กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 387 หอมบ้าอะไรกัน! คนหลอกลวง!
บทที่ 387 หอมบ้าอะไรกัน! คนหลอกลวง!
บทที่ 387 หอมบ้าอะไรกัน! คนหลอกลวง!
เผ่ยเยว่และเซี่ยชิงหยวนเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกราวกับเป็นเพื่อนกันมานาน ในขณะที่เลือกเสื้อผ้า ทั้งสองพูดคุยกันตั้งแต่เรื่องอุตสาหกรรมเสื้อผ้าในประเทศไปจนถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นต่างประเทศ หากไม่ใช่เพราะว่าใกล้จะถึงเวลากินข้าวแล้ว ไม่แน่ว่าเผ่ยเยว่อาจจะยังไม่ยอมกลับไป
สุดท้ายเผ่ยเยว่ก็ลงเอยด้วยการซื้อเสื้อคลุมตัวนอกสามตัว พร้อมด้วยกางเกงขายาวเข้าชุดกัน กระโปรงยาว และชุดเดรสผ้ายืด
เซี่ยชิงหยวนมอบส่วนลดให้แก่หญิงสาว รวมถึงลูกค้าที่มาซื้อเสื้อผ้าในวันนี้ 5%
นี่เป็นส่วนลดครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดร้านยามต้องมนต์มา ถึงแม้จะไม่มาก แต่ทุกคนก็พอใจอย่างยิ่ง
เผ่ยเยว่ถือถุงสินค้าไว้พร้อมกล่าวกับเซี่ยชิงหยวนอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “คุณนายเสิ่น คราวหน้าถ้ามีเวลา ฉันจะมาหาคุณนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มพลางพยักหน้า ก่อนจะไปส่งเธอไปที่ประตู “ได้เลยค่ะ”
เผ่ยเยว่ดูเหมือนจะเพิ่งนึกถึงเซี่ยจื่ออี้ขึ้นมาได้ สีหน้าพลันเต็มไปด้วยคำขอโทษ “ขอโทษด้วยนะคะพี่จื่ออี้ ฉันมีความสุขมากเลยจนลืมคุณไปชั่วขณะน่ะค่ะ”
เซี่ยจื่ออี้ที่ถูกทิ้งไว้อย่างเฉยเมยมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ของเผ่ยเยว่ที่ขอโทษด้วยใจจริง จึงระงับความโกรธที่มีมานานลง ก่อนจะยกมุมปากขึ้น “ไม่เป็นไร ฉันบอกเธอเองนี่ว่าจะมาดูเสื้อผ้าเป็นเพื่อน”
เผ่ยเยว่จับมือเธออย่างสนิทสนม “ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ! วันนี้ลำบากพี่แล้วค่ะ มื้อเที่ยงวันนี้ฉันเลี้ยงเอง!”
เซี่ยจื่ออี้ “จ้ะ”
เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ข้างประตู มองแผ่นหลังของพวกเธอ พร้อมยกยิ้มและส่ายหัว
เผ่ยเยว่คนนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ
เธอหาวอย่างเกียจคร้าน “เฮ้อ กินแล้วก็นอนดีกว่า”
….
ฉีจิ่นจือออกไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนร่วมงานที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ไปบ่อย ๆ
ขณะที่เขาเดินผ่านร้านอาหารเซี่ยงไฮ้ สายตาของเขาจับจ้องไปยังจุดหนึ่ง ฝีเท้าพลันหยุดลง
เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่มากับเขาต่างก็มองไปในทิศทางที่ชายหนุ่มมองเช่นกัน
พบว่าเป็นผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ที่ที่นั่งริมหน้าต่างกำลังพูดคุยหัวเราะกัน ในขณะที่กำลังกินอาหาร
หนึ่งในคนที่มาด้วยเคยพบกับเซี่ยจื่ออี้ พูดขึ้นว่า “พี่ฉี สนใจคนไหนอยู่เหรอ?
ถ้าคนทางซ้ายคนนั้น ผมรู้จักเธอ เธอเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการเซี่ยน่ะ!”
เขาพูดพลางใช้ปลายลิ้นเดะเพดานปาก “แต่ว่า… ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก”
อีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้นว่า “ส่วนผู้หญิงอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ ผมเห็นเธอเมื่อวานนี้เอง เมื่อวานตอนที่ผมอยู่บนถนน ดูเหมือนว่าคนที่นั่งมาบนรถของอำนวยการจะเป็นเธอนะ”
เขามองไปที่ฉีจิ่นจือ “พี่ฉี ตกลงพี่รู้จักเธอไหม?”
