้น แต่ยังให้คำสัญญาเช่นกัน
เธอพยักหน้ารับ จากนั้นก็วางมือเล็ก ๆ ไว้บนแขนของเขาและตอบไม่ตรงคำถามว่า “เสิ่นอี้โจว ฉันตามคุณไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างเมืองเตียนเฉิงเลยนะ ดังนั้นคุณต้องปฏิบัติต่อฉันอย่างดี”
เมื่อมองดวงตาใสกระจ่างดุจแสงรุ่งอรุณของเธอ เสิ่นอี้โจวก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธมันได้
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนรอฟังอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มก็ตอบว่า “ได้สิ”
ชายหนุ่มคิดว่าคำตอบนี้กับสิ่งที่เขาจะทำในอนาคตไม่มีสิ่งใดขัดแย้งกัน
นั่นก็เพราะว่า เมื่อเขาเริ่มทำดีต่อเธอมากขึ้น เป้าหมายสุดท้ายของ
เขาก็จะสำเร็จลุล่วง
หลังจากได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
เธอพิงศีรษะกับไหล่ของเขา เมื่อมองทิวทัศน์ที่คุ้นตาจากสองฟากถนนเลือนลับไปจากสายตา หัวใจของเธอเปี่ยมไปด้วยความหวังในทันที
เธอเชื่อว่าทุกอย่างจะพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
ทั้งสองมาถึงสถานีขนส่งในเมืองและซื้อตั๋วไปเตียนเฉิง ในที่สุดก็ไปถึงเมืองหลังจากนั่งรถที่โยกเยกไปมาเพราะถนนเป็นหลุมเป็นบ่อมานานกว่าสี่ถึงห้าชั่วโมง
เซี่ยชิงหยวนอาเจียนตามที่คาดการณ์ไว้
แม้จะเตรียมการไว้ล่วงหน้า เธอก็ยังเวียนหัวแล้วยังคงอาเจียนระหว่างทางถึงสองครั้ง
แต่เมื่อเทียบกับคราวก่อนที่อาเจียนออกมา ครั้งนี้ถือว่าดีกว่ามาก
เมื่อมาถึงสถานีขนส่งในเมืองเตียนเฉิง พวกเขาก็นั่งรถสามล้อไปยังสถาบันวิจัย โดยใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง
เสิ่นอี้โจวซื้อโจ๊กให้เธอ แต่เซี่ยชิงหยวนยังคงมีอาการคลื่นไส้ จึงไม่สามารถกินได้
รถสามล้อส่วนใหญ่ในเวลานี้ขับเคลื่อนด้วยแรงคนถีบ ดังนั้นรถใช้ไฟฟ้าจึงค่อนข้างหาพบได้ยากมาก
ส่วนรถสามล้อไฟฟ้านั้นมีขนาดใหญ่กว่า และมีที่กำบังกันน้ำสีเขียวทหารอยู่ทางด้านหลัง ประตูรถถูกสร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย หากเตะทีหนึ่งก็จะพังลงมาได้
หลังจากขึ้นรถสามล้อแล้ว ขณะที่รถส่ายไปมา หญิงสาวก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เธอโน้มตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเสิ่นอี้โจว
เมื่อเห็นอาการของภรรยาเริ่มไม่ดี แววตาของชายหนุ่มก็เผยความไม่สบายใจออกมา เขาประคองเธอด้วยมือ และปรับท่านั่งเพื่อให้เธอเอนตัวได้สบายยิ่งขึ้น
ในที่สุดรถสามล้อก็มาจอดเทียบตรงหน้าบ้านชั้นเดียวแห่งหนึ่ง
เมื่อรถหยุดลง มันก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อาศัยอยู่ในระแวกใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกับเสื้อกันหนาวแบบสั้นและเสื้อคลุมของผู้คนในหมู่บ้านซีสุ่ย ผู้คนที่นี่แต่งตัวเรียบร้อยกว่ามาก
นอกจากชุดทำงานแล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะสวมกางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตแขนสั้นแบบตะวันตก ส่วนผู้หญิงจะมีการแต่งตัวที่หลากหลายมากกว่า เช่น เสื้อเชิ้ต เสื้อไหมพรมและเสื้อผ้าจากต่างประเทศ
พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จักของเสิ่นอี้โจว คนเหล่านี้แวะเวียนมาทักทายชายหนุ่มทีละคน
เสิ่นอี้โจวกระโดดลงจากรถ แล้วจึงตอบกลับพวกเขาอย่างสุภาพ จากนั้นก็ยื่นมือเข้าไปในรถสามล้อ
ตามการเคลื่อนไหวของเสิ่นอี้โจว ผู้คนต่างมองไปยังประตูที่แง้มเปิดของรถสามล้อโดยพร้อมเพรียงกัน
มีคนอื่นด้วยเหรอ?
