การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 108
นาร์เบ ริทเทอร์มีคนอยู่ประมาณหนึ่งพันคน พวกเขาเป็นเหมือนกับกองทัพอิสระ
ตอนนี้, คนเหล่านี้ได้มารวมกันเบื้องหน้าฉันภายใต้คำสั่งของลาส
“องค์ชายมีเรื่องอยากจะคุยกับพวกเจ้าทุกคน”
ลาสพูดแบบนั้นออกมาแล้วเดินลงมาจากแท่นยืนเพื่อมอบจุดนั้นให้กับฉัน
ฉันเดินขึ้นไปแล้วเผชิญหน้ากับสมาชิกนับพันคนของนาร์เบ ริทเทอร์
พวกเขาทุกคนกำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่คมกริบ
โดยไม่พูดอะไรให้มากพิธี, ฉันได้ตัดตรงเข้าประเด็นเลย
“มีวี่แววว่าจะเกิดความขัดแย้งทางตอนใต้ ถ้าสงครามกลางเมืองเกิดขึ้น, มันก็จะเป็นสงครามใหญ่ ข้ากับน้องชายของข้า, ลีโอนาร์ด, ได้คิดแผนโจมตีพวกเขาที่เผลอเพื่อหยุดไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น เพื่อการนั้นเอง, พวกเราจึงต้องการหน่วยระดับสูง ที่ข้ามายืนต่อหน้าพวกเจ้าในวันนี้ก็เพื่อจะพูดเรื่องนั้น”
หลังจากอธิบายสถานการณ์อย่างรวบๆ, ฉันก็เงียบลง
สีหน้าของพวกเขาส่วนใหญ่บ่งบอกว่าพวกเขาคิดเอาไว้แล้วว่ามันจะพัฒนาไปทางนั้น แบบนี้ก็แสดงว่าทางใต้เอาจริงเอาจังขนาดนั้นเลยสินะ
อาวุธกับอาหาร, ถ้าตามย้อนเส้นทางของพวกมันดู, ก็จะสังเกตเห็นว่าพวกมันเริ่มหมุนเวียนอย่างผิดปกติที่ไหนและเมื่อไหร่ สำหรับทหาร, เจตนาของขุนนางทางใต้นั้นชัดเจนอยู่แล้ว
“แผนการก็คือให้ลีโอแทรกแซงฐานที่มั่นของศัตรูในฐานะคณะผู้ส่งสารและกำจัดหัวหน้าของศัตรู, ดยุคครูเกอร์ ถ้าข้ามอบคำสั่งให้ภารกิจของพวกเจ้าก็คงจะเป็นการปกป้องลีโอ แต่ว่า, ภารกิจนี้เป็นงานที่ทั้งยากและอันตราย ข้าไม่อยากให้ชีวิตของน้องชายข้าอยู่ในมือของคนที่แค่ทำตามคำสั่งอย่างเดียว ข้าอยากให้พวกเจ้าอาสาทำด้วยใจ”
หลังจากที่ฉันพูดแบบนั้น, ความเงียบก็ปกคลุมอยู่พักนึง
มีทั้งพวกที่ประหลาดใจกับคำขอไร้สาระของฉันอย่างจริงจังและพวกที่แสดงความดูถูกออกมาอย่างเห็นได้ชัด
มีหลากหลายสีหน้าแต่ไม่มีใครที่แสดงสีหน้าไปในทางบวกเลย
เอาเถอะ, มันก็แน่หล่ะนะ ขนาดฉันเป็นคนพูดเองยังอดรู้สึกว่ามันไร้สาระไม่ได้เลย
“ผู้คนมากมายจะต้องเจ็บปวดถ้ามีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นทางใต้ แล้วจักรวรรดิก็จะอ่อนแอลงด้วย นี่คือสาเหตุที่ลีโอตัดสินใจจะมุ่งหน้าลงใต้ทั้งๆที่รู้ถึงอันตรายดี ต่อให้ข้าไม่ใช่น้องชายของเขา, ข้าก็ยังคิดว่าความมุ่งมั่นของเขายิ่งใหญ่ และอุดมคติของเขาก็ยอดเยี่ยมด้วย แต่ว่า, ตัวข้านั้นแตกต่างจากลีโอ ไม่ว่าจะมองว่ามันงดงามแค่ไหน, หัวใจของข้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ข้าไม่อยากให้น้องชายต้องตาย นี่คือสาเหตุที่ข้าอยากให้พวกเจ้ารักษาชีวิตของเขาไว้ มันก็ดูน่าสมเพชอย่างที่เห็นเนี่ยแหล่ะ, นี่คือคำขอส่วนตัวของข้า”
