การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 254 กำหนดวันแต่งงาน
บทที่ 254 กำหนดวันแต่งงาน
บทที่ 254 กำหนดวันแต่งงาน
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายจิงแล้ว เฮ่อหลานก็ชะงักไปชั่วขณะ
ส่วนจิงเจ้อหรงที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหันมองแม่ของตนแล้วพูดว่า “แม่ครับ อาหลานเพิ่งจะมาที่บ้านครั้งแรก ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะครับ ถ้าเราสองคนคุยเรื่องนี้กันเมื่อไหร่เดี๋ยวผมจะบอกเอง”
คุณนายจิงถึงรู้ตัวว่าตนใจร้อนเกินไป เธอหันมองเฮ่อหลานแล้วพูดว่า “จ้ะ อาหลาน อย่างนั้นเธอกับอาเจ้อตัดสินใจกันได้เลยนะจ้ะ”
ความจริงแล้ว เฮ่อหลานไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา แต่เพราะเธอยังไม่ได้คุยกับจิงเจ้อหรงตรง ๆ เลย ทว่าคุณนายจิงกลับถามเรื่องนี้ขึ้นมาเสียก่อน เธอจึงตอบกลับไปตามตรงว่า “คุณป้าคะ ความจริงฉันก็คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ฉันกับอาเจ้อน่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนสิ้นปีค่ะ”
จิงเจ้อหรงไม่คาดคิดว่าเฮ่อหลานจะพูดออกไปอย่างนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจก่อนจะอุทานออกมาว่า “จริงหรือครับอาหลาน? เราจะได้แต่งงานกันก่อนสิ้นปีจริง ๆ หรือ?”
เฮ่อหลานไม่คิดว่าจิงเจ้อหรงจะพูดถึงเรื่องแต่งงานโดยตรง เธอคิดไว้ว่าแค่จะหมั้นไว้ก่อน แล้วค่อยหาเวลาแต่งงานกันในปีหน้า แต่ก่อนจะได้อธิบาย คุณนายจิงพูดขึ้นก่อนว่า “ดีมากเลยจ้ะ ฉันจะเริ่มเตรียมงานแต่งงานของพวกเธอทั้งสองตั้งแต่พรุ่งนี้เลยดีไหม”
แม้ถังซวงและถังเซวี่ยจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่พวกเธอก็ยอมรับจิงเจ้อหรงแล้ว เลยพลอยดีใจไปด้วยที่แม่จะได้แต่งงาน
โดยเฉพาะถังเซวี่ยที่โหยหาความรักจากพ่อเสมอมา หากจิงเจ้อหรงจะมาเป็นพ่อของพวกเธอ เด็กสาวก็รู้สึกดีใจอย่างเก็บไว้ไม่อยู่
“แม่คะ แล้วถ้าลุงจิงมาเป็นครอบครัวของพวกเราในอนาคต เขาก็จะเป็นพ่อของหนูด้วยใช่ไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของลูกสาวคนเล็ก เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพยักหน้าตอบกลับ “ใช่จ้ะ”
ความจริงมันเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่เฮ่อหลานกลับรู้สึกว่ามันคงจะดีหากได้แต่งงานก่อนสิ้นปี ลูกสาวคนนี้จะได้มีความสุข
หลังได้ยินคำพูดของถังเซวี่ยแล้ว คุณนายจิงพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ย หลังจากนี้อาเจ้อจะเป็นพ่อของหลาน และเราทุกคนในนี้จะเป็นปู่ย่าของเธอด้วย เราทุกคนจะเป็นญาติกันนะจ้ะ”
แน่นอนว่าเธอเห็นเด็กหญิงตัวน้อยโหยหาความรักจากครอบครัวมากแค่ไหน นั่นทำให้เธอยิ่งทุกข์ใจแทน และเธอเองก็อยากได้หลานสาวอยู่พอดี แสดงว่าจากนี้ไปเธอจะมีหลานสาวตัวน้อยกับเขาสักที
