การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 278 แสดงความจริงใจ
บทที่ 278 แสดงความจริงใจ
บทที่ 278 แสดงความจริงใจ
เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นทิศตะวันออก แสงสีทองสาดส่องผ่านม่านเมฆสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ถังซวงเดินอาบแสงนั้นอยู่สักครู่ เมื่อเหงื่อเริ่มออกมากแล้ว เธอจึงเดินกลับบ้าน
“ซวงเอ๋อร์…”
พอเห็นถังซวง โม่เจ๋อหยวนเองก็ตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งไปด้านหน้า และเห็นว่าร่างกายอีกฝ่ายเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ซวงเอ๋อร์ เมื่อวานก็เดินทางมาเหนื่อย ๆ เธอควรจะพักผ่อนก่อนนะ ทำไมถึงตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายแบบนี้ล่ะ?”
“ฉันไม่เหนื่อย แล้วก็ชินกับการตื่นเช้าแล้วด้วย เลยออกมาวิ่งสักหน่อย” พูดจบ เธอหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วถามอย่างสงสัย “พี่โม่ แล้วทำไมพี่ถึงมาที่นี่เร็วจัง พี่เองก็ควรพักมากกว่านี้นะ”
โม่เจ๋อหยวนยกถุงในมือขึ้นก่อนจะพูดว่า “ฉันกลัวเธอตื่นสาย เลยเอาอาหารเช้ามาฝากน่ะ ไม่รู้ว่าคุณปู่หลี่กับคนอื่น ๆ ตื่นหรือยัง”
“ตอนฉันออกมาพวกเขายังไม่ตื่นนะคะ แต่ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกัน”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเดินคุยกันไปเรื่อย ๆ และเมื่อมาถึงบ้านก็เห็นว่าเฮ่อหลานกับ เก่อชิงเหมยกำลังจะออกไปข้างนอก “แม่กับป้าเก่อจะไปไหนกันเหรอคะ?”
พอเห็นลูกสาวเหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว เฮ่อหลานจึงพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ ลูกไปวิ่งมาหรือ รีบไปล้างตัวเร็ว เดี๋ยวแม่กับป้าเก่อจะออกไปซื้ออาหารเช้า” แม้พวกเขาสามารถทำอาหารที่บ้านได้ แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วนี่คือการมาเมืองหลวงครั้งแรกของซูเหนียนอวิ๋นกับเก่อชิงเหมย เธอเลยอยากจะซื้ออาหารของเมืองหลวงให้พวกเขาลองชิม
ได้ยินอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ป้าหลาน ป้าเก่อ ผมซื้ออาหารเช้ามาให้แล้ว ไม่ต้องไปซื้อหรอกครับ”
เฮ่อหลานและเก่อชิงเหมยหัวเราะออกมาพร้อมกับขอบคุณ “เจ๋อหยวนนี่มีน้ำใจเสมอเลยนะ เธอมาที่นี่แต่เช้าเพื่อเอาอาหารเช้ามาให้พวกเรา นี่แสดงว่าเธอก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม”
“ครับ มันเช้ามาก ผมเลยว่าจะมากินข้าวที่นี่”
เก่อชิงเหมยมองโม่เจ๋อหยวนแบบยิ้ม ๆ แล้วมองถังซวงก่อนจะลอบคิดอิจฉาน้องสาวของตนเอง ไม่เพียงแต่หล่อนจะได้พบเจอกับคู่ครองที่ดี แม้แต่ลูกสาวอย่างถังซวงก็ยังมีคนคอยห่วงใยไม่ห่างอีก
