การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 92
“อย่างนี้นี่เอง, แบบนั้นมันภัยพิบัติชัดๆเลยนะครับ”
“ใช่ไหมหล่ะ? สองคนนั้นรับมือยากมากจนข้าอยากให้ใครซักคนชื่นชมข้าที่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ด้วยถึงแม้ว่ามันจะแค่เล็กน้อยก็เถอะ”
ในขณะที่บทสนทนาเช่นนี้ดำเนินอยู่ในห้องของฉัน, ฉันก็มองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ
แต่ละอย่างนั้นมีรายละเอียดสำคัญเขียนเอาไว้และมีเครื่องหมายสีแดงถูกทำเอาไว้ที่เอกสารแต่ละแผ่นด้วย
ซึ่งสัญลักษณ์พวกนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าเรื่องที่เขียนเอาไว้ในเอกสารได้รับการแก้ไขแล้ว
ในช่วงที่ฉันไม่อยู่, ฟีเน่ได้ทุ่มเทอยากหนักและทำหน้าที่ตรวจสอบพวกมัน เอกสารพวกนี้พูดได้เลยว่าเป็นผลลัพธ์จากความพยายามของฟีเน่
“รับชาไหมคะ”
“ขอบใจนะ”
ฟีเน่รินชาดำให้ฉันด้วยรอยยิ้มกว้างแล้วเสิร์ฟให้พร้อมกับขนม
นี่คืองานที่เธอไม่ยอมส่งมอบให้เซบาส
เซบาสเองก็ไม่ได้พยายามจะเสนอความช่วยเหลืออีกแล้วและรับชาจากเธออย่างเชื่อฟัง
“หืม? ฟีเน่ ปัญหานี้คลี่คลายไปแล้วหรอ?”
“อ้ะ, หมายถึงคดีปล้นใช่ไหมคะ ขอโทษด้วยค่ะแต่หลังจากสืบสวนมาหลายๆอย่าง, ข้าคิดว่าพวกเราพักคดีนี้ไปก่อนดีกว่า……”
“พักหรอ?”
“เดี๋ยวข้าเป็นคนอธิบายเองครับ”
พอพูดจบ, เซบาสก็จิบชาดำของเขาอย่างสง่างามแล้วเริ่มอธิบาย
สรุปง่ายๆ, มีพ่อค้าส่วนนึงมาหาพวกเราและขอความช่วยให้จัดการกับโจรคนนึง
อย่างไรก็ตาม, พอสืบดูดีๆ, ดูเหมือนว่าพวกพ่อค้าจะเป็นพวกน่าสงสัยที่มีแต่ข่าวเสียๆ
อีกความจริงที่ถูกค้นพบก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่พ่อค้าพวกนี้ถูกปล้น จะมีเงินและของมีค่ากระจายไปให้คนที่เมืองชั้นนอก
ยิ่งไปกว่านั้น, จากข้อมูลที่เห็น, ดูเหมือนโจรจะมีลักษณะเหมือนเด็ก อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนแม้กระทั่งการ์ดเมืองกับทหารจากกองรักษาการเมืองหลวงก็จับโจรไม่ได้
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเหตุผลที่พวกเขามาหาขุมอำนาจของลีโอเพื่อขอความช่วยเหลือโดยแลกกับสัญญาว่าจะร่วมมือกับพวกเรา”
“โจรที่สามารถหลบเลี่ยงการ์ดเมืองและทหารรักษาการณ์เมืองหลวงได้ จะให้จับโจรแบบนี้คงต้องใช้กำลังคนเยอะอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ, แถมถ้าเราจับเขาความไม่พอใจของผู้คนจะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะเหตุนี้เอง, ข้าก็เลยแนะนำให้ท่านฟีเน่เลื่อนการเคลื่อนไหวของเราไปก่อน”
“เข้าใจหล่ะ ดูเหมือนจะเป็นคนที่น่าสนใจอยู่นะ”
กองรักษาการณ์เมืองหลวงกับการ์ดเมืองนั้นไม่ใช่พวกเพิกเฉยต่อหน้าที่
ต่อให้เหยื่อเป็นพ่อค้าที่ชั่วร้าย, พวกเขาก็จะไม่ปล่อยคดีแบบนี้ไป มันเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับโจรที่สามารถหนีการตามจับอย่างจริงจังของพวกเขาด้วย
“เป็นนักฆ่ารึเปล่า?”