ขุนนางนั้นเห็นแก่ตัวแต่คนที่เห็นแก่ตัวยิ่งกว่าพวกเขาก็คือราชวงศ์
เรื่องส่วนใหญ่จะได้รับการยกโทษให้ตราบใดที่เป็นราชวงศ์และคุณค่าชีวิตก็เทียบกับคนอื่นไม่ได้
มันคอยปกป้องฉันมาตั้งแต่ตอนที่ฉันเกิดและยังคงปกป้องฉันเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
มันจะไม่หยุดปกป้องแม้ว่าจะใช้ชีวิตเหมือนฉันหรือว่าท่านพี่เทราก็ตาม ราชวงศ์จะไม่อดอยากต่อให้ไม่ทำงาน, อย่างเลวร้ายที่สุด, ผู้คนก็แค่หัวเราะเยาะหรือตำหนิต่อหน้าเท่านั้นเอง
คำพูดพวกนี้จากราชวงศ์อย่างฉันคงเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายสำหรับสมาชิกนาร์เบ ริทเทอร์
“องค์ชาย ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“ว่ามาได้เลย”
ทหารหนุ่มคนนึงยกมือขึ้นแล้วถามคำถามฉัน
สายตาของเขานั้นตรงมาก เขาน่าจะตำหนิเจ้านายของเขาด้วยสายตาแบบเดียวกัน
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนี้, ทหารคนนั้นก็เริ่มถามคำถาม
“องค์ชายจะเข้าร่วมปฏิบัติการนี้ด้วยรึเปล่าครับ?”
“ข้าไม่ได้เข้าร่วม”
“เข้าใจหล่ะ แสดงว่าท่านกำลังขอให้พวกเราเอาชีวิตไปทิ้งโดยไม่คิดจะเสียอะไรเลยสินะ”
ความดูถูกปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเหล่าสมาชิกหน่วย
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ฉันพูดจากหอคอยงาช้าง, มันจะเข้าไม่ถึงคนพวกนี้
การไม่ยอมรับความเสี่ยงหรือความรับผิดชอบอะไรเลย, คงจะไม่มีใครเลือกติดตามบุคคลเหล่านั้นหรอก
การจะเข้าถึงจิตใจของผู้คนได้นั้นมันจำเป็นต้องมีความหนักแน่น
“ไม่ใช่, ข้าเองก็จะนำสิ่งที่เหมาะสมมาเดิมพันด้วยเหมือนกัน”
“สิ่งที่ว่านั่นมันคืออะไรหล่ะครับ? เงินหรอ? หรือว่าตำแหน่งของท่าน?”
“ข้าว่าอย่างนาร์เบ ริทเทอร์คงไม่ยอมเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งที่ไม่สำคัญแบบนั้นหรอก สิ่งที่ข้าจะเดิมพันก็คือชีวิตของข้า”
เป็นเวลาพักนึง, ที่สีหน้าของทุกคนว่างเปล่า
จากนั้นมันก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะดังสนั่น
เจ้าชายคนนี้พูดบ้าอะไรเนี่ย? มันคือเสียงหัวเราะที่บ่งบอกเช่นนี้
ความไร้สาระจากเจ้าชายหนุ่มที่ไม่รู้ถึงน้ำหนักของชีวิตหรือความหมายของความหนักแน่น
พวกเขาน่าจะคิดว่าที่ฉันพูดออกมาว่าจะเดิมพันชีวิตนั้นก็แค่เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แค่มองดูพวกเขาฉันก็เข้าใจความรู้สึกนั้นได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้เองฉันจึงดึงมีดออกมา, ต่อหน้าพวกเขา