จิงเจ้อหรงกับโม่เจ๋อหยวนทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายจะดีขึ้นได้เมื่อพวกเขามีความรักจริง ๆ ไม่ใช่แค่ยอมช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แต่พวกเขายังคอยห่วงใยไปถึงคนรอบข้างของคนที่หลงรักไม่ห่าง จากผู้ชายที่ไม่เคยสนใจใครก็เปลี่ยนไปจากเดิม บางทีแล้วนี่อาจเป็นเพราะความรักที่ทำให้คนเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
“เจ๋อหยวน เธอกับซวงเอ๋อร์เข้ามาข้างในก่อนเถอะ อาจารย์กับลุงหลี่ตื่นแล้ว อาหารเช้าก็มีแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะจ้ะ”
ได้ยินคำพูดของเก่อชิงเหมย โม่เจ๋อหยวนยิ้มกว้าง “ครับป้าเก่อ”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนมาที่นี่แต่เช้า หลี่จงอี้อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ “เจ๋อหยวน นี่ยังเช้าอยู่เลย ถ้าไม่บอกฉันคงคิดว่าเธอนอนที่นี่ซะแล้ว” พวกเขาทุกคนต่างรู้ดีว่าโม่เจ๋อหยวนชอบถังซวง แต่เพราะทั้งสองคนยังเด็ก พวกเขาเลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
แต่ทว่าโม่เจ๋อหยวนเขินเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขารีบเปลี่ยนหัวข้อการพูดคุยและพาทุกคนไปทานมื้อเช้า
อาหารเช้าที่เขาเอามาด้วยนั้นอร่อยมาก มีทั้งซาลาเปา ปาท่องโก๋ ขนมเปี๊ยะสดเนื้อวัว แป้งจี่ ซาลาเปาไส้เนื้อ ขนมอ้ายวอ และยังมีน้ำเต้าหู้ “ผมอยากจะเอาน้ำเต้าหู้ส่าเหล้ามาด้วย แต่ไม่รู้ทุกคนจะชอบกันไหม”
ส่วนหลี่จงอี้ที่ไม่ชอบกินน้ำเต้าหู้ส่าเหล้า เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว เขายังนึกถึงรสชาติที่เขาขยาดได้ชัดเจน “ฉันไม่ชอบรสชาติของน้ำเต้าหู้ส่าเหล้าเลย แต่ถ้าชิงเหมยกับคนอื่น ๆ อยากลองชิม ก็ให้พวกเขาลองเถอะ”
โม่เจ๋อหยวนตอบกลับทันที “อย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะเอาอาหารเช้ามาให้ใหม่นะครับ”
หลี่จงอี้มองเขาด้วยแววตาขบขัน ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบว่า “อื้ม อย่างนั้นฝากเธอด้วยแล้วกัน”
เก่อชิงเหมยยิ้มก่อนจะพูดเสริมว่า “เอาล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะรอชิมว่ารสชาติมันแย่อย่างที่คุณลุงหลี่พูดรึเปล่า”
จากนั้นซูเหนียนอวิ๋นชำเลืองมองเก่อชิงเหมย แต่เธอก็เห็นชัดเจนว่าโม่เจ๋อหยวนรู้สึกอย่างไร เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
ขณะทุกคนกำลังรับประทานอาหาร จิงเจ้อหรงเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง “ผมนึกว่าทุกคนจะตื่นสาย ถ้าผมรู้อย่างนี้ผมคงจะเอาอาหารเช้ามาให้ทุกคนเร็วกว่านี้น่ะครับ”
เห็นอย่างนั้นแล้วซูเหนียนอวิ๋นขบขัน “ไม่เป็นไรหรอก พวกเราเพิ่งจะเริ่มทาน ขอลองชิมสักหน่อยสิ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว จิงเจ้อหรงรีบวางอาหารเช้าที่เขานำมาบนโต๊ะทันที “ทั้งหมดนี้ปรุงจากครัวบ้านของผมเอง มีทั้งของหวานและของคาว ลองชิมได้เลยนะครับ”
เฮ่อหลานช่วยจัดแจงอาหารบนโต๊ะ
หลังจากจิงเจ้อหรงนั่งลง ทุกคนเริ่มรับประทานอาหารอีกครั้ง