“ข้าว่าไม่น่าใช่ครับ ตัดสินจากสภาพของที่เกิดเหตุและคำให้การของพยานแล้ว, กลไกการทำงานของโจรนั้นค่อนข้างบุ่มบ่าม ข้าคิดว่าไม่น่าใช่ผลงานของคนที่ถูกฝึกเป็นนักฆ่าหรอกครับ น่าจะเป็น,”
“นักผจญภัยสินะ?”
“ครับ พิจารณาจากวิธีการที่หยาบๆและบุ่มบ่ามแล้ว, ข้าเชื่อว่าน่าจะเป็นผลงานของนักผจญภัยแรงค์สูง”
อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีนักผจญภัยแรงค์สูงคนไหนที่ดูเหมือนเด็กเลย
แต่, ความจริงที่ว่าโจรสามารถหลบเลี่ยงกองทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวงและการ์ดเมืองได้ก็ยังคงอยู่
“ลีโอจะตามหาผู้หญิงที่ชื่อว่ารีเบคก้าที่มีความสัมพันธ์กับเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ ทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับเธอก็คือเป็นอัศวินหญิงที่อยู่ช่วงวัยรุ่นกลางๆ”
“ชื่อรีเบคก้าก็ใช้กันเยอะอยู่ นี่คงจะไม่ใช่งานง่ายๆนะครับ”
“นั่นสินะ ที่เป็นปัญหายิ่งกว่าก็คือ, พวกเราไม่สามารถใช้วิธีการที่โจ่งแจ้งในการตามหาเธอได้ พวกเราจะยอมให้ขุมอำนาจอื่นรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่ว่า, ถ้าขนาดขององค์กรลักพาตัวใหญ่เท่ากับที่พวกเราคิดไว้ตอนนี้พวกมันก็น่าจะตามล่าเธออยู่”
“นั่นสินะครับ, พวกนั้นคงรู้ว่าลอร์ดบัสเซาตัดสินใจขัดขืนพวกเขาเพราะพวกนั้นคงจะมีหูมีตาอยู่ทุกที่”
ถ้าพวกเขาได้รับรายงานว่าหนึ่งในอัศวินที่ไว้ใจของลอร์ดออกไปจากบัสเซา, พวกเขาจะต้องตามล่าเธอแน่ๆ
ถึงยังไงวัตถุประสงค์ของเธอก็มองออกง่ายๆอยู่แล้ว
“เป้าหมายของเธอคือการเข้าหาจักรพรรดิอย่างแน่นอน เธอพกจดหมายเอาไว้กับตัวซึ่งน่าจะเป็นจดหมายสารภาพของลอร์ด ถ้ามันไปถึงมือของท่านพ่อการกระทำผิดของขุนนางทางใต้ก็จะถูกเปิดเผย พวกเราต้องหาตัวรีเบคก้าคนนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ในการที่จะทำแบบนั้นพวกเราจำเป็นต้องเกณฑ์คนเพิ่ม, ถูกไหมครับ?”
“ใช่ ครั้งนี้ลินเฟียไม่ได้อยู่กับพวกเราและข้าก็อยากได้คนที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ถ้าเป็นไปได้, คงจะดีที่สุดถ้าพวกเรามีใครซักคนที่มีพลังพอที่จะจัดการกับนักฆ่าได้หรือไม่ก็ขอเป็นนักฆ่าที่สามารถทำงานให้พวกเราจากเงามืดได้”
“ไม่คิดว่าความต้องการมันมากเกินไปหน่อยหรอครับ”
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้สำเร็จพวกเราก็ต้องใช้คนที่มีความสามารถประมาณนั้น ไม่มีวิธีไหนแล้วที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับขุมอำนาจของเราได้ดีกว่าวิธีนี้”
“แต่พวกเราจะไปเกณฑ์คนแบบนั้นได้ยังไงหล่ะคะ?”
พอได้ฟังคำถามของฟีเน่, ฉันก็ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
“พวกเรารู้จักคนที่ตรงคุณสมบัติอยู่แล้วแถมยังว่างอยู่ด้วยนะ”
พอพูดจบ, ฉันก็ออกเดินทางในทันที
“ให้ตายเถอะ……เจ้าดึงข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ในวันที่การกักบริเวณถูกยกเลิกพอดีเลยเนี่ยนะ…..?”
