การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 261 บังเอิญ
บทที่ 261 บังเอิญ
EnjoyBook
บทที่ 261 บังเอิญ
โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงและถังเซวี่ยที่ทานอาหารกันอย่างมีความสุขด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขา “ถ้ายังไม่อิ่ม เดี๋ยวฉันไปตักมาเพิ่มนะ”
ถังซวงรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่ค่ะ พอแล้ว”
ถังเซวี่ยพยักหน้าแล้วพูดเสริมว่า “พี่โม่คะพอแล้วค่ะ ฉันกินไม่ไหวแล้ว”
เมื่อเห็นทั้งสองพูดอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนก็นั่งลงเหมือนเดิม
“สหายเสี่ยวโม่ เธอ…”
หูจื่อเฉียงกำลังจะเข้ามาคุยกับโม่เจ๋อหยวน แต่เมื่อเขาเห็นถังซวง สีหน้าถึงกับแปรเปลี่ยน “สหายเสี่ยวถังก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ มาเยี่ยมสหายเสี่ยวโม่ถึงที่นี่เลยหรือ?”
ถังซวงทักทายหูจื่อเฉียง “ผู้จัดการหู ไม่ได้พบกันซะนานเลยค่ะ”
“อืม ไม่ได้เจอกันนานเลย”
หูจื่อเฉียงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม คราวนี้ต้องขอบคุณโม่เจ๋อหยวนที่ทำให้โรงงานเครื่องจักรกลับมาคึกครื้นอีกครั้ง และเขาที่เป็นผู้จัดการโรงงานก็โชคดีที่ได้มาทำงานที่นี่กับโม่เจ๋อหยวน แต่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้พบเจอกับถังซวงที่นี่ด้วย เขามองถังซวงพลางหันมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะเผยสีหน้าอย่างมีเลศนัย
คนหนุ่มสาวมันดีอย่างนี้สินะ
จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นถังเซวี่ยอย่างรวดเร็ว “สหายเสี่ยวถัง นี่คือน้องสาวของเธอหรือ?” เขารู้มานานแล้วว่าถังซวงมีน้องสาว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาด้วยในคราวนี้
“ค่ะ นี่น้องสาวของฉันเอง ถังเซวี่ยค่ะ”
ขณะพูดคุย ถังซวงแนะนำหูจื่อเฉียงกับถังเซวี่ยให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะผู้จัดการหู”
“สวัสดีสหายถังเซวี่ย”
หูจื่อเฉียงรู้ดีว่าถังซวงยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นท่าทีของเขาที่ปฏิบัติกับถังเซวี่ยจึงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นไม่แพ้กัน แต่เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนกำลังมองถังซวงสายตาไม่กะพริบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วหันไปคุยกับถังเซวี่ย “สหายถังเซวี่ย ด้านหลังโรงอาหารมีต้นดอกท้อสีเหลืองด้วยนะ ฉันพาไปดูดีไหม? ต้นไม้นี้เป็นสัญลักษณ์ของโรงงาน เมื่อเธอกับพี่สาวจะกลับบ้าน สามารถนำลูกท้อสีเหลืองกลับไปด้วยได้”
“เสี่ยวเซวี่ย เธอกับผู้จัดการหูไปดูลูกท้อสีเหลืองนั่นด้วยกันเถอะ ลูกมันใหญ่มากแล้วก็หวานมากด้วย” หลังโม่เจ๋อหยวนได้ยินที่หูจื่อเฉียงพูด เขาก็มองไปที่ถังเซวี่ยพร้อมพูดออกไป
เมื่อได้ยินโม่เจ๋อหยวนพูดอย่างนั้น ถังเซวี่ยพลันอยากเห็นมันขึ้นมาทันที
“พี่คะ อย่างนั้นฉันไปกับผู้จัดการหูก่อนนะ พี่คุยกับพี่โม่ไปก่อนนะคะ”
“จ้ะ”
หลังถังเซวี่ยออกไปเก็บลูกท้อกับหูจื่อเฉียงแล้ว โม่เจ๋อหยวนหันมาหาถังซวงอย่างรวดเร็วแล้วถามว่า “ซวงเอ๋อร์ คราวนี้จะอยู่ในเมืองไห่เฉิงกี่วันหรือ?”