เทียบกับการพูดถึงเซี่ยจื่ออี้และเผ่ยเยว่แล้ว ความสนใจของฉีจิ่นจือกลับอยู่ที่ถุงสินค้าที่เผ่ยเยว่วางไว้มากกว่า
เขาเคยเห็นถุงสินค้าใบนั้นนับครั้งไม่ถ้วน ผู้หญิงที่ซื้อของออกมาจากร้านยามต้องมนต์ต่างถือมันไว้ในมือ
เขาพูดทิ้งท้ายไปหนึ่งประโยค “ฉันมีเรื่องที่ต้องทำ พวกนายกินข้าวกันก่อนเลย”
ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไป
“เอ๊ะ พี่ฉี?” มีคนจะตามเขาไป แต่ฉีจิ่นจือได้เดินออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว
พวกเขามองกันไปมองกันมา ด้วยไม่รู้ว่าจู่ ๆ เกิดอะไรขึ้นกับฉีจิ่นจือ
ในตอนที่ฉีจิ่นจือรีบวิ่งไปยังร้านยามต้องมนต์ เซี่ยชิงหยวนซึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก ๆ หน้าประตู ในมือถือเกี๊ยวซ่าอยู่ เธอกินมันไปพร้อมกับทำท่าแยกเขี้ยวยิงฟัน
เซี่ยชิงหยวนขอให้พ่อค้าเติมหัวไชเท้าดองและน้ำมันพริกลงไปเยอะ ๆ ทำให้มีรสเปรี้ยวและเผ็ด กินได้อย่างเพลิดเพลิน
อีกทั้งความเผ็ดและเปรี้ยวก็ช่วยระงับอาการคลื่นไส้ จึงทำให้เป็นเมนูโปรดของเธอในช่วงนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเสิ่นอี้โจวก็ไม่รู้ว่าเธอกินของแบบนี้ ไม่เช่นนั้น เขาจะบอกว่ามันไม่ถูกโภชนาการและจะไม่ปล่อยให้เธอกินมันแน่นอน
เซี่ยชิงหยวนกัดเกี๊ยวซ่าไปคำหนึ่ง รสชาติของแป้งข้างนอกที่ไหม้เกรียมผสมกับเนื้อและผักที่หั่นเป็นชิ้น ๆ และหัวไชเท้าดองหั่นฝอยนั้นอร่อยจนเธอหรี่ตาพริ้มอย่างพึงพอใจ
ก่อนที่เธอจะกลืนลงไปก็พลันเห็นฉีจิ่นจือยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อยราวกับว่าเขาเพิ่งวิ่งมา
ชายหนุ่มมองเธออย่างลึกซึ้ง บริเวณหว่างคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขาหลุกหลิกไปด้วยอารมณ์ที่เธอไม่เข้าใจ
เซี่ยชิงหยวนชะลอความเร็วลงครึ่งจังหวะแล้วยกเกี๊ยวซ่าขึ้นมาหาเขา “คุณ…กินไหม?”
ในเวลาต่อมา สีหน้าของฉีจิ่นจือก็ผ่อนคลายลง นัยน์ตาดอกท้อเป็นประกายอย่างอารมณ์ดี “กิน”
เซี่ยชิงหยวน “…”
ผู้ชายคนนี้ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ กินของจากคนตั้งครรภ์ตลอด ไม่รู้หรือไงว่านั่นเป็นการถามไปตามมารยาทน่ะ?
เธอจึงทำได้เพียงตะโกนไปในร้าน “อาเซียง เอาเกี๊ยวซ่าที่เหลือออกมาหน่อย”
อาเซียงส่งเสียงตอบมาจากในร้านว่า “ค่ะ!”
ไม่นานหญิงสาวก็ออกมาพร้อมกับเกี๊ยวซ่า
เมื่อเห็นฉีจิ่นจือก็พลันชะงัก ก่อนจะพยักหน้าทักทาย “คุณชายฉี”
จากนั้นจึงส่งเกี๊ยวซ่าให้เซี่ยชิงหยวน “พี่เซี่ย ยังจะกินอีกเหรอคะ? อีกสักพักค่อยกินใหม่ดีไหม? ไม่อย่างนั้นถ้ากินมากเกินไปจะอาเจียนเอาอีกก็ได้นะ”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอหยิบเกี๊ยวซ่าไปวางไว้ในมือของฉีจิ่นจือ “ให้เขาน่ะ”
รอยยิ้มของฉีจิ่นจือลึกซึ้งยิ่งขึ้น “ขอบคุณครับ”
อาเซียงชะงัก “อ้อ”
เซี่ยชิงหยวนพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรแล้ว เธอเข้าไปกินข้าวกลางวันเถอะ”
อาจเป็นเพราะโจวจิ่นจือทิ้งภาพจำไว้กับหญิงสาวอย่างตราตรึง เวลาที่อยู่ต่อหน้าฉีจิ่นจือ อาเซียงจึงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ่มด้วยความกลัว
เธอตอบรับ ก่อนจะเดินกลับเข้าร้านโดยหันกลับมามองซ้ำ ๆ
คุณชายฉีเองไม่ใช่พวกขาใหญ่ผู้มีอิทธิพลในเมืองกว่างโจว และดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่เซี่ย รวมถึงพี่เขย ทั้งยังเป็นพ่อทูนหัวของเด็กด้วย เขาคงไม่ทำร้ายพี่เซี่ยหรอกมั้ง?