เอลน่าบ่นภายใต้ฮู้ดคลุมหน้าของเธอ
ด้วยการขอร้องจากท่านพี่, ลีโอ, และเยอร์เกน การกักบริเวณของเอลน่าจึงถูกยกเลิก อย่างไรก็ตาม, เธอยังไม่สามารถกลับเข้าภาคีอัศวินหลวงได้ หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, ในเมื่อไม่มีหน้าที่ให้ปฏิบัติ, ตอนนี้เอลน่าจึงว่างอยู่
“ขอโทษนะ, แต่พวกเรามีกำลังคนไม่พอจริงๆ ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนที่มีความสามารถอยู่เฉยๆได้หรอก”
“แต่, ให้ข้ามาคุ้มกันสินค้าของพ่อค้านิสัยไม่ดีเนี่ยนะ……”
“ไม่ต้องห่วงหน่า พวกเราจะกำจัดเขาในตอนที่เสร็จเรื่องนี้แล้ว”
“จริงนะ?”
“เซบาสน่าจะแอบลักลอบเข้าไปในออฟฟิศของพวกเขาแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะคว้าหลักฐานบางอย่างได้แล้วส่งมอบให้การ์ดเมืองไปแล้วหล่ะ
“ถ้าแบบนั้นก็โอเค”
เอลน่ามองเกวียนด้วยสีหน้าโล่งอก
ตอนนี้พวกเรากำลังขนย้ายสินค้าของพ่อค้านิสัยไม่ดีที่ว่าอยู่ ตอนนี้สินค้าได้รับการคุ้มกันจากเอลน่าพร้อมด้วยคนคุ้มกันอื่นๆจากขุมอำนาจของพวกเรา ตอนแรกพ่อค้าเสนอที่จะส่งคนของพวกเขามาด้วยแต่พวกเราก็บอกไปว่ามันไม่จำเป็น
ถึงยังไงมันก็คงจะเป็นปัญหาเอาได้ถ้าพวกเขาอยู่กับพวกเรา ถ้าพวกเขาเป็นหนึ่งในพ่อค้ารายใหญ่ของเมืองหลวงจักรวรรดิพวกเขาก็คงจะยืนกรานที่จะส่งคนของตัวเองมาด้วยแต่ครั้งนี้พวกเรากำลังจัดการกับพ่อค้าชั้นกลาง
พวกเขาฝากสินค้าของพวกเขาเอาไว้กับพวกเราอย่างเชื่อฟังเนื่องจากพวกเขาโดนปล้นหนักมากและบริษัทของพวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างปกติอีกต่อไป
แต่ก็นะ, ดูเหมือนว่าพ่อค้าพวกนี้จะได้รับของผ่านวิธีการสกปรกบางอย่างดังนั้นพวกเขาจึงโทษอะไรไม่ได้นอกจากตัวเอง
ฉันแกล้งทำตัวเป็นพ่อค้าแล้วยืนอยู่เกวียนหน้าสุด
“เอาหล่ะ…..ออกเดินทางได้! ฟังให้ดีนะ, เจ้าพวกโง่! ห้ามปล่อยให้สินค้าของข้าถูกขโมยหล่ะ! จงปกป้องสินค้าของข้าด้วยชีวิตของพวกเจ้า! ของพวกนี้มีค่ายิ่งกว่าชีวิตที่ต่ำต้อยของพวกเจ้าอีกรู้เอาไว้ซะด้วย!”
ในขณะที่แกล้งทำตัวเป็นพ่อค้านิสัยไม่ดี, พวกเราก็เดินทางไปตามถนนเวลากลางคืนของเมืองหลวงจักรวรรดิ
พวกเราขนของพวกนี้มาจากคลังไปที่ร้านค้าแต่การโจมตีน่าจะมาในระหว่างการขนย้าย
พวกเขาสามารถทำการเคลื่อนย้ายสินค้าในช่วงกลางวันได้แต่ดูเหมือนว่าจะมีสินค้าบางตัวที่เสี่ยงเกินกว่าจะเคลื่อนย้ายเวลากลางวันด้วย
ด้วยเหตุผลนี้เอง, พวกเราจึงดำเนินการที่เมืองหลวงจักรวรรดิในช่วงเวลากลางคืน
“ตั้งสติให้ดีหน่อย! อย่าแม้แต่คิดที่จะแอบงีบเชียวหล่ะ! ไม่อยากได้ค่าจ้างแล้วรึไง!?”
“เห้อ…..จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆหรอ?”
“มันทำให้ข้าดูเหมือนคนนิสัยไม่ดีใช่ไหมหล่ะ?”