หลังจากมื้อเช้าผ่านไป จิงเจ้อหรงพูดถึงคุณชายและคุณนายจิงที่กำลังจะมา “คุณพ่อกับคุณแม่อยากมาเยี่ยมอาจารย์กับลุงหลี่น่ะครับ พวกเขาน่าจะมาถึงสักเก้าโมงเช้า” เดิมทีเขาคิดว่าจะเชิญทุกคนไปที่บ้าน แต่แม่บอกว่าเธอจะมาที่นี่เอง
ได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานมองจิงเจ้อหรงอย่างดุ ๆ แล้วพูดว่า “ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะคะ ฉันจะได้เตรียมตัว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณพ่อคุณแม่มาแป๊ปเดียว ไม่ต้องเตรียมอะไรหรอก”
ถึงเขาจะพูดอย่างนั้น แต่เฮ่อหลานก็ยังคิดว่าสมควรเตรียมพร้อม บางทีคุณชายจิงกับคุณนาย จิงอาจจะต้องการอยู่ทานมื้อเที่ยงก็ได้
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานดูจะกระตือรือร้น เก่อชิงเหมยอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง ก่อนจะตอบว่า “ไม่ต้องกังวลหรอก ในครัวมีพร้อมทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องออกไปซื้ออะไร แล้วเดี๋ยวฉันจะเข้าไปช่วยเธอในครัวเอง”
“ค่ะ อย่างนั้นก็ได้”
เดิมทีถังซวงอยากจะออกไปข้างนอก แต่เพราะคุณชายจิงและคุณนายจิงกำลังจะมา เธอจึงนั่งรออยู่ที่บ้านและพูดคุยกับโม่เจ๋อหยวน เสี่ยวเซวี่ย
เก้าโมงเช้า คุณชายจิงและคุณนายจิงก็มาถึง
“คุณลุง คุณป้าคะ มาถึงแล้วเหรอคะ เชิญด้านในก่อนค่ะ”
เฮ่อหลานเห็นว่าทั้งสองคนมาถึงแล้ว จึงรีบเชิญพวกเขาเข้ามาด้านในทันที
คุณนายจิงเองไม่ได้พบเฮ่อหลานมาสักพักใหญ่แล้ว เมื่อได้พบอีกครั้งเธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีก จึงจับมือเฮ่อหลานไว้แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาหลาน ฉันได้ยินจากอาเจ้อว่าพวกเธอจะย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว ฉันดีใจมากเลยล่ะ”
ยิ่งเห็นท่าทีมีความสุขของหญิงวัยชรา เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะตอบว่า “ยังไงครอบครัวก็ไม่ควรจะแยกกันอยู่ค่ะ ยังไงพวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน”
“ใช่จ้ะ ครอบครัวเดียวกันก็ต้องอยู่ด้วยกัน”
นับวันคุณนายจิงยิ่งชอบเฮ่อหลานมากขึ้น และเธอรู้สึกว่าเฮ่อหลานเป็นคนดีมาก
ส่วนคุณชายจิงที่ได้พบกับหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นแล้ว จึงรีบกล่าวทักทาย “พี่ใหญ่หลี่ อาจารย์ซู สวัสดีครับ”
หลี่จงอี้จับมือกับคุณชายจิงด้วยรอยยิ้ม “คุณชายจิง เข้ามาดื่มชาด้านในก่อนเถอะครับ”
ส่วนซูเหนียนอวิ๋นลอบสังเกตคุณนายจิงและคุณชายจิง แม้จิงเจ้อหรงจะดีมาก แต่ถ้าหากพ่อแม่ของเขาไม่ชอบเฮ่อหลานล่ะก็ สองคนนั้นคงไม่ได้แต่งงานกันแน่ แต่ทว่าตอนนี้เธอสามารถวางใจสำหรับเรื่องนี้ได้แล้วจริง ๆ
เวลานี้คุณนายจิงยืนขึ้นพร้อมกับส่งรายการสินสอดที่เตรียมไว้ให้ “อาจารย์ซูคะ คุณคือครอบครัวและผู้อาวุโสของอาหลาน วันนี้เราเลยมาพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานน่ะค่ะ”