ฉีจิ่นจือรับเกี๊ยวซ่ามาโดยไม่ได้ขยับม้านั่ง เขาเพียงนั่งลงไปข้าง ๆ เซี่ยชิงหยวน ก่อนจะกินเกี๊ยวซ่าเข้าไป
หลังจากเคี้ยวไปสองสามคำ รสเปรี้ยวของหัวไชเท้าดองก็กระจายอยู่ในปากทำให้เขาหรี่ตาลง
มันเปรี้ยวเกินไป
เมื่อเห็นแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนจึงหัวเราะออกมา “อร่อยใช่ไหมล่ะ?”
เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่เธอชอบเกี๊ยวซ่าของร้านนี้ก็คือหัวไชเท้าดองนั้นมีรสเปรี้ยวมากพอ
ฉีจิ่นจือพยักหน้าอย่างยากลำบาก “อร่อยดี”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็กินเกี๊ยวซ่าเข้าไปอีกคำต่อหน้าเซี่ยชิงหยวนโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี
คราวนี้เขาเคี้ยวเพียงไม่กี่ครั้งก็รีบกลืนลงไปเลย
เซี่ยชิงหยวนพลันนึกขึ้นมาได้ “ไม่ใช่ว่าคุณไม่ชอบอาหารที่มีรสเปรี้ยวหรอกเหรอ? หรือว่าร้านลืมใส่หัวไชเท้าดองในเกี๊ยวซ่าอันนี้น่ะ?”
เธอขยับเข้าไปเพื่อดูว่าเกี๊ยวซ่าของฉีจิ่นจือลืมใส่หัวไชเท้าดองจริงหรือไม่
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนขยับเข้ามาหา กลิ่นหอมเย็นจาง ๆ ก็ลอยเข้ามาแตะจมูกของเขาราวกับพลังที่ครอบงำ ทำให้เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ฉีจิ่นจือกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัวขณะที่เขามองไปยังใบหน้าที่เข้ามาใกล้ของเซี่ยชิงหยวน
ภายนอกเขาดูสงบ แต่หัวใจที่อกข้างซ้ายนั้นเต้นระรัว
เขาต้องการที่จะนำมือไปปกปิดมันไว้ ด้วยกลัวว่าเซี่ยชิงหยวนจะได้ยิน
และเพราะเกรงว่าการกระทำของเขาจะเกินเหตุ เขาจึงบีบต้นขาแน่นด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อควบคุมตัวเองไว้
ด้วยความตื่นตระหนก ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังริมฝีปากสีแดงเรื่อของเธอ ก่อนจะรีบหลบสายตาอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนยังคงพึมพำ “ไม่ใช่สิ ของคุณก็มีหัวไชเท้าดองอยู่นี่!”
เซี่ยชิงหยวนพบว่าหัวไชเท้าดองถูกกัดอย่างเห็นได้ชัดจึงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ก่อนจะพบว่าฉีจิ่นจือละสายตาหันหน้าหนีไปจากเธอแล้ว เขาไม่ได้มอง ทั้งยังมีท่าทีอดทนอดกลั้นอย่างยิ่ง
ผมของเธอมีกลิ่นงั้นเหรอ?
เมื่อคืนเธออาเจียนหนักเสียจนอ่อนแรง และมันดึกแล้ว เธอจึงไม่ได้สระผม
ขี้เกียจสระผมสักครั้งคงไม่ถึงขั้นทำให้ใครได้กลิ่นหรอกใช่ไหม?
ช่างขายหน้าจริง ๆ
เธอรีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที
หากแต่ฉีจิ่นจือรีบลุกขึ้นยืนก่อนเธอ เขาขยับตัวก้าวถอยหลังไปไกล ห่างจากเธอราวสองเมตรได้มั้ง
เซี่ยชิงหยวน “…”
เอาละ ผมของเธอเหม็นจริง ๆ สินะ
ต้องขอบคุณที่เมื่อเช้านี้เสิ่นอี้โจวยังคงกอดและหอมผมของเธอ และบอกว่าตัวหอมมาก
หอมบ้าอะไรกัน!
คนหลอกลวง!
ฉีจิ่นจือกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “คือว่า… เมื่อเช้านี้มีอะไรเกิดขึ้นที่ร้านหรือเปล่า?”
ในตอนที่ฉีจิ่นจือพูดถึงเรื่องนี้ สายตาของเขาจ้องมองไปยังร้านค้าบนถนนฝั่งตรงข้าม พลางหายใจเข้าลึก ในที่สุดหัวใจก็เต้นช้าลงซะที
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาคับแค้นใจ “มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป ผมของเธอเหม็นจะตายอยู่แล้ว
เธอจะกลับบ้านไปสระผมตอนนี้เลย!