“อา, ถ้าข้าไม่รู้จักเจ้าอาจจะหลงเชื่อจริงๆก็ได้”
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของเอลน่าอย่างพึงพอใจ
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วหล่ะ
ถึงยังไงถ้าโจรรู้สึกผิดสังเกตเขาก็อาจจะไม่ยอมปรากฎตัวก็ได้
ในขณะที่ฉันกำลังคิดเช่นนี้, คนคุ้มกันสองคนที่เดินนำหน้าพวกเราก็ล้มฟุบลงไปอย่างกระทันหัน
“มาจนได้สินะ”
“เป็นพ่อค้าหนุ่มหรอเนี่ย? เจ้าหนู, ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ทิ้งของของเจ้าแล้วรีบเผ่นไปซะ”
พอพูดจบ, ชายตัวเล็กที่สวมฮูดคลุมก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับหอก อย่างไรก็ตาม, สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่นั้นมีแค่น้ำเสียงของเขา
ส่วนสูงของเขาน่าจะแค่ประมาณ 100 เซนติเมตรเท่านั้น หอกในมือของเขายังสูงกว่าเขาอีก
ถ้าฉันมองแค่ร่างกายอย่างเดียวเขาก็คงดูเหมือนเด็กจริงๆแต่น้ำเสียงของเขานั้นแก่กว่าฉันมาก อะไรกันเนี่ย? ความรู้สึกแปลกๆนี่มัน
“เจ้าคือโจรที่คอยทำลายธุรกิจของข้าในช่วงนี้สินะ?”
“สินค้าของเจ้าหรอ ล้อเล่นรึไง? โจรในที่นี้ก็คือเจ้าต่างหากหล่ะ ข้าแค่เอาของที่เป็นของข้ากลับคืนมาเท่านั้น”
“ข้ารับของพวกนี้มาอย่างถูกกฏหมายนะ”
“หรอ ถ้างั้นก็คงไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว ตอนนี้ข้าจะชิงของพวกนี้มาจากเจ้า!”
จากนั้นชายคนนั้นก็กระโดดเข้าใส่ฉัน
ซึ่งเอลน่าก็พุ่งเข้ามาปกป้องฉันแล้วป้องกันการโจมตีที่คมกริบของชายคนนั้นเอาไว้ได้
“หืม? รับหอกของข้าได้ด้วยหรอเนี่ย ฝีมือไม่เบาเลยไม่ใช่รึไง?”
“ข้าเองก็ไม่ได้รับการโจมตีที่คมกริบแบบนี้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถสูสีกับท่านลีเซล็อตต์ได้แต่ดูเหมือนข้าจะได้ลบล้างความเสียใจกับเจ้าที่นี่แทนสินะ”
พอพูดจบ, เอลน่าก็กระหน่ำโจมตีแล้วกดดันชายคนนั้นกลับไป
คนคุ้มกันคนอื่นๆเองก็พยายามที่จะเคลื่อนไหวแต่เอลน่าก็ห้ามพวกเขาเอาไว้
“ไม่ต้องเข้ามา! มาก็มีแต่จะขวางมือขวางเท้าเปล่าๆ!”
“เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งใช้ได้เลยนี่ ชักถูกใจแล้วสิ ถึงยังไงถ้ามีแต่แมลงเม่าก็คงจะทำลายความสนุกกันซะเปล่าๆ”
พอพูดจบ, ชายคนนั้นก็ตั้งหอกขึ้น
จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าออมมือไม่ได้แล้วนะเพราะฉะนั้นอย่าพลาดตายไปซะหล่ะ”
“นั่นมันคำพูดของข้าต่างหาก ถ้าเกิดเจ้ามาตายที่นี่มันจะมีปัญหากับข้าเอาได้เพราะฉะนั้นพยายามรักษาชีวิตเอาไว้ให้ดีหล่ะ”
“เหอะ…..ช่างโง่จริงๆ!!”
ด้วยสัญญาณนี้เอง, การประลองความเร็วก็เริ่มขึ้น
แรงลมจากการปะทะกันแต่ละครั้งได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารที่อยู่รอบๆ นี่เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เอลน่าต้องเอาจริงเลยหรอ? หมอนี่เป็นใครกันแน่เนี่ย?
ชายคนนี้กลบจุดด้อยเรื่องระยะโจมตีที่สั้นของเขาด้วยหอกและกระหน่ำโจมตีใส่เอลน่าอย่างงดงาม นี่เขาเป็นคนแคระหรืออะไรแบบนั้นรึเปล่า? ไม่สิ, เขาตัวเล็กเกินไป
ในขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดอยู่, เอลน่าก็แทงหอกใส่ชายคนนั้น
ซึ่งเขาก็เอี้ยวตัวหลบมันได้หลังจากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาฉันอย่างกระทันหัน
“ขอโทษนะแม่หนู, แต่นี่มันไม่ใช่การดวล! ย้ากก!!”
