การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 442 ออกเดินทาง
บทที่ 442 ออกเดินทาง
บทที่ 442 ออกเดินทาง
จิงเจ้อหรงพยักหน้าก่อนจะตอบกลับว่า “ถ้ามีอะไรบอกพ่อได้เลยนะ”
ถังซวงพยักหน้ารับก่อนจะออกจากโรงพยาบาลไป
อีกไม่กี่วันถัดมา ผู้คนจากโถงยี่ชี โม่เจ๋อหยวน และตระกูลเฟิง ทั้งหมดต่างตามสืบเสาะหาข้อมูลของเกอชิงเหม่ยและในที่สุดก็ได้ทราบเบาะแสที่แน่ชัด
ถังซวงดูผลรายงานในมือด้วยความประหลาดใจ
“อะไรนะ… ป้าเกอไปเมืองก่างเฉิงงั้นหรือ ทำไมจู่ ๆ ถึงไปเมืองก่างเฉิงได้ล่ะ?”
โม่เจ๋อหยวนส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับ “เรื่องนั้นพวกเราก็ไม่มั่นใจ แต่คนของเฟิงเยี่ยหานพบว่าหลังจากป้าเกอออกจากหมู่บ้านเถาฮวาแล้ว เธอส่งโทรเลขไปหาคุณย่าซู แต่ที่คุณย่าซูไม่ได้รับข่าวสารเพราะมันตกหล่น เราใช้เวลาหลายวันกว่าจะรู้ว่าป้าเกอหายตัวไป”
หากกล่าวถึงเมืองก่างเฉิงแล้ว ถังซวงก็นึกถึงคุณลุงเฮ่อกับเฟ่ยไห่ชาง
“ฉันจะติดต่อลุงกับคุณเฟ่ยทีหลัง เพื่อขอให้พวกเขาช่วยตามหา”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้ารับก่อนจะหันมองถังซวงแล้วพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ ป้าเฮ่อจะออกจากโรงพยาบาลวันพรุ่งนี้ เราไปรับคุณป้าเฮ่อที่โรงพยาบาลด้วยกันนะ”
ถังซวงไม่ปฏิเสธ
วันต่อมา ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมาถึงโรงพยาบาลแต่เช้า นอกจากพวกเขาแล้วยังมีคุณนายจิง อวี๋มินและเมิ่งผิง
จิงเจ้อหรงเห็นว่ามีคนมากมาย อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “แม่ครับ มากันทำไมเยอะแยะ”
เวลานี้คุณนายจิงไม่สนใจจิงเจ้อหรงแม้แต่น้อย เพราะความสนใจทั้งหมดของเธออยู่กับเฮ่อหลานและทารกทั้งสอง “อุ๊ย… หลานน้อยของย่า ย่ามารับหนูกับแม่กลับบ้านแล้วนะจ๊ะ” ขณะพูด เธอจับแก้มเด็กน้อยทั้งสองก่อนจะกล่าวหยอกล้ออย่างเอ็นดู “ฟักทองน้อย ฟักขาวน้อย วันนี้จะออกจากโรงพยาบาลแล้วน้า ไม่ร้องไห้ไม่งอแงเลย น่ารักน่าชังจริง ๆ”
เห็นว่าคุณนายจิงไม่สนใจตนเองเลยสักนิด จิงเจ้อหรงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่สุดท้ายเขาทำได้เพียงก้มศีรษะแล้วเก็บข้าวของต่อไป
โม่เจ๋อหยวนก็ไม่ชักช้า เห็นจิงเจ้อหรงกำลังขนของอยู่ เขาจึงเข้าไปช่วยและขนของส่วนใหญ่ลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
เมื่อทั้งหมดกลับมาถึงบ้านตระกูลจิง ก็เห็นผู้เฒ่าจิงรออยู่ที่หน้าประตู
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของผู้เฒ่าจิงตอนนี้แล้ว คุณนายจิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาก่อนจะพูดว่า “อะไรกัน มารออยู่ข้างนอกทั้งที่อากาศหนาวอย่างนี้ทำไม ฉันบอกให้ไปด้วยกันก็ไม่ไป”
ผู้เฒ่าจิงกระแอมเบา ๆ และไม่ได้ตอบกลับ เพราะรู้สึกอับอาย แต่เพราะเขาก็อยากเจอฝาแฝดคู่นี้มาก ฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยน่ารักจนเขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้อุ้มหลาน “จ๊ะเอ๋ ฟักขาวน้อยของปู่ มาให้ปู่กอดหน่อยซิ”
คุณนายจิงเอี้ยวตัวหลบก่อนจะพูดว่า “เข้าไปด้านในก่อน ข้างนอกหนาวจะแย่”
“อ้อ ใช่ ๆ เข้าไปด้านในกันเถอะ”
จิงเจ้อหรงที่เดินตามหลังมาไม่เพียงแต่ยังไม่ได้อุ้มลูก แต่ยังกลายเป็นบุคคลที่ถูกลืมไปโดยปริยาย “หลังจากกลับถึงบ้าน ฉันก็ยังไม่ได้อุ้มลูกอยู่ดีสินะ” ตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาล คุณนายจิงไปหาทุกวัน ไหนจะยังพี่สะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองก็ไปช่วยดูแลด้วย เขาจึงไม่เคยได้อุ้มลูกเลยสักครั้ง
โม่เจ๋อหยวนยกยิ้มก่อนจะพูดจากด้านข้าง “ลุงจิงยังมีโอกาสอยู่นะครับ ทุกคนชอบฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยมากก็ดีแล้วไม่ใช่หรือครับ”
“อื้ม”
ในแววตาของจิงเจ้อหรงมีความภาคภูมิใจ เพราะลูกแฝดของเขาน่ารักจริง ๆ