เสิ่นอี้โจวไม่ได้กลับมาคนเดียวหรอกเหรอ?
สายตาของทุกคนจึงเปล่งประกายความคิดหวัง เมื่อเห็นมือเรียวบางยื่นมาจับมือของเสิ่นอี้โจว
มือคู่นั้นเรียวบาง ขาวสะอาดและอ่อนนุ่มราวกับมือของสตรี และจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาอย่างแน่นอน
เสิ่นอี้โจวพาผู้หญิงมาที่นี่!
ทันใดนั้น ลมหายใจของทุกคนก็หยุดลงพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
เสิ่นอี้โจวกระตุกมืออย่างแรง จากนั้นหญิงสาวในชุดเสื้อฟ้าซีดกางเกงสีดำก็ลงมาจากรถ
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้น ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจว่า ‘เธอสวยมาก!’
เสิ่นอี้โจวเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เดินทางมาถึงเร็ว และหอพักใหม่สำหรับเจ้าหน้าที่ก็สร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มคนที่เพิ่งย้ายมาจึงพบกับเซี่ยชิงหยวนเข้า จึงถามด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าแผนกเสิ่น สาวสวยคนนี้คือใครคะเนี่ย?”
ผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นก่อนใครเพื่อน เธอมีชื่อว่าเซวียไฉ่เฟิ่ง
คนรักของเธอเป็นนักวิจัยในสถาบันนี้เช่นกัน แม้ผู้ชายของเธอมีความประสบการณ์การทำงานมากกว่าเสิ่นอี้โจว แต่ความสามารถของเขาก็ไม่ได้ดีเท่าอีกฝ่าย นั่นจึงทำให้เสิ่นอี้โจวได้รับเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้า ส่วนคนรักของเธอยังคงเป็นเพียงเจ้าหน้าที่วิจัยธรรมดา
เธอเองก็ย้ายมาอยู่ที่นี่เช่นกัน ทว่าแม้หญิงสาวจะเป็นคนสวย แต่ก็เป็นคนอารมณ์ร้อนเช่นกัน
เดิมทีคิดว่าเธอสวยที่สุดในสถาบันวิจัยแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเสิ่นอี้โจวจะพาผู้หญิงที่สวยกว่าเธอหลายเท่ามาที่นี่ด้วย
เมื่อชายหนุ่มพยุงให้ผู้เป็นภรรยายืนตรงได้แล้ว เขาก็ตอบว่า “เธอเป็นภรรยาของผมเอง ชื่อเซี่ยชิงหยวน”
เซี่ยชิงหยวนยืนอย่างโงนเงนอยู่ข้างกายเสิ่นอี้โจว ใบหน้าของเธอซีดเซียวเพราะอาการเมารถ ริมฝีปากของเธอก็ขาวซีดเช่นกัน
ใบหน้าของเธอมีเสน่ห์มากล้นอยู่แล้ว ความซีดเซียวที่ปรากฏอยู่จึงยิ่งเผยให้เห็นความงามที่คล้ายกับซีซือ*[1] มากยิ่งขึ้น
คนที่เคยเจอเซี่ยชิงหยวนมาก่อน จำได้ทันทีว่านี่คือภรรยาที่เพิ่งแต่งงานเข้ามาของเสิ่นอี้โจว หญิงสาวเคยมาที่สถาบันวิจัยแล้วเมื่อหลายปีก่อน
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังระหองระแหงกันหรอกเหรอ?
ทำไมเธอถึงมาที่นี่กับเสิ่นอี้โจวได้เล่า?
