การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 358 ไปพร้อมกัน
บทที่ 358 ไปพร้อมกัน
บทที่ 358 ไปพร้อมกัน
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของชายหัวโล้น ถังซวงยั้งมือทันที แววตาเผยความเย็นชาและน้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นว่า “ปล่อยเธอไป”
ชายหัวโล้นคว้าลำคอของถังเซวี่ยเอาไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับแขนของเธอไว้อย่างมั่นเหมาะ หลังจากได้ยินคำพูดของถังซวงเขาถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมา “แน่นอนฉันปล่อยแน่ แต่เธอต้องไปกับเรา แล้วฉันจะปล่อยเด็กนี่ไป”
“พี่คะ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
ถังเซวี่ยโกรธตัวเองที่ไร้ความสามารถ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถูกจับง่ายดายอย่างนี้
เกอชิงเหม่ยมองถังเซวี่ย ก่อนจะหันมองถังซวงด้วยความเจ็บปวด แม้เธอจะหวาดกลัวชายหัวโล้นแต่เธอก็ยังก้าวขาออกไปอย่างกล้าหาญ “แกจับฉันไปแทน ปล่อยเสี่ยวเซวี่ยไปซะ”
ชายหัวโล้นเหลือบมองเกอชิงเหม่ยก่อนจะพูดว่า “รีบไสหัวออกไป ฉันไม่อยากฆ่าใคร”
เกอชิงเหม่ยอยากจะพูดต่อ แต่ถูกถังซวงหยุดเอาไว้
“ป้าเกอ ป้าหลบไปอยู่ข้างหลังของเหลิ่งตงก่อนเถอะค่ะ”
ตอนนี้ ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวและหันมาสนใจเสี่ยวเซวี่ย
เกอชิงเหม่ยมองถังเซวี่ยอย่างลังเล ถ้าเธอเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเหลิ่งตง แล้วเสี่ยวเซวี่ยกับถังซวงจะเป็นยังไง?
“เหลิ่งตง ปกป้องป้าเกอ”
เหลิ่งตงต้องการจะปฏิเสธทันที แน่นอน ภารกิจของพวกเขาคือการปกป้องถังซวง คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่ายาของถังซวงที่ผลิตออกมามีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมแค่ไหน มันถูกใช้งานในกองทัพและช่วยคนได้มากมาย หากหญิงสาวที่มากพรสวรรค์คนนี้หายไป นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เหลิ่งตงจะทันได้อ้าปากพูดอะไร เขาเห็นแววตาเย็นชาของถังซวง ในใจกลับสั่นไหวโดยไม่รู้ตัว เมื่อถูกกดดันจากถังซวงขนาดนี้ เขาจึงเดินไปหาเกอชิงเหม่ยพร้อมกับยืนบังเธอเอาไว้
เกอชิงเหม่ยรู้ดีว่าคนเหล่านี้กำลังปกป้องถังซวง เธอไม่ต้องการจะลากถังซวงและถังเซวี่ยไปตกอยู่ในอันตรายเพราะตนเอง แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เหลิ่งตงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “สหายเกอ สิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้คือเชื่อมั่นในตัวสหายถังซวง อย่าสร้างปัญหาให้กับเธอเลยครับ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เกอชิงเหม่ยเงียบไปทันที ก่อนจะยืนอยู่ด้านหลังของเหลิ่งตงโดยไม่พูดอะไรอีก
เห็นอย่างนั้นถังซวงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินไปด้านหน้า
“ฉันยอมแล้ว”
เห็นถังซวงพูดอย่างนั้น ชายหัวโล้นยกยิ้มก่อนจะหัวเราะลั่น “ดีมากที่รู้สถานะของตัวเอง เอาล่ะ งั้นเราไปกันเถอะ” ขณะพูดอย่างนั้นเขาหันมองกลุ่มคนที่มาด้วยกันก่อนจะพูดว่า “จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย ใครยังไม่ตายก็หามกลับไปด้วย”
“ครับ”
คนเหล่านั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเริ่มทำความสะอาดสถานที่ทั้งหมดทันที
ถังซวงลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นการกระทำของคนเหล่านี้ สายตาของเธอเหลือบไปมองถังเซวี่ย และพบว่ามือของเขายังบีบลำคอของถังเซวี่ยเอาไว้ “ฉันยอมแล้ว ปล่อยน้องสาวฉันซะ”
“พี่คะ…”
แววตาของถังเซวี่ยแดงก่ำ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและโทษตัวเอง “ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ฉันเป็นคนทำให้พี่ต้องลำบาก”
“เสี่ยวเซวี่ยเด็กโง่ เธอไม่ผิดหรอก แต่คนพวกนี้มันเลวต่างหาก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อชายหัวโล้นได้ยินคำพูดของถังซวง มันยกยิ้มก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะ “เธอนี่น่าสนใจจริง ๆ ฉันชอบซะแล้วสิ” นึกไปถึงความโหดเหี้ยมและความเย็นชาในแววตาของถังซวง แม้ใบหน้าของเขาจะยกยิ้ม แต่ในใจกลับระมัดระวังตัวอย่างดี
“ไม่ต้องกังวลหรอก แล้วฉันต้องให้พวกแกมัดไหม?”
ชายหัวโล้นหัวเราะก่อนจะตอบกลับว่า “แน่นอนสิ มันคงดีกว่าถ้าเราจะระวังตัวสักหน่อย” เวลานั้นเขาเหลือบมองลูกน้องคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าเพื่อรวบข้อมือถังซวงไว้ด้านหลังแล้วมัดมือของเธอเอาไว้
เหลิ่งตงที่มองดูถังซวงที่ถูกมัด สีหน้าของเขายิ่งมืดมน เขาลอบส่งสัญญาณให้กับคนด้านหลัง และชายคนนั้นเข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหลบออกไปเงียบ ๆ ในเวลาที่ทุกคนเผลอ
“หยุด…”
แต่ทว่ามันไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น พวกมันเห็นการเคลื่อนไหวของเหลิ่งตงอย่างรวดเร็ว
แต่ชายหัวโล้นกล่าวกับฝ่ายของตัวเองว่า “ปล่อยมันไปซะ เราได้เป้าหมายที่เราต้องการแล้ว รีบออกไปก่อนที่จะมีคนมาเห็น เดี๋ยวเรื่องมันจะใหญ่ไปกว่านี้”
“ครับ”
ชายที่จับถังซวงเอาไว้พยักหน้าให้กับชายหัวโล้น “ไปกันเถอะครับหัวหน้า”
ชายหัวโล้นยังคงจับถังเซวี่ยเอาไว้และพาเธอเดินไปด้วยกัน
เห็นอย่างนั้นแล้ว แววตาของถังซวงกลายเป็นเย็นชา “ทำไม… ถึงไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้?”
ชายหัวโล้นได้ยินอย่างนั้น พูดอย่างไม่แยแส “ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไรอีกแล้ว อีกอย่างฉันรู้แล้วว่าเธอฝีมือไม่เบา และสามารถจัดการทุกอย่างได้ดี แต่เธอลองดูได้นะว่าความเร็วของเธอกับมือของฉัน อะไรจะเร็วกว่ากัน”
“เอาล่ะ ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางเป็นกังวลของถังเซวี่ย ถังซวงกลับสงบนิ่งลง เธอถูกลากให้เดินไปข้างหน้าเงียบ ๆ ซึ่งตอนนี้ชายหัวโล้นก็ตัดสินใจว่าจะพาถังเซวี่ยไปด้วย
“เดี๋ยว… ปล่อยคุณถังเดี๋ยวนี้”
คนกลุ่มที่สองจ้องมองถังเซวี่ยและชายหัวโล้นอย่างกล้า ๆ กลัว พวกเขาคิดว่าพวกตนจะสามารถจับกุมถังเซวี่ยได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยถังเซวี่ยถูกพาตัวไปแน่
“ฮึ่ม… พูดมากนักนะ”
ชายหัวโล้นมองชายกลุ่มที่สองด้วยแววตาเย็นชา ไม่คิดสนใจก่อนจะพาถังซวงและถังเซวี่ยเดินต่อไป เหตุผลที่เขาจับถังเซวี่ยมาด้วยเพราะกลัวว่าถังซวงจะตุกติก อีกทั้งเขาสัมผัสได้ว่าถังซวงมีลูกเล่นมากมาย ถ้าไม่จับถังเซวี่ยเอาไว้ การจับกุมคราวนี้อาจจะไม่ราบรื่น และเขาอาจจะทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ
เห็นอย่างนั้นแล้ว กลุ่มที่สองคิดจะฉวยโอกาส
แต่ชายหัวโล้นไม่คิดหยุด เขายังคงพาถังซวงและถังเซวี่ยเดินต่อไป อีกทั้งยังมีคนคอยป้องกันด้านหลัง
กลุ่มที่สองเห็นอย่างนั้นจึงรู้ว่ากลุ่มชายหัวโล้นแข็งแกร่งมาก และไม่มีท่าทีว่าจะชนะ เมื่อครู่ที่มีคนในกลุ่มตาย พวกเขายังไม่เผยท่าทีสะทกสะท้าน นั่นเพราะพวกเขาไม่ได้อ่อนแอ แต่เป็นถังซวงที่แข็งแกร่ง ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่เขาต้องจับกุมตัวประกันเพื่อข่มขู่ถังซวงเอาไว้
“เดินไป”
คนเหล่านั้นเห็นว่ากลุ่มที่สองล่าถอยไปแล้ว พวกเขาจึงเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ
ขณะทุกคนกำลังจะจากไป เกอชิงเหม่ยอดไม่ได้ที่จะหันมองเหลิ่งตงก่อนจะถามว่า “เราจะทำยังไงต่อ? ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยถูกพาตัวไปแล้ว”
ใบหน้าของเหลิ่งตงยิ่งบิดเบี้ยว เขาหันมองเกอชิงเหม่ยแล้วพูดว่า “ผมส่งคนไปแจ้งคุณจูเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วครับ เดี๋ยวจะมีคนไปช่วยคุณถังซวงภายหลัง”
แน่นอนว่าเกอชิงเหม่ยยังคงเป็นห่วง ขณะที่เธอกำลังจะถาม กลับมีคนเดินเข้ามา
“ซุนชิว แกมาถึงเมืองหลวงจริง ๆ สินะ บอกฉันมาเสี่ยวเซวี่ยอยู่ที่ไหน”
เมื่อเห็นความวุ่นวายตรงหน้า เฟิงเยี่ยหานรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ เขาพยายามไม่ติดต่อกับถังเซวี่ยแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในอันตราย เขาหันมองชายกลุ่มที่สองด้วยใบหน้าเย็นชาแล้วกล่าวกับหัวหน้ากลุ่มนามซุนชิวว่า “จัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ฉันไม่สนว่านายจะทำยังไง แต่เสี่ยวเซวี่ยต้องปลอดภัย”