ทันทีที่เฮ่อหลานกับทารกน้อยสองคนกลับมาจากโรงพยาบาล บ้านตระกูลจิงก็ดูมีสีสันขึ้นมา นอกจากผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงแล้ว จิงไค่หรงกับจิงซิวหรงเองก็เอ็นดูแฝดทั้งสองคนนี้มาก
“ฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยน่ารักจังเลย”
หลังได้เห็นแฝดตัวน้อย จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยใจละลายในพริบตา แต่หลังจากนั้นครู่เดียวพวกเขาถูกกระตุ้นให้รีบหาคู่อีกครั้ง เพราะหากพวกเขาไม่มีภรรยา จะมีลูกน้อยน่ารักอย่างนี้ได้อย่างไร
หลังจากทารกทั้งสองหลับไป บ้านก็ค่อย ๆ เงียบสงบอีกครั้ง
จิงเจ้อหรงใช้โอกาสนี้สอบถามเรื่องของเกอชิงเหม่ยกับถังซวง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของถังซวงเปลี่ยนแปลงทันที “ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับป้าเกอเลยค่ะ ตอนนี้หนูรู้แค่ว่าป้าเกอไปเมืองก่างเฉิง หนูคิดว่าป้าเกอพยายามบอกคุณย่าซูแล้ว แต่โทรเลขถูกส่งไปไม่ถึงน่ะค่ะ เราเลยไม่ทราบสาเหตุที่ป้าเกอไปเมืองก่างเฉิงในตอนนี้”
“ไปเมืองก่างเฉิงงั้นหรือ”
จิงเจ้อหรงประหลาดใจ
ถังซวงเองก็สับสนเช่นกัน “ค่ะ แต่หนูไม่รู้หรอกนะคะว่าทำไมป้าเกอถึงไปเมืองก่างเฉิง ตอนนี้หนูบอกให้ลุงเฮ่อกับเฟ่ยไห่ชางออกตามหาแล้วค่ะ แต่ยังไม่มีข่าวคราวเลย”
เมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่มันก็หลายวันแล้วแต่ยังไม่ได้รับข่าวคราวใดของเกอชิงเหม่ย ถังซวงอดไม่ได้ที่จะกังวล
“พ่อคะ หนูจะไปเมืองก่างเฉิง”
โม่เจ๋อหยวนได้ยินอย่างนั้นก็พูดขึ้น “ซวงเอ๋อร์ ฉันจะไปกับเธอด้วย”
จิงเจ้อหรงเองก็ไม่คัดค้าน แต่เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของถังซวง เขาจึงจะให้คนของตระกูลจิงไปด้วย “พาคนของเราไปด้วย มีแค่สองกำปั้น จะสู้อะไรกับสี่กำปั้น ถ้ามีคนจำนวนมาก พ่อก็จะพอวางใจได้บ้าง”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
ถังซวงเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้เช่นกัน เธอจึงไม่ปฏิเสธ
แต่เมื่อคิดว่าตัวเองต้องออกจากเมืองหลวงสักระยะหนึ่ง เธอก็ยังต้องหาข้ออ้างเตรียมไว้ “พ่อคะ งั้นบอกแม่หน่อยนะคะว่าหนูไปเมืองก่างเฉิง”
จิงเจ้อหรงหันมองถังซวงแล้วพูดว่า “เรื่องนั้นปล่อยให้พ่อจัดการเอง”
โม่เจ๋อหยวนที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้นว่า “แต่เราไปบอกป้าเฮ่อตรง ๆ เลยก็ได้นะว่าเราจะไปเมืองก่างเฉิง เพื่อไปเที่ยวก่อนจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย”
ถังซวงและจิงเจ้อหรงรู้สึกว่าเหตุผลนี้ค่อนข้างเข้าท่า
“เอาไว้ค่อยว่ากัน”
เมื่อเฮ่อหลานรู้ว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนจะไปเที่ยวด้วยกัน เธอประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดซักถามอะไร เพราะลูกสาวกับโม่เจ๋อหยวนมักจะเดินทางไกลด้วยกันเสมอ
“ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน เดินทางดี ๆ นะจ๊ะ ถ้าถึงเมืองก่างเฉิงแล้วแวะไปหาลุงด้วยล่ะ”
ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนพยักหน้ารับ
ทั้งสองเริ่มออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
ถังเซวี่ยและถังชุนหยานเองก็ทราบว่าเรื่องเป็นยังไงมายังไง ทันทีที่รู้ว่าถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนกำลังจะออกไป พวกเธอจึงรีบเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย “พี่คะ เดินทางดี ๆ นะคะ แล้วถ้าเจอป้าเกอแล้วให้รีบกลับมานะ”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราเข้าใจแล้ว”
ถังซวงลูบศีรษะของถังเซวี่ยก่อนจะออกเดินทางพร้อมกับโม่เจ๋อหยวน ทั้งสองมุ่งหน้าสู่เมืองไห่เฉิงเพื่อไปพบเฟิงเยี่ยหานก่อน และเพื่อสอบถามว่าทางฝั่งเขามีข่าวคราวอะไรบ้างไหม
เมื่อเฟิงเยี่ยหานเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนกับถังซวงมาหา เขาจึงต้อนรับทั้งสองอย่างอบอุ่นก่อนจะเล่าถึงข้อมูลที่ได้ทราบมา
“หลังจากป้าเกอออกจากหมู่บ้านเถาฮวา เธอก็เดินทางเพียงลำพัง ไม่มีใครบังคับหรือข่มขู่เธอ”