“สามถึงสี่วันน่ะ แล้วค่อยพาเสี่ยวเซวี่ยกลับบ้าน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว โม่เจ๋อหยวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อคิดอีกครั้ง สามถึงสี่วันก็มากพอแล้ว “ซวงเอ๋อร์ อย่างนั้นฉันจะพาเธอกับเสี่ยวเซวี่ยเที่ยวเอง”
ถังซวงส่ายศีรษะทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ไม่ค่ะ ฉันจะพาเสี่ยวเซวี่ยไปเที่ยวเล่นเอง พี่คงยุ่งกับงาน จัดการธุระไปเถอะค่ะ”
“ไม่เป็นไร ฉันลาหยุดได้สองวัน”
อย่างไรก็ตาม ถังซวงยังยืนกรานที่จะปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราไปเดินเล่น ซื้อของเองได้ พี่ไม่ควรทิ้งงานเพราะพวกเรานะ”
เมื่อเห็นถังซวงพูดอย่างเด็ดขาด โม่เจ๋อหยวนทำได้เพียงยอมแพ้ “อืม ก็ได้ อย่างนั้นเธอก็ไปเลือกซื้อของตามใจชอบเถอะ แต่ถ้าวันไหนจะกลับก็บอกฉันด้วย เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”
หลังได้ยินอย่างนั้นถังซวงก็ไม่ปฏิเสธ เธอยิ้มพร้อมตอบกลับว่า “ค่ะ แล้วฉันจะบอกนะ”
โม่เจ๋อหยวนหัวเราะพลางมองไปที่หญิงสาวอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น เขาใช้ประโยชน์จากการไม่มีใครในบริเวณนี้กล่าวกระซิบข้างหูของถังซวงว่า “ซวงเอ๋อร์ ขอบคุณนะที่มาหา”
ถังซวงโบกมืออย่างสบาย ๆ พร้อมพูดว่า “เราคุยกันไว้แล้วนี่ พี่โม่ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ มันแค่เรื่องเล็กน้อย”
“อืม ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกเนาะ”
โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เล่าให้ถังซวงฟังถึงความคืบหน้าล่าสุด ขณะเดียวกันเขายังพูดต่อว่า “ฉันอาจจะต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก แต่เร็ว ๆ นี้ฉันจะได้กลับไปก่อนที่โรงเรียนของเธอจะเปิดภาคเรียนแน่ แล้วฉันจะเป็นคนไปส่งเธอรายงานตัวเอง”
“ค่ะ”
ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ถังเซวี่ยและหูจื่อเฉียงก็กลับมา
“พี่คะ มีต้นท้อสีเหลืองอยู่ด้านหลังโรงอาหารจริง ๆ ด้วย ดูสิ ฉันเก็บลูกท้อมาหลายลูกเลย”
เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของถังเซวี่ย ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้จะโชคดี หลังจากกลับไปเราจะได้กินลูกท้อสีเหลืองด้วย”
ถังซวงรับลูกท้อจากมือของถังเซวี่ยแล้วมองโม่เจ๋อหยวน “พี่โม่ อย่างนั้นฉันกับเสี่ยวเซวี่ยกลับก่อนนะ แล้วอีกสองวันค่อยเจอกันใหม่ค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น แววตาของโม่เจ๋อหยวนก็ดูขัดใจ
แต่อย่างไรแล้วเขาก็กำลังยุ่งมาก และไม่มีเวลาที่จะต้อนรับถังซวงกับน้องสาวเท่าไหร่ จึงทำได้เพียงโบกมือลา “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย บอกฉันด้วยนะถ้าจะกลับ ฉันจะไปส่งพวกเธอเอง”
“ค่ะ”
หลังถังซวงและถังเซวี่ยจากไป หูจื่อเฉียงตบบ่าของโม่เจ๋อหยวนแล้วพูดว่า “เอาเถอะ สหายเสี่ยวโม่ สหายถังซวงมาเยี่ยมทั้งที หลังจากนี้ก็ช่วยอุทิศตัวให้กับงานด้วยนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหูจื่อเฉียง โม่เจ๋อหยวนยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ครับ ไปกันเถอะ”
เดิมทีหูจื่อเฉียงต้องการถามโม่เจ๋อหยวนถึงความสัมพันธ์ของเขากับถังซวง ทว่าเวลานี้เขารู้ดีว่าต่อให้ถามออกไป ปากของโม่เจ๋อหยวนก็คงปิดสนิท และคงไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาแม้แต่น้อย เขาจึงไม่คิดถามอีก
อีกด้าน หลังถังซวงและถังเซวี่ยออกจากโรงงาน ทั้งสองยังไม่ได้กลับไปที่ห้องพัก
“เสี่ยวเซวี่ย ฉันมีเรื่องสงสัยน่ะ ไปเดินเล่นที่ถนนกันเถอะ”
เมื่อได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ถังเซวี่ยพยักหน้าแล้วตอบว่า “ค่ะ ไปเดินเล่นกัน” ขณะพูดอย่างนั้นเธอเก็บลูกท้อสีเหลืองใส่กระเป๋า “พี่คะ ไปกันเถอะค่ะ”
เมื่อทั้งสองเดินออกมาที่ถนน พวกเธอก็หยุดเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อ ทว่ามีความตื่นเต้นปรากฏในสายตา
“โอ้โห… ในเมืองไห่เฉิงมีทุกอย่างเลย”
“อืม”
ถังซวงพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะดึงถังเซวี่ยไปซื้อของ
“พี่คะ พอเถอะค่ะ เลิกซื้อเสื้อผ้าให้ฉันได้แล้ว”
ถังเซวี่ยถือถุงน้อยใหญ่ในมือพร้อมกับรีบหยุดถังซวงไว้ เธอไม่รู้มาก่อนจริง ๆ ว่าพี่สาวของตนจะซื้อของเก่งขนาดนี้
ถังซวงเห็นว่าถังเซวี่ยกำลังจะจมในกองเสื้อผ้า เธอจึงหยุดมือไว้ก่อน
“เอาเถอะ งั้นวันนี้พอก่อนแล้วกัน ซื้อของมาก็ตั้งเยอะแล้ว”
ขณะถังซวงกำลังจะพาถังเซวี่ยกลับห้องพัก เธอเหลือบมองคนคนหนึ่งอย่างสงสัยและเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยเก่า “แปลกจัง… ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ด้วย?”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว ถังเซวี่ยถามด้วยความสงสัย “พี่คะ ใครหรือ?”
ถังซวงส่ายศีรษะแล้วตอบว่า “เธอไม่รู้จักเขาหรอก”
เวลานี้ ชายคนนั้นก็เห็นถังซวงเช่นกัน เขาตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ช้าเขาก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับคุณถัง ไม่คิดว่าเราจะได้พบกันที่นี่”
ถังซวงมองเปาลี่ผิงพร้อมยิ้มตอบ “ค่ะ ไม่คิดว่าเราจะได้พบกันในเมืองไห่ บังเอิญจังเลยนะคะ”