การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 369 ข้อความในจดหมาย
บทที่ 369 ข้อความในจดหมาย
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้ารับให้ถังซวง ก่อนจะพูดว่า “อื้ม ถ้าผู้เฒ่าฉินบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้อง มันก็ไม่มีปัญหาอะไร และไม่สำคัญว่าผู้บังคับบัญชาจูจะตรวจสอบเรื่องนี้ยังไงด้วย”
“ค่ะ เราไม่ต้องกังวลหรอก”
อีกด้านหนึ่ง เหลิ่งตงกับผู้บังคับบัญชาจูพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด และผู้บังคับบัญชาจูส่งคนไปตรวจสอบสิ่งที่ผู้เฒ่าฉินเพิ่งอนุมัติไปอย่างรวดเร็ว “เฮ้อ… หวังว่าคงจะไม่ใช่ผู้เฒ่าฉิน ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะจัดการเขายังไง”
ผู้บังคับบัญชาจูมองเหลิ่งตงก่อนจะพูดว่า “รีบกลับไปดูแลถังซวงได้แล้ว”
“ครับ”
เหลิ่งตงบอกความคืบหน้ากับถังซวงหลังจากกลับมาที่บ้านตระกูลจิง “ผู้บังคับบัญชาจูจะสืบสวนเรื่องทั้งหมดอย่างเต็มที่และจะแจ้งให้คุณถังซวงทราบทันทีครับ”
“ค่ะ ฝากขอบคุณผู้บังคับบัญชาจูด้วยนะคะ”
หลังจากพูดจบ เหลิ่งตงหายไปในความมืดอีกครั้ง
แน่นอนว่าถังซวงบอกเรื่องนี้กับจิงเจ้อหรงด้วย
จิงเจ้อหรงที่ได้ยิน รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะเกี่ยวข้องกับผู้เฒ่าฉิน น่าแปลกจริง ๆ” เขาไม่เชื่อว่าผู้เฒ่าฉินจะลงมือทำเรื่องนี้ เพราะด้วยสถานะของเขา เขาไม่จำเป็นต้องลดตัวมายุ่งกับเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ
“พ่อคะ หนูก็เคยเจอผู้เฒ่าฉินมาก่อน หนูไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนลงมือหรอกค่ะ ยังไงซะตอนนี้เราก็ทำได้แค่รอผลการสืบสวน”
“อืม”
แต่ทุกคนไม่ได้รอคอยนานนัก ในเมื่อผู้บังคับบัญชาจูออกคำสั่งให้ตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียดด้วยตัวเอง พวกเขาได้ทราบข้อมูลอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่วันถัดมา เฉินซิ่งเหวิน เลขาของผู้บังคับบัญชาจูได้มาเยี่ยมเยียนบ้านตระกูลจิงเป็นการส่วนตัว
“คุณถังซวง เราพบบางอย่างแล้ว คุณอยากไปที่บ้านตระกูลฉินกับพวกเราไหมครับ?”
ถังซวงพยักหน้ารับทันที “ค่ะ”
นอกจากถังซวงแล้วยังมีโม่เจ๋อหยวน และจิงเจ้อหรงด้วย
หลังจากทุกคนมาถึงบ้านตระกูลฉิน ผู้เฒ่าฉินประหลาดใจมากที่ได้พบพวกเขา แต่ก็ยังทักทายด้วยรอยยิ้ม “สหายจิง เลขาเฉิน ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ เข้ามาด้านในก่อนครับ”
ไม่นานนัก ผู้เฒ่าฉินก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะมีนายทหารได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีติดตามเลขาเฉินมาด้วย แต่เขาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ไม่ได้ถามอะไรออกไป และนำทุกคนเข้ามาด้านใน
เมื่อมาถึงห้องโถง เลขาเฉินพูดขึ้นเป็นคนแรก “คุณฉินครับ วันนี้เรามีเรื่องรบกวน หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับพวกเรานะครับ”
ผู้เฒ่าฉินตอบกลับจริงจัง “เลขาเฉินมีอะไรพูดออกมาได้เลยครับ ถ้าผมสามารถตอบได้ ผมจะตอบแน่นอน”
“มันควรจะเป็นอย่างนั้น”
เฉินซิ่งเหวินหยิบจดหมายหนึ่งแผ่นออกมาแล้วส่งมอบ “ลองตรวจสอบสิ่งนี้หน่อยครับว่าคุณเป็นคนเขียนมันหรือเปล่า”
ผู้เฒ่าฉินรับจดหมาย ทันทีที่เห็นเนื้อความในจดหมายทั้งหมด สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนทันที เขายืนขึ้นและรู้สึกว่าตัวเองกำลังหายใจไม่ออก
ในจดหมายนี้ระบุชัดเจนว่าตัวเขาให้ติงเหอพาคนไปจับตัวถังซวงและพาเธอไปขายในภูเขาลึก ในที่ที่เธอไม่มีวันจะกลับมาได้อีก
แม้เขาจะได้ยินเรื่องการลักพาตัวลูกสาวทั้งสองคนจากตระกูลจิง แต่ยังไงก็ตามแต่ มันไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉินไม่ใช่หรือ?
เขาไม่ได้เขียนจดหมายฉบับนี้ แล้วสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคืออะไรกันแน่
แต่ว่า… ตราประทับส่วนตัวบนจดหมายนี้ชัดเจนว่าเป็นของเขา
เมื่อเห็นสีหน้าของผู้เฒ่าฉิน เฉินซิ่งเหวินปรบมือส่งสัญญาณ ไม่นานนักก็มีคนลากตัวติงเหอเข้ามา
เมื่อผู้เฒ่าฉินเห็นติงเหอ เขากล่าวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ติงเหอ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่เคยส่งจดหมายฉบับนี้ออกไป แต่ทำไมนายถึงมีจดหมายฉบับนี้อยู่กับตัว?”
เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของผู้เฒ่าฉิน ติงเหอเปิดปากทันที แต่เขาไม่ได้ตอบกลับผู้เฒ่าฉิน เขาเพียงพูดว่า “เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผู้เฒ่าฉิน ผมเป็นคนทำเองทั้งหมด”
เห็นติงเหอปกป้องผู้เฒ่าฉินอย่างนั้น เฉินซิ่งเหวินหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อว่า “ติงเหอ คุณเป็นลูกน้องของคุณฉิน และยังมีตราประทับส่วนตัวของคุณฉินในจดหมายนี้ด้วย ต่อให้คุณบอกว่าทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะลงมือทำเอง ยังไงเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับคุณฉินแน่นอน”
ติงเหอหันมองเฉินซิ่งเหวินก่อนจะพูดว่า “ผมขโมยตราประทับของผู้เฒ่าฉินไป มันไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย!”
แต่ผู้เฒ่าฉินยังคงไม่ได้สติ
เขาไม่เคยสั่งให้ติงเหอทำอย่างนั้น แล้วติงเหอกำลังปกป้องอะไรกันแน่? ยิ่งอีกฝ่ายพูด ทุกคนก็ยิ่งจะสงสัยไปกันใหญ่ไม่ใช่หรือ?
“ติงเหอ ฉันไม่ใช่คนส่งจดหมายฉบับนี้ออกไป บอกฉันมาเถอะว่าได้รับจดหมายนี้มาจากใคร?”
ติงเหอคือลูกน้องที่เขาไว้ใจที่สุด
อีกฝ่ายซื่อสัตย์กับเขามาก เป็นไปไม่ได้ที่ติงเหอจะวางแผนใส่ร้ายเขาอย่างนี้ เรื่องราวทั้งหมดมันน่าแปลกประหลาด และสิ่งที่เขาสงสัยที่สุดคือจดหมายนี้มาจากใคร
ติงเหอที่ได้ยินผู้เฒ่าฉินพูดอย่างนั้น ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
แต่ก่อนที่เฉินซิ่งเหวินจะพูดบางอย่าง ผู้เฒ่าฉินกลับพูดขัด “ติงเหอ มีเรื่องอะไรที่นายพูดไม่ได้? ฉันนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องปิดบัง”
จนถึงตอนนี้ ติงเหอสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ท่าทางของชายชราไม่ได้โกหก นี่เขาไม่กังวลเรื่องจดหมายนี้งั้นหรือ? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ผู้เฒ่าฉินครับ คุณลืมหรือเปล่าว่าก่อนหน้านี้คุณบอกว่ามีบางอย่างให้ผมทำ แล้วคุณก็เขียนสิ่งที่ต้องการทั้งหมดในจดหมายแล้วส่งให้ผม”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้เฒ่าฉินนึกบางอย่างได้
“ใช่ ฉันบอกแบบนั้น ฉันให้นายซื้อของขวัญและพาฉันไปที่เมืองหลินเพื่อไปหาครอบครัวของเหล่าฉี ฉันว่าจะถามนายอยู่พอดีว่าทั้งหมดเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง”
“อะ… อะไร…”
ติงเหอแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“แต่… แต่กระดาษที่คุณส่งให้ผมคือกระดาษแผ่นนี้”
“เป็นไปไม่ได้”
ผู้เฒ่าฉินปฏิเสธในทันที เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่เขียนบนกระดาษแผ่นนั้นควรเป็นอย่างไร มันไม่ใช่คำสั่งพวกนี้แน่นอน
“ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมฉันต้องบอกให้คุณไปจับตัวถังซวงด้วย? ฉันไม่ได้มีอะไรคับแค้นกับเธอ ฉันจะทำเรื่องพวกนี้ไปทำไม?”
ติงเหอเองก็รู้สึกแปลกใจเมื่อได้รับจดหมายในคราวแรก หลังจากเขากลับมาถึงบ้านและเห็นเนื้อความบนจดหมาย เขาอยากจะพูดคุยกับผู้เฒ่าฉิน แต่เมื่อมาถึงที่นี่กลับไม่มีใครอยู่ และได้พบกับคุณหนูหรูเหมิ่งแทน และดูเธอจะทราบเรื่องนี้ดีจึงบอกกับเขาอย่างมั่นใจว่าชายชราต้องการให้เขาจัดการเรื่องนี้
คิดถึงเรื่องนั้น ติงเหอจึงเข้าใจบางอย่าง เขารู้แล้วว่าทั้งหมดคือความผิดพลาด
เห็นท่าทางตื่นตระหนกของติงเหอ ผู้เฒ่าฉินถามอย่างร้อนรน “ติงเหอ นายนึกอะไรได้? บอกฉันมาเร็วเข้า!”
ติงเหอมีสีหน้ากังวล เขาเม้มปากแน่นและส่ายศีรษะ “ผมไม่ได้คิดอะไรครับ”
แต่ถังซวงมองผู้เฒ่าฉินด้วยรอยยิ้มก่อนจะถามว่า “ผู้เฒ่าฉินคะ แต่เพราะจดหมายนี้มีตราประทับของคุณอยู่ด้วย แล้วตราประทับที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนหรือคะ?”