แต่เมื่อมองดูท่าทางของอีกฝ่ายแล้ว ก็ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก
เมื่อได้ยินเสิ่นอี้โจวแนะนำเธอ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มจาง ๆ พยักหน้าและทักทายทุกคน
เซวียไฉ่เฟิ่งพ่นลมผ่านจมูก ก่อนจะพูดพร้อมกับยิ้ม “ฉันได้ยินมาว่าหัวหน้าแผนกเสิ่นแต่งงานนานแล้ว แต่เพิ่งจะได้พบกับภรรยาของเขาก็วันนี้เอง”
จากนั้นหญิงสาวก็หันไปหาเซี่ยชิงหยวน เอวเล็กของเธอรัดด้วยเสื้อผ้าเสียแน่นหนา “ฉันชื่อเซวียไฉ่เฟิ่งและคนรักของฉันก็เป็นนักวิจัยในสถาบันนี้เหมือนกัน”
เซี่ยชิงหยวนเข้าใจความหมายเชิงล้อเลียนในคำพูดของเธอ
แต่ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก และอยากจะออกไปจากตรงนี้โดยเร็ว เธอจึงไม่ค่อยให้ความสนใจอีกฝ่ายมากนัก
เซี่ยชิงหยวนเพียงยิ้มให้อีกฝ่าย
เซวียไฉ่เฟิ่งราวกับชกปุยนุ่นด้วยกำปั้น แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจ เธอเพียงต้องการคุยกับพวกเขาอีกครั้ง แต่เสิ่นอี้โจวกลับพูดขึ้นเสียก่อน
เขาจับมือเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย พอดีชิงหยวนมีอาการเมารถ เราขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”
หลังจากพูดจบ เขาก็ถือกระเป๋าเดินทางออกจากรถ จ่ายค่าโดยสารให้คนขับและกำลังจะพาเซี่ยชิงหยวนออกไป
แต่ในเวลานั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า “พี่เสิ่น ให้ผมพาพี่ไปที่ห้องเถอะ”
เสิ่นอี้โจวแนะนำเซี่ยชิงหยวน “นี่คือโจวหยางจากแผนกของเรา คุณเรียกเขาว่าเสี่ยวโจวก็ได้”
ความประหลาดใจแล่นผ่านดวงตาของโจวหยาง เขาเบิกตากว้าง ก่อนจะทักทายเซี่ยชิงหยวนด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้!”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอายเล็กน้อยที่ถูกเรียกว่าพี่สะใภ้ หญิงสาวพยักหน้าให้อีกฝ่าย “สวัสดีค่ะ”
ปรากฏว่าหลังจากที่เธอบอกกับเสิ่นอี้โจวในวันนั้นว่าจะมาที่เมืองเตียนเฉิงกับเขา ชายหนุ่มก็โทรหาหน่วยงานของเขาและบอกว่าเขาจะขอลงทะเบียนสำหรับเข้าพักในบ้านสำหรับครอบครัว เพราะจะพาภรรยามาอยู่ด้วยกันหลังวันหยุด
ข่าวนี้ทำให้พวกคนระดับสูงของสถาบันมีความสุขมาก
เสิ่นอี้โจวเป็นดั่งกระดูกสันหลังของสถาบัน เขาหมกมุ่นอยู่กับงานตลอดทั้งวัน แต่กลับไม่มีคนดูแลเขาเลย โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วก็มักจะแวะเวียนมาที่สถาบันเป็นครั้งคราว
เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว พอเสิ่นอี้โจวพาภรรยามาที่นี่ พวกเขาจะได้ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกในอนาคต
เนื่องจากเหตุผลทางธรณีวิทยา เตียนเฉิงจึงเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ดังนั้นพื้นที่แถบนี้จึงไม่ค่อยมีการสร้างตึกสูงมากนัก และบ้านครอบครัวส่วนใหญ่ก็เป็นบ้านหลังใหญ่ชั้นเดียว
อาคารแบ่งเป็นชั้นบนกับชั้นล่าง ชั้นบนมีสองห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นอยู่ชั้นที่สูงขึ้นไป ซึ่งเคยใช้เป็นห้องประชุมหรือห้องรับรอง ส่วนฝั่งตรงข้ามของชั้นล่างคือ ห้องครัวและสนามหญ้า
บ้านของพวกเขาถูกจัดให้อยู่หลังสุดท้าย โดยมีกำแพงสูงหันหน้าเข้าหาทุ่งหญ้าสีเขียว ซึ่งตรงนั้นก็มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่าน
เซี่ยชิงหยวนพอใจกับสิ่งนี้อย่างมาก
แต่เมื่อมาถึง หญิงสาวอ้าปากค้างเมื่อพบว่า ไม้กระดานของเตียงเดียวที่มีอยู่ในห้องกลับหายไป
[1] ซีซือ คือ หนึ่งในสี่สาวงามในตำนานของประเทศจีน