“ทุกคนเรียกข้าว่าเจ้าชายไร้ค่า ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรผิดหรอก ข้าอาจจะถูกลีโอแย่งส่วนดีหลายๆอย่างไปตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว, แต่ว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย”
ในขณะที่พูด, ฉันก็เล็งมีดที่อยู่ในมือขวาไปที่มือข้างซ้ายของฉัน
มันมีพิธีกรรมที่เรียกว่า ‘ปฏิญาณเลือด’ อยู่ในราชวงศ์ของจักรวรรดิ มันคือพิธีกรรมที่สมาชิกของราชวงศ์ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีวันต้องหลั่งเลือด, จะสร้างบาดแผลให้ตัวเองและให้คำปฏิญาณด้วยเลือดที่หลั่งไหลออกมาและความเจ็บปวด
มันเป็นพิธีกรรมที่ล้าสมัย แค่ศึกษาดูจากบันทึกก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้มีคนทำพิธีกรรมนี้มาเป็นร้อยปีแล้ว เหตุผลก็เพราะว่ามันไม่มีความหมายอะไร
มันไม่ใช่พิธีกรรมที่มีการบังคับใช้เวทมนตร์อะไรทั้งนั้น, มันก็แค่การกระทำที่ทำตามความพึงพอใจของตัวเอง มันคือคำปฏิญาณที่จะใช้ได้แค่กับอีกฝ่ายที่เชื่อในความมุ่งมั่นของคำปฏิญาณเท่านั้น
เมื่อนานมาแล้ว, มีจักรพรรดิคนนึงเคยประกาศสันติภาพสำเร็จผ่านการใช้พิธีกรรมนี้แต่ที่มันสำเร็จก็แค่เพราะพระราชาของประเทศอื่นเองก็เป็นพระราชาที่ฉลาด มันคงจะไร้ความหมายถ้าฝ่ายอื่นแค่ดูถูกและหัวเราะเยาะจักรพรรดิคนนั้น
และสิ่งที่จะเหลืออยู่ก็คงมีแค่ความเจ็บปวดและแผลเป็น
แต่ว่า, สำหรับสมาชิกราชวงศ์นั้น, ความจริงที่ว่าพิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมที่เด็ดขาดก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ไม่ว่าผู้คนจะบอกข้าให้ใช้ชีวิตให้เหมาะสมกว่านี้มากแค่ไหน, ข้าก็แค่หัวเราะตอบพวกเขา แต่ว่า, ครั้งนี้ข้ามีความรับผิดชอบที่ต้องเติมเต็ม นี่คือความรับผิดชอบของข้าที่มีให้กับน้องชาย ข้าเกิดก่อนเขาดังนั้นข้าก็เลยแก่กว่า และตั้งแต่ช่วงเวลานั้น, ข้าก็มีความรับผิดชอบในฐานะพี่ชาย สำหรับคนไร้ค่าอย่างตัวข้านั้น, นี่คือความรับผิดชอบสำคัญที่ข้ายังหลงเหลืออยู่”
ฉันจ้องไปที่เอลน่า
เอลน่าส่ายศรีษะในขณะที่ใบหน้าของเธอค่อยๆซีดขึ้นแต่ฉันบอกสิ่งที่ฉันต้องการโดยไม่ได้หลบตาหนีเลย
“เอลน่า ฟ็อน แอมส์เบิร์ก เจ้าจะเป็นพยานให้กับคำปฏิญาณของข้า”
“…..อัล”
“ได้ใช่ไหม?”
พอได้ฟังคำถามของฉัน, เอลน่าก็คุกเข่าลงอย่างเงียบๆ
จากนั้น
“…..ข้าน้อมรับหน้าที่นั้นค่ะ”
“ดี ถ้างั้นฟังให้ดี นี่คือคำปฏิญาณของเจ้าชายไร้ค่า คำปฏิญาณจากคนที่เป็นตัวตลกของทั้งจักรวรรดิ จงตั้งใจดูและฟังให้ดีหล่ะ”
จากนั้นฉันก็ใช้มีดแทงมือซ้ายของฉัน
มีดเจาะทะลุเนื้อของฉันลึกเข้าไปในฝ่ามือ
“!!??”
