การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 133 ยาห้ามเลือดและยาทาแผล
บทที่ 133 ยาห้ามเลือดและยาทาแผล
บทที่ 133 ยาห้ามเลือดและยาทาแผล
เมื่อถังซวงได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฉี เธอไม่ได้สนใจมากนักและพยักหน้าอย่างสบาย ๆ
หลังจากที่ถังซวงและเฉินกวงหยางออกไปด้วยกัน ชายหนุ่มก็พูดถึงผู้เฒ่าฉี
“น้องถังซวง วันนี้ในเมื่อผู้เฒ่าฉีพูดแบบนั้นแล้ว ถ้าในอนาคตเธอมีเรื่องอะไรเธอก็ไปหาเขาได้เลยนะ” ในตอนท้าย เฉินกวงหยางพูดอย่างคลุมเครือว่า “กองกำลังที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดในเมืองเวิงซานเป็นของผู้เฒ่าฉีและ… ฉันได้ยินมาว่าเขามีกองกำลังซ่อนอยู่ในมณฑลเจียงด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
ปรากฏว่าผู้เฒ่าฉีเองก็เป็นผู้ที่มีอิทธิพลมาก ไม่น่าแปลกใจที่มีคนคิดวางยาเขา และยังไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะคงมีคนจำนวนมากขึ้นที่ต้องการกำจัดและสร้างปัญหาให้เขามากมายจริง ๆ “อื้มพี่เฉิน ฉันเข้าใจแล้ว”
“น้องถังซวง ไปกินอาหารกลางวันข้างนอกกันเถอะ ฉันไม่อยากรบกวนคุณจิงน่ะ”
“ดีเลย”
ถังซวงไม่ปฏิเสธ หลังจากทั้งสองทานอาหารเสร็จ เฉินกวงหยางยังมีสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นเขาจึงส่ง ถังซวงกลับที่พักและจากไป
เมื่อจิงเจ้อหรงเห็นถังซวงกลับมา เขารีบถามทันที “ซวงเอ๋อร์ กินข้าวหรือยัง?”
“ลุงจิงคะ พี่เฉินกับฉันกินข้าวกันแล้วค่ะ พอดีตอนนี้เขามีธุระต้องไปทำน่ะค่ะ”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าเมื่อได้ยิน จากนั้นจึงพูดถึงเรื่องของซุนหง “ซวงเอ๋อร์ ฉันได้ติดต่อซุนหงแล้วนะ เขาจะมาที่นี่ในตอนบ่าย และจะพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับยาด้วย”
ถังซวงยิ้มและพูดว่า “ได้ค่ะ ตอนมาที่นี่ฉันหยิบยาสองตัวนั้นมาด้วยพอดี ถ้าคุณลุงต้องการ คุณสามารถลองใช้ได้นะคะ”
“งั้นก็ดีเลย”
จิงเจ้อหรงมั่นใจในถังซวงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ทำไมเธอไม่อยู่ที่นี่สักสองสามวันล่ะ แล้วค่อยกลับไปหลังจากที่ตกลงกับซุนหงเสร็จแล้ว เธอจะโทรหาแม่ก่อนก็ได้นะ”
“ได้ค่ะลุงจิง ช่วงนี้ฉันขอรบกวนลุงจิงด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร ๆ เธออยู่ได้เลยตามสบาย ฉันอยากมีความสุขก่อนที่มันจะสายเกินไปด้วย”
หลังจากนั้นจิงเจ้อหรงได้ใช้โอกาสนี้ถามเกี่ยวกับผู้ป่วยที่ถังซวงกำลังรักษาอยู่ และเมื่อเขาได้ยินชื่อของผู้เฒ่าฉี จู่ ๆ ก็มีภาพของคนคนหนึ่งก็แวบเข้ามาในความคิด และคนคนนั้นก็สุขภาพไม่ค่อยดีเช่นกัน “ซวงเอ๋อร์ คนที่เธอรักษาอยู่ใช่ชายชราอายุหกสิบเศษ คิ้วหยาบกระด้างและใบหน้าเคร่งขรึมหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ นั่นแหละเขา”
“เขาเองงั้นหรือ…”
จิงเจ้อหรงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับถังซวงว่า “ภูมิหลังของผู้เฒ่าฉีค่อนข้างซับซ้อน เขาเชี่ยวชาญในธุรกิจใต้ดินและมีอิทธิพลมากมาย แต่เขาเองก็มีหลักการมาก มักจะยับยั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและกีดกันไม่ให้ทำการค้าที่ไร้มโนธรรม ยังถือได้ว่าเขาเป็นผู้มีศีลธรรมอยู่”
ถังซวงพยักหน้าเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น และพูดว่า “ลุงจิงฉันเข้าใจแล้วค่ะ พี่เฉินเคยพูดกับฉันมาก่อนแล้ว แต่ฉันเพียงรักษาผู้เฒ่าฉีเพราะเห็นแก่หน้าพี่เฉิน และฉันก็ไม่สนใจเรื่องอื่นค่ะ”
“งั้นก็ตามนั้น ตราบใดที่เธอรู้ตัวดีว่าทำอะไรอยู่”
จิงเจ้อหรงไม่ได้พูดอะไรอีก เดิมทีเขาต้องการคุยกับถังซวงเกี่ยวกับเรื่องอื่น แต่ซุนหงมาถึงก่อนเวลาและมีอีกคนหนึ่งมากับเขาด้วย
เมื่อเห็นเจียงหงเหลียงยืนอยู่ข้างซุนหง จิงเจ้อหรงก็รู้สึกประหลาดใจ “รองเจียง ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ครับ?”
เจียงหงเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันบังเอิญอยู่ใกล้ ๆ พอดีน่ะ และได้ยินจากซุนหงว่ามียาห้ามเลือดและยาทาแผลตัวใหม่ ฉันเลยแวะมาดูด้วยเสียหน่อย” ในขณะที่พูดดวงตาของเขาก็หันไปหาถังซวง “นี่คือเด็กสาวคนนั้นหรือ?”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าอย่างรีบร้อนเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และพูดว่า “ครับ มันเป็นยาที่พัฒนาโดยซวงเอ๋อร์ แต่จะทราบผลเฉพาะได้ก็ต่อเมื่อมีการใช้งานจริงเท่านั้น”
ซุนหงและถังซวงรู้จักกันตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทักทายกันอย่างคุ้นเคย จากนั้นถามว่า “ถังซวง เธอไม่ได้อยากเข้ากองทัพ เพราะเธอต้องการวิจัยยาสินะ”
“ใช่ค่ะลุงซุน”
ถังซวงตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นมองไปที่เจียงหงเหลียงอย่างสงสัย
ซุนหงรีบแนะนำจากด้านข้าง “นี่คือรองรัฐมนตรีเจียง ผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเสบียงของกองทัพ และยาก็ถือเป็นเสบียงเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมากับฉันในวันนี้น่ะ”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี ๆ”
เจียงหงเหลียงทักทายถังซวงด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ช่างเป็นเด็กสาวที่สง่างามและมีความสามารถ เธอสามารถพัฒนายาได้เองด้วย”
ถังซวงไม่ปฏิเสธ แต่หยิบยาห้ามเลือดและยาทาแผลที่เธอนำมาออกมา “เป็นการดีที่สุดที่จะหาคนไข้มาลองใช้ค่ะ แล้วคุณจะเห็นผลได้ทันที”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ไม่ต้องห่วง สาวน้อย เราพาคนมาด้วยแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ และเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินกะโผลกกะเผลกมาจากด้านหลัง
ซุนหงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เพื่อนคนนี้ได้รับบาดเจ็บเมื่อวานนี้น่ะ พอเขารู้ว่าเราจะมาที่นี่ในวันนี้ ดังนั้นเขาจึงขอมาด้วยเพื่อลองยาตัวใหม่”
จิงเจ้อหรงไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะเตรียมพร้อมเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มก็เชิญพวกเขาเข้ามาด้วยกัน “รองเจียง ซุนหง เข้าไปคุยกันเถอะ”
หลังจากที่ทุกคนเข้าไปแล้ว ถังซวงก็พูดกับชายหนุ่มว่า “มีเลือดออกหรือบาดเจ็บหรือเปล่าคะ? คุณลองใช้ยาห้ามเลือดก่อนก็ได้”
“มี ๆ”
ชายคนนั้นยกผ้าปิดแผลขึ้นและพูดว่า “บาดแผลนี้เพิ่งถูกพันไว้ และเลือดยังไม่หยุดไหลเลย”
เมื่อเห็นแผล ถังซวงโรยยาห้ามเลือดลงบนแผลทันที
จากนั้นไม่นาน ฉากอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น บาดแผลที่ยังมีเลือดไหลอยู่ก็หยุดไหลทันที แม้ก่อนหน้านี้จะยังมีเลือดไหลออกมาอย่างน่ากลัว แต่เลือดก็หยุดไหลไปแล้วจริง ๆ
“นี่… ดีเกินไปแล้ว”