ถังเซวี่ยหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น และเธอรู้ว่าตนเองดีใจจนออกนอกหน้าเกินไปแล้ว แต่เมื่อยิ่งเห็นคุณนายจิงและคุณชายจิง เธออดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับด้วยความดีใจ
ทว่าไม่ต้องพูดถึงคุณนายจิง แม้แต่อวี๋มินกับเมิ่งผิงที่อยู่ด้านข้างก็ก้าวไปด้านหน้าพร้อมพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย เราสองคนจะเป็นป้าใหญ่และป้ารองของเธอหลังจากนี้ และพวกเราก็จะเป็นญาติกันนะจ้ะ”
อาจเป็นเพราะถังซวงยังคงไม่พูดอะไร พวกเขาเลยไม่กล้าพูดกับเธอเหมือนสาวน้อยตัวเล็กคนนี้ แต่สำหรับถังเซวี่ยแล้ว เด็กหญิงแตกต่างจากพี่สาวมาก เธอคือสาวน้อยตัวเล็ก บอบบาง และน่ารัก
เมิ่งผิงก้าวไปด้านหน้าก่อนจะดึงถังเซวี่ยมาใกล้ “อ่า… ฉันอยากมีลูกสาวมาก แต่สุดท้ายฉันก็คลอดลูกชายออกมา ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ในที่สุดตระกูลจิงของเราก็มีลูกสาวเสียที”
อวี๋มินพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ ยังไงลูกสาวก็เป็นผู้ดูแล ส่วนเด็กชายมีแต่จะสร้างความวุ่นวาย”
จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับพูดไม่ออก ในอนาคตพวกเขาจะกลายเป็นหมาหัวเน่าไปโดยสมบูรณ์ เพราะแม่ ๆ เอาแต่ไปสนใจหลานสาวกันหมด
ถังเซวี่ยรู้สึกถึงความอบอุ่นของทุกคน แววตาของเด็กสาวพลันฉายแววความสุขออกมา
เวลานี้ถังซวงยกยิ้มด้วยเช่นกัน
ในตอนนี้ ความสัมพันธ์ของเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงถูกยอมรับจากทุกคน และคุณนายจิงยังคงจับมือของเฮ่อหลานไว้ “อาหลาน เดี๋ยวช่วงบ่ายเรามาเลือกวันกันเถอะจ้ะ แล้วเดี๋ยวค่อยเชิญแขกของเธอกับอาเจ้อทีหลัง”
“ได้ค่ะ”
เมื่อทุกคนตัดสินใจแล้ว เฮ่อหลานก็ไม่รอช้าเช่นกัน
ส่วนจิงเจ้อหรงที่มองเฮ่อหลานตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ละสายตา พอได้ยินว่าเธอจะเลือกวัน เขายกยิ้มขึ้นมา วันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขจริง ๆ
จิงไค่หรงและจิงซิวหรงที่เห็นน้องชายของตนมีความสุขอย่างนั้น พวกเขารู้สึกว่ามันน่าขำเล็กน้อย เพราะทุกคนไม่เคยคิดมาก่อนว่าน้องชายที่สุขุมและสันโดษเสมอมาจะทำหน้าได้โง่เง่าขนาดนี้
จิงเจ้อหรงไม่สามารถปิดกั้นรอยยิ้มของตนได้อีกต่อไป เขาหวังว่าจะสามารถเลือกวันที่เร็วที่สุดได้ แต่ไม่ว่าเขาจะตื่นเต้นขนาดไหน ชายหนุ่มก็ยังคงตามใจเฮ่อหลาน และยอมให้เฮ่อหลานเลือกวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
“อาหลาน เดี๋ยวรอให้คุณแม่ถามฤกษ์ยามมาก่อนแล้วกัน จากนั้นคุณก็เลือกได้เลยนะครับ”
เฮ่อหลานยิ้มแล้วพูดว่า “เราสองคนจะเลือกมันด้วยกันค่ะ”
ถังซวงมองบรรยากาศหวานเลี่ยนตรงหน้า เธอจึงคิดดึงถังเซวี่ยออกมา “เสี่ยวเซวี่ย หลังจากแม่ของเราแต่งงานกับลุงจิงแล้ว แม่อาจต้องย้ายไปอยู่บ้านลุงจิง เธอจะไปด้วยไหม?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะตกใจ และพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว “แล้วพวกเราจะไม่อยู่ด้วยกันหรือ? ทุกคนในครอบครัวไม่ได้อยู่ด้วยกันหรือ?”