ความเจ็บปวดและความร้อนอย่างรุนแรงแล่นไปทั่วร่างกายของฉัน ฉันอยากจะลงไปกลิ้งและร้องโอดครวญให้กับความเจ็บปวดในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม, ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันต้องให้ปฏิญาณโดยไม่พ่ายแพ้ต่อความเจ็บปวด
“ข้า, เจ้าชายลำดับเจ็ด……อาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณ ถ้าปฏิบัติการทางใต้ล้มเหลว…..ข้าขอสาบานว่าจะรับผิดชอบด้วยชีวิต…..ข้าขอสาบานด้วยเลือดและความเจ็บปวดนี้ว่าคำปฏิญาณนี้ถือเป็นคำขาด เอลน่า ฟ็อน แอมส์เบิร์ก…..ในฐานะพยาน, ถ้ารายละเอียดของคำสาบานนี้ไม่ได้รับการเติมเต็ม…..เจ้าจะต้องสังหารข้า”
“…..ข้าน้อมรับ”
เอลน่าพยักหน้าด้วยสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้
เมื่อเห็นแบบนี้, ฉันจึงดึงมีดออกมาจากมือซ้ายของฉัน
มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมากและบาดแผลสีคล้ำเลือดก็ปรากฎขึ้นในสายตาของฉัน นอกจากความเจ็บปวด, ความร้อนที่ฉันรู้สึกได้ครอบงำฉัน
สติของฉันเริ่มเลือนลางและฉันก็อดกลั้นมันไว้แล้วแสดงบาดแผลนี้ให้กับนาร์เบ ริทเทอร์ทุกคน
“จงดูบาดแผลนี้ซะ…..! นี่คือหลักฐานว่าข้ายอมเดิมพันทุกสิ่งเพื่อชีวิตของน้องชายข้า…..! ต่อให้พวกเจ้าไม่ตอบสนองต่อความมุ่งมั่นของข้า, สิ่งนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไป! บาดแผลนี้คือสิ่งที่ข้ารู้สึกภาคภูมิใจ! และนี่ก็คงเป็นเช่นเดียวกันสำหรับพวกเจ้า! ในตอนที่พวกเจ้าสร้างความด่างพร้อยให้กับเจ้านายของพวกเจ้า, พวกเจ้าไม่ได้รับรางวัลอะไรทั้งนั้น! พวกเจ้าไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากกลายเป็นอัศวินหลวง! พวกเจ้าไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากได้ตำแหน่งใหญ่โต! แต่พวกเจ้าทำลงไปเพราะพวกเจ้าคิดว่าไม่สามารถปล่อยให้มันเป็นแบบเดิมได้และตัดสินใจทำลงไปด้วยความตั้งใจของตัวเอง!”
ฉันไม่ได้พูดว่าพวกเขาทำลงไปโดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน
ฉันแค่บอกว่าต่อให้พวกเขาไม่ได้รับอะไรกลับมา, สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำไปแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“ความมุ่งมั่นของพวกเจ้าไม่เคยเปลี่ยนไป…..พวกเจ้ายืนหยัดเพื่อประเทศและประชาชนของเรา ถ้าพวกเจ้าเชื่อว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้องดีแล้วก็อย่าได้สนว่าคนอื่นจะมองพวกเจ้ายังไง! แค่เพราะไม่ได้รับรางวัลก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พวกเจ้าทำลงไปนั้นไม่มีความหมาย! บาดแผลที่พวกเจ้าแบกรับเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของพวกเจ้า! ต่อให้ผู้คนบอกว่ามันคือสัญลักษณ์แห่งการทรยศหักหลังแต่ถ้าความตั้งใจของพวกเจ้ายังไม่สั่นคลอนก็จงยืดอกภูมิใจซะ! แผลเป็นที่พวกเจ้าสลักเอาไว้นั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากของข้า……หยุดดูถูกตัวเองแค่เพราะพวกเจ้าเลือกที่จะสร้างแผลเป็นนั้นเพื่อผลประโยชน์ของผู้อื่น!”
ความชอบธรรมนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำลายไม่ได้ มันคือสิ่งที่ไม่แน่นอนซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ณ ตอนนั้นและมุมมองของแต่ละคน
แต่ว่า, ในตอนที่พวกเขาทำลงไปนั้น, พวกเขาเชื่อว่าพวกเขากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง และความจริงที่เจ้านายของพวกเขาได้รับโทษก็ยังไม่แปรเปลี่ยน
หลังจากนั้น, พวกเขาอาจจะไม่ได้รับการยอมรับ, พวกเขาอาจจะไม่ได้รับการต้อนรับ
แต่ว่านั่นมันไม่สำคัญ
“ต่อให้พวกเจ้ากลัว, พวกเจ้าก็ต้องรักษาความภาคภูมิใจของตัวเองเอาไว้ พวกเจ้าต้องรักษาความเชื่อของตัวเองเอาไว้ เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญ พวกเจ้าไม่ต้องสนหรอกว่าคนอื่นจะพูดยังไง ตราบใดที่พวกเจ้าศรัทธา, เสียงพวกนั้นก็จะไม่มีความสำคัญอะไร พวกเจ้าคือคนที่ตัดสินความสำคัญของแผลเป็นของตัวเอง! ข้าขอถามพวกเจ้าหน่อย! อัศวินแผลเป็นทั้งหลาย! ศัตรูของพวกเราคือดยุคครูเกอร์! หัวหน้าของขุนนางทางใต้! มันคือภารกิจอันตรายที่พวกเราต้องแทรกแซงเข้าไปในถิ่นของศัตรู! แต่ถึงอย่างนั้นมีใครที่อยากเสนอตัวเข้าร่วมกับน้องชายของข้าในภารกิจนี้รึเปล่า!? พวกเจ้าอาจจะตายในภารกิจนี้ก็ได้ ดังนั้นข้าจึงอยากได้แค่คนที่สามารถก้าวต่อไปได้ด้วยความภาคภูมิใจและความเชื่อของตัวเอง!”
ความเจ็บปวดและความร้อนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้น, ฉันก็ยังไม่ลดมือซ้ายของตัวเองลง
เลือดยังคงหยดลงมาตามแขนของฉันเรื่อยๆ
ถ้ามันอยากจะไหลก็เชิญไหลไปเลย ถ้าเลือดพวกนี้สามารถซื้อพันธมิตรให้ลีโอได้นี่ก็ถือเป็นราคาที่ถูกมาก
ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่
ในความเงียบนั้น, ทหารหนุ่มที่ถามคำถามฉันเป็นคนแรกได้เปิดดูจี้ของเขาด้วยเสียงกริ้กที่สามารถได้ยินได้
ข้างในนั้นคือตราประจำตระกูลเก่า มันคือตราที่เขาเป็นคนทำลายด้วยตัวเอง
จากนั้น, ทหารหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วทำความเคารพด้วยมือขวาของเขา
“ข้า, ร้อยตรีแบรนด์ เลอเนอร์ ขอเสนอตัวเข้าร่วมภารกิจนี้”
การเสนอตัวของเขานั้นแน่นอนว่ามันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก
แต่ว่า, สีหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความสดใส
“ข้าขอฝากน้องชายเอาไว้กับเจ้านะ ร้อยตีเลอร์เนอร์”
“ครับท่าน! ข้าจะทำให้เต็มที่เพื่อไม่ให้แผลเป็นของท่านต้องด่างพร้อย, องค์ชายอาร์โนลด์!”
ด้วยการเริ่มต้นนี้เอง, อีกหลายคนก็เริ่มทำความเคารพและเสนอตัว
ในชั่วพริบตา, ทุกคนก็ยืนตัวตรงและทำความเคารพ
จากนั้น, ลาส, ที่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน, ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าและทำความเคารพ
“นาร์เบ ริทเทอร์ขอเสนอตัวรับภารกิจของท่านครับ, องค์ชายอาร์โนลด์”
“ขอบใจมาก ท่านพันเอก”
“พวกเราต่างหากหล่ะครับที่ควรจะขอบคุณ ท่านเข้าใจคุณค่าของแผลเป็นของพวกเรา แค่เพียงเท่านี้, พวกเราก็เข้าใจถึงคุณค่าของท่านแล้ว พวกเราขอสาบานต่อแผลเป็นของท่าน พวกเราจะปกป้ององค์ชายลีโอนาร์ดโดยไม่ให้ล้มเหลวและพวกเราจะไม่ปล่อยให้ท่านต้องตาย”
“ข้าซาบซึ้งมาก ถ้างั้นข้าคงต้องขอให้เจ้าเริ่มเตรียมการในทันที ถึงยังไงน้องชายของข้าก็กำลังรออยู่หล่ะนะ”
“รับทราบครับ ทุกคน, เตรียมลุยได้! พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงจักรวรรดิ!”
พอรับคำสั่งจากลาส, ทุกคนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่มองพวกเขา, ทัศนวิสัยของฉันก็เริ่มเลือนลางแต่ฉันไม่ได้ล้ม
ถึงยังไงฉันก็มีอัศวินคนนึงที่คอยสนับสนุนอยู่ข้างฉันมาโดยตลอด
“เจ้านี่มันโง่เง่าจริงๆนะ…..”
“โทษที…..ข้ากลัวว่าถ้าไม่มีพยานพวกเขาจะไม่เห็นถึงความจริงจังของข้า……”
เอลน่าประคองฉันให้นั่งลงตรงนั้นเลยและใช้ผ้าทำแผลให้ฉัน
ฉันแทงลงไปค่อนข้างลึกดังนั้นมันน่าจะเหลือแผลเป็นเอาไว้
“ถ้าเจ้ามีหมอเก่งๆที่เมืองหลวงคอยดูแผลให้มันก็น่าจะปิดสนิทในทันทีนะ ถ้าเกิดเจ้าต้องการหน่ะ”
“ไม่เป็นไร เหลือแผลเป็นเอาไว้ก็ไม่ได้แย่นะ มันเหมือนกับเป็นเหรียญตราสำหรับข้า”
“โง่จริงๆ…..ข้าขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะ, ข้าเป็นผู้หญิงที่สามารถทิ้งศักดิ์ศรีกับเกียรติยศเพื่อทำลายสัญญาได้รู้ใช่ไหม? ข้าไม่มีวันฆ่าอัลหรอก”
นี่คือสิ่งที่เธอพูดหลังจากที่ฉันลงทุนปฏิญาณไปถึงขนาดนั้นอย่างงั้นหรอ?
อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่สามารถพูดอะไรกับเธอได้ เพราะเป็นฉันเองที่ทำเรื่องห่ามๆตั้งแต่แรก
“ตอนนี้ยิ่งมีเหตุผลที่พวกเราจะแพ้ไม่ได้มากขึ้นไปอีกแล้วสินะ”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า ครั้งนี้พวกเขาน่าจะใส่ความพยายามลงไปมากกว่าปกติอยู่แล้ว เพราะเจ้าชายไร้ค่าที่พวกเขาหัวเราะเยาะแสดงความมุ่งมั่นออกมาตั้งขนาดนั้น ข้ามั่นใจเลยว่าพวกเขาทุ่มสุดตัวแน่”
“ถ้างั้นก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดีสินะ เห้อ…..ข้าบอกขอโทษไปแล้วไม่ใช่หรอ เลิกทำหน้าแบบนั้นซักทีเถอะหน่า”
บางทีเธอคงไม่ชอบรอยยิ้มของฉันในตอนนี้เพราะเธอใส่แรงลงไปมากขึ้นในตอนที่พันแผล
“โอ๊ย!?”
“อย่าให้มีครั้งหน้านะตกลงไหม! ถ้าครั้งหน้าเจ้าพยายามทำเรื่องห่ามๆและทำให้ข้าเป็นห่วงอีกหล่ะก็ข้าจะไล่ฟันทุกอย่างจนเรียบแน่! เลิกทำให้ข้าเป็นห่วงไปมากกว่านี้ซักทีเถอะ”
ในขณะที่พูด, เอลน่าก็เบือนหน้าหนีเพื่อปกปิดสีหน้าจากฉัน
เป็นคำแนะนำที่สมกับเป็นเอลน่าจริงๆ
เอลน่าคงจะทำลายทั้งจักรวรรดิจริงๆหล่ะนะถ้าฉันทำให้เธอเป็นห่วงอีก
ฉันคงต้องระวังให้มากกว่านี้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
แต่ฉันคิดว่าคงไม่ต้องกังวลถึงขนาดนั้นหรอก
การเตรียมการของพวกเราสำเร็จลุล่วงแล้ว ที่เหลือก็คือแทรกแซงพวกเขาโดยไม่ให้พวกเขาได้ตั้งตัว
เพียงเท่านี้, ซานดร้าก็จะถูกปัดตกและความทะเยอทะยานของกอร์ดอนก็จะถูกทำลาย
นับจากนี้ไปถึงเวลาโต้คืนแล้ว