ในขณะที่ตะโกนออกมาแบบนั้น, หอกของชายคนนั้นก็พุ่งตรงมาหาฉัน
อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าเอลน่าจะคาดเอาไว้แล้วและเตะตัดขาชายคนนั้นด้วยการเตะกวาด
“อ่อนหัด!”
“อะไรกัน!?”
เอลน่าโจมตีเขาที่เสียการทรงตัวแต่เขาก็สามารถใช้หอกรับการโจมตีของเธอเอาไว้ได้แล้วถูกซัดกระเด็นไปไกล
ชายคนนั้นถูกซัดกระเด็นเข้าไปในกองฟางที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เยี่ยมมาก”
“ไม่ใช่ นี่มันแปลกๆนะ”
“แปลกหรอ?”
“คิดจะดูถูกข้ารึไง ต่อสู้กับข้าทั้งๆที่ยืนอยู่บนของแบบนั้นเนี่ยนะ”
พอมองไปที่เขา, ฉันก็เห็นแท่งไม้สองแท่งกลิ้งออกมาจากชายคนนั้น
อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่บนไม้พวกนั้นตลอดการต่อสู้? แถมยังรับมือกับเอลน่าได้ด้วยนี่นะ?
ไม่หน่า, ถ้าเอาไม้พวกนี้ออกไปแล้ว, เขาไม่ยิ่งตัวเตี้ยลงไปอีกรึไง?
ในตอนที่คำถามพวกนี้ผุดขึ้นมาในหัว, ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นมาจากกองฟาง
อย่างไรก็ตาม, รูปลักษณ์ของเขานั้นห่างไกลจากสิ่งที่ฉันจินตนาการเอาไว้จริงๆ
“เล่นกันซะหนักเลยนะ, แม่หนู”
“……”
“…..”
“หืม? อะไร?”
เจ้าตัวน่าจะยังไม่รู้ตัว
ตอนนี้ฮู้ดคลุมของเขาเลื่อนลงมาแล้วและแท่งไม้ที่เขายืนอยู่ก็ไม่มีดังนั้นตัวตนที่แท้จริงของเขาจึงถูกเปิดเผย
ซึ่งตัวตนของเขาก็คือ,
“ลูกหมีหรอ?”
“เหวอ!? ซวยแล้ว!?”
แม้ว่าการพูดของเขาจะปกติ, แต่รูปลักษณ์ของเขาก็คือหมีตัวเล็กๆนั่นเอง
ขนปุยๆสีน้ำตาล, ดวงตาสีดำ, รูปลักษณ์ของเขาดูไม่ต่างจากหมีตัวนึงเลย
ชายคนนั้นสวมฮู้ดกลับไปแต่มันก็สายเกินไปแล้ว
มันดูบ้าบอมาตั้งแต่แรกแล้วที่มีคนยืนบนขาเสริมในขณะที่เอาฮู้ดคลุมหน้าตัวเองเอาไว้ ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเขาไม่เหลือความคุกคามอยู่เลย
“ชิ! ช่วยไม่ได้นะ! วันนี้ข้าจะยอมปล่อยไปก็แล้วกัน!”
“อ้ะ! กลับมานี่นะ!”
“อย่าไปไล่เขา”
เอลน่าดูไม่พอใจในตอนที่ฉันห้ามเธอ
ดูเหมือนว่าเอลน่าอยากจะล้างตากับเขาแต่เธอก็ยอมหยุดเนื่องจากเธอเข้าใจดีว่าเราบรรลุจุดประสงค์แล้ว
มันน่าตกใจก็จริงแต่พวกเรารู้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือการตามหาเขา
จากการเคลื่อนไหวของเขาที่จะแจกจ่ายของที่ขโมยมากับเงินไปยังเมืองชั้นนอก, พวกเราจึงรู้พื้นที่ปฏิบัติการของเขา
“ตอนนี้กลับกันก่อนเถอะ แล้วก็เอาตัวคนที่หมดสติไปไว้บนเกวียน”
ฉันออกคำสั่ง
ด้วยความไม่พอใจที่ยังค้างคาอยู่, เอลน่าจ้องมาที่ฉันแล้วหันไปมองตรงทิศที่ชายคนนั้นหายตัวไป
ดูเหมือนการปะทะในครั้งนี้จะจุดไฟในฐานะนักรบของเธอเข้าแล้วสินะ
“ถ้าจับเขาได้ต้องให้ข้าล้างตากับเขานะ”
“นั่นมันขึ้นอยู่กับเขาไม่ใช่รึไง”
ในขณะที่คุยกันเรื่องนี้, พวกเราก็เริ่มออกเดินทางกลับผ่านถนนยามค่ำคืนของเมืองหลวง