ถังซวงเข้าใจความคิดของถังเซวี่ยทันที ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “ใช่ เป็นครอบครัวก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว”
ทว่าถังเซวี่ยก็นึกถึงหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋น
“พี่คะ ฉันเป็นห่วงคุณปู่กับคนอื่น ๆ ถ้าเราไปอยู่กับลุงจิงแล้ว คุณปู่กับคนอื่น ๆ จะทำยังไง?”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยกังวล ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแล้วพูดว่า “เอาเถอะเสี่ยวเซวี่ย เราค่อยจัดการเรื่องนั้นทีหลัง ไม่ต้องกังวลหรอก เราต้องแก้ปัญหาได้แน่”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน คุณนายจิงก็ได้ถามหาวันมงคลทันทีจากนั้นเธอหันมาหาเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรง “อาหลาน อาเจ้อ ดูสิว่าพวกเธอชอบวันไหน”
จิงเจ้อหรงมองเฮ่อหลานแล้วพูดว่า “อาหลาน คุณเลือกเลยครับ”
เฮ่อหลานมองดูวันตรงหน้า ก่อนจะเลือกวันที่สิบเก้าของเดือนจันทรคติที่สิบสอง
“วันนี้เหมาะสมที่สุด เพราะช่วงนั้นซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยปิดเทอมพอดี”
แม้วันนี้จะเป็นวันที่ช้าที่สุด แต่คุณนายจิงก็ยังมีความสุขมาก เธอรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “จ้ะ วันนี้เป็นวันที่ดี ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยได้พักผ่อนพอดี เราจะได้มีเวลาร่วมกันมากขึ้น”
จิงเจ้อหรงไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะเวลานี้หัวใจของเขากำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง “อาหลาน งั้นเราจะแต่งงานกันในวันที่สิบเก้าของเดือนจันทรคติที่สิบสองครับ”
คุณชายจิงที่อยู่ด้านข้างมีความสุขมาก ในที่สุดลูกชายคนเล็กของเขาก็จะได้แต่งงานกับเขาเสียที
จากนั้นเฮ่อหลานวางแผนที่จะกลับไปที่บ้าน ทว่าคุณนายจิงกระตือรือร้นที่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เวลาจึงล่วงเลยมาจนถึงมื้อค่ำ
อีกด้านหนึ่ง คุณปู่โม่ก็รู้ว่าถังซวงและคนอื่น ๆ มาที่เมืองหลวง ดังนั้นพวกเขาจึงตรงไปหาลูกสะใภ้คนโตของตน
“เหม่ยเจิน ฉันได้ยินว่าซวงเอ๋อร์ กับแม่และน้องของเธอมาที่เมืองหลวง เราหาเวลาไปเชิญพวกเขามาเยี่ยมที่บ้านสักหน่อยสิ”
หลินเหม่ยเจินพลันพยักหน้าทันทีแล้วตอบกลับว่า “ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปเชิญพวกเธอมาที่บ้าน ฉันยังไม่เคยเจอแม่ของซวงเอ๋อร์เลย ฉันอยากจะขอบคุณที่เธอดูแลเจ๋อหยวนของเราเสมอมาด้วยค่ะ”
หลินเหม่ยเจินรู้สึกขอบคุณถังซวงเสมอมา และเธอรู้ดีว่าลูกชายของเธอคิดยังไงกับเด็กคนนี้ เธอจึงอยากจะสนิทกับเฮ่อหลาน