ซุนหงมองบาดแผลด้วยความไม่เชื่อ และทำได้เพียงตกตะลึง
แม้แต่เจียงหงเหลียงเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เขาหันไปมองถังซวงด้วยดวงตาที่เป็นประกายและพูดว่า “คุณถังซวง นี่คือยาห้ามเลือดชนิดพิเศษที่เธอพูดถึงใช่ไหม? มันมหัศจรรย์จริง ๆ ยาห้ามเลือดทั่วไปเทียบไม่ได้เลย”
ไม่ต้องพูดถึงเจียงหงเหลียงและซุนหง แม้แต่จิงเจ้อหรงก็มองถังซวงด้วยความประหลาดใจ แม้จะรู้ว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของจวงเหวินเหอ เขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเธอมีทักษะทางการแพทย์ขั้นสูงเช่นนี้
“ใช่ค่ะ ยาห้ามเลือดนี้ให้ผลดีมาก ดังนั้นจึงควรใช้ในกองทัพเท่านั้น สำหรับสูตรของมัน เป็นเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยอย่างยิ่ง มิฉะนั้นหากคนอื่นรู้เข้า มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
“ใช่ ๆ มันจะต้องไม่รั่วไหลออกไป”
ซุนหงตื่นเต้นมาก และเริ่มจินตนาการในใจว่าถ้ายาห้ามเลือดนี้สามารถใช้ได้ในทุกกองทัพ มันจะต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่งโดยเฉพาะกับคนที่ปฏิบัติภารกิจ หากพวกเขามียานี้ บางทีมันอาจจะช่วยชีวิตคนได้ แต่เขายังต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้รอบคอบอีกหน่อย
“ถังซวง ยาห้ามเลือดนี้มีผลกับบาดแผลทั้งหมดไหม? เป็นเพราะบาดแผลของเสี่ยวเฉียนตื้นหรือเปล่า มันจึงให้ผลดีมากแบบนี้?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงอธิบายว่า “มันมีผลเหมือนกันกับทุกบาดแผลค่ะ แต่ถ้าบริเวณแผลใหญ่เกินไป ผลของยาห้ามเลือดก็จะไม่ออกมาดีอย่างแน่นอน พอถึงเวลานั้น เรายังต้องเย็บแผลอยู่ค่ะ”
เจียงหงเหลียงพูดที่ด้านข้างว่า “ผลแบบนี้ก็น่าทึ่งมากแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” จากนั้นเขาก็สงสัยอย่างมากเกี่ยวกับยาตัวอื่น “ยังไงก็ตาม สหายถังซวง สามารถทายาทาแผลลงไปได้โดยตรงหรือไม่?”
“ได้ค่ะ”
ถังซวงหยิบยาทาแผลออกมา “เป็นการดีที่จะทามันโดยตรงกับส่วนที่เจ็บปวดค่ะ”
เสี่ยวเฉียนอดไม่ได้ที่จะพูดจากด้านข้างว่า “ถ้าอย่างนั้นขาของฉันที่ตอนนี้เจ็บอยู่ ใช้ยาตัวนี้ทาได้ไหม?”
“แน่นอนค่ะ”
ถังซวงถามตรง ๆ ว่าเขาปวดตรงไหน จากนั้นจึงทายาบนเข่าของเสี่ยวเฉียน “แค่ทามันไว้ แล้วพรุ่งนี้จะรู้สึกดีขึ้นค่ะ”
“ขอบคุณมากนะ สหายถัง”
เสี่ยวเฉียนมองถังซวงอย่างให้เกียรติมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่คือเพื่อนนักวิจัยและพัฒนาที่สามารถทำยาพิเศษออกมาได้
เจียงหงเหลียงหัวเราะทันทีเมื่อเขาเห็นว่าเสี่ยวเฉียนถูกปกคลุมไปด้วยยาทาแผล “เจ้อหรง วันนี้เราขอรบกวนคุณที่นี่ด้วยนะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ”
จิงเจ้อหรงตอบรับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม และให้คนจัดห้องพักให้ทั้งสามคน