การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 49 คาดไม่ถึง(รีไรท์)
บทที่ 49 คาดไม่ถึง(รีไรท์)
บทที่ 49 คาดไม่ถึง(รีไรท์)
เฮ่อหลานกระวนกระวายมาก ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด สุดท้ายก็ถูกรถชนเข้าอย่างจังจนตัวกระแทกพื้น
จิงเจ้อหรงที่นั่งอยู่ในรถขมวดคิ้ว ก่อนจะเปิดประตูแล้วลงจากรถ
เหรินอวี่ก็ออกจากรถทันที เขามองไปที่จิงเจ้อหรงแล้วพูดว่า “ท่านครับ ผมจะไปดูเอง ท่านรอในรถเถอะครับ”
จิงเจ้อหรงส่ายหัว เดินตรงไปหาเฮ่อหลาน พูดเบา ๆ ว่า “ผมขอโทษจริง ๆ รถเราเบรกไม่ทัน คุณเป็นยังไงบ้างครับ?”
เฮ่อหลานโซเซไปชั่วขณะ แต่ในที่สุดก็สามารถยืนขึ้นได้ เธอโบกมือราวกับไม่ได้คำนึงถึงอาการบาดเจ็บของตัวเองแล้วพูดว่า “ฉันสบายดีค่ะ เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ระวัง ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ”
หลังจากที่เฮ่อหลานยืนขึ้น จิงเจ้อหรงก็ตระหนักว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยน้ำตา แต่เธอไม่ได้ร้องไห้มากมายขนาดนั้น เหมือนเพียงแค่หลั่งน้ำตาอย่างเงียบ ๆ กระนั้นในนัยน์ตาคลอไปด้วยความกลัวและความกังวลไม่รู้จบ
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่น่าเป็นห่วงของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงก็ตกใจ เขารีบพูดว่า “เราส่งคุณไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า”
“ฉันบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ!”
เฮ่อหลานใกล้จะเสียประสาทแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้ายังคงขวางทางอยู่ เธอก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีก สุดท้ายจึงตะโกนออกไปตรง ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหรินอวี่ก็ขมวดคิ้วแล้วมองไปยังเฮ่อหลาน ทว่าตอนที่เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้า จิงเจ้อหรงก็หยุดเขาไว้
หลังจากที่เฮ่อหลานตะโกน เธอก็รู้ว่าทำผิดไป แต่ตอนนี้เธอกังวลจริง ๆ “ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรเป็นแบบนี้เลย แต่ฉันมีเรื่องด่วน ฉันจะขอตัวก่อนนะคะ”
“พี่หลาน…”
หลินหมิงซู่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากระยะไกล ชายวัยกลางคนไม่สนใจในตอนแรกเพราะไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น แต่เขาไม่คาดคิดว่าเฮ่อหลานจะเป็นหนึ่งในฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาจึงรีบกล่าวเข้ามา “พี่หลาน เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อหลินหมิงซู่เข้าไปใกล้ เขาก็เห็นใบหน้าของเฮ่อหลานเต็มไปด้วยน้ำตา หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที เขาจึงมองตรงไปที่จิงเจ้อหรงและเหรินอวี่
แต่เมื่อเขาเห็นชัดเจนว่านั่นคือจิงเจ้อหรง เขาก็ผงะเล็กน้อย
“คุณจิง”
จิงเจ้อหรงไม่คาดคิดว่าจะได้เจอหลินหมิงซู่ที่นี่ เขามองไปที่เฮ่อหลาน จากนั้นมองไปที่หลินหมิงซู่ เมื่อเขากำลังจะเล่าเหตุการณ์ เฮ่อหลานก็รีบดึงหลินหมิงซู่ไป
“หมิงซู่ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ย”
“อะไรนะ…”
ใบหน้าของหลินหมิงซู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขารีบพูดว่า “พี่หลานไม่ต้องกังวล แค่บอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น”
เฮ่อหลานรีบอธิบายเรื่องนี้ “ฉันตามหาไปทั่วแล้ว แต่ฉันไม่เห็นพวกเธอเลย ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอ” ในที่สุดเฮ่อหลานก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีก น้ำตาร่วงบนใบหน้าของเธอทันที
หลินหมิงซู่รีบปลอบโยนทันที “พี่หลานไม่ต้องกังวล ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยจะไม่เป็นอะไรแน่ แค่พี่คนเดียวตามหาไม่ไหวหรอก ผมจะโทรหาคนที่รู้จักสองสามคนก่อน แล้วให้พวกเขาช่วยตามหานะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานพยักหน้าอย่างเร่งรีบ “ได้ ถ้ามีคนช่วยหามากขึ้น เราจะต้องเจอพวกเธอแน่”
จิงเจ้อหรงที่อยู่ด้านข้างเข้าใจทันทีว่าลูกสาวของผู้หญิงตรงหน้าหายไป ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอกังวลมากขนาดนี้ ที่แม้จะโดนรถชนก็ไม่สนใจ เขาจึงเอ่ยว่า “ให้ผมช่วยนะ จะได้มีคนช่วยหาเยอะขึ้น”
เฮ่อหลานได้ยินคำพูดนั้นจึงหันไปมองจิงเจ้อหรง
เธอไม่รู้จักชายตรงหน้าเลย แต่เธอสามารถบอกได้จากท่าทางของเขาและรถที่เขาใช้ มันจะดีกว่าถ้าคนแบบนี้จะช่วยหาใครสักคน แต่เธอไม่รู้ว่าเขาเชื่อถือได้หรือไม่
หลินหมิงซู่ที่เห็นแบบนั้นก็พูดว่า “คุณจิง ผมจะรบกวนด้วยนะครับ”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินหมิงซู่ ในที่สุดเฮ่อหลานก็รู้สึกตัว
“หมิงซู่ คุณรู้จักสุภาพบุรุษคนนี้หรือ? งั้น…คุณไปหาซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยตอนนี้เลยได้ไหม?”
“ได้สิ”
จิงเจ้อหรงบอกให้เหรินอวี่ไปติดต่อคนอื่น ๆ จากนั้นก็หันมามองเฮ่อหลานแล้วถามว่า “ผมขอชื่อและอายุของลูกสาวคุณได้ไหมครับ? แล้วคุณมีรูปถ่ายพวกเธอไหม?”
“ถังซวงกับถังเซวี่ย คนหนึ่งอายุ 18 ปี อีกคนอายุ 16 ปี ฉันไม่มีรูปถ่ายค่ะ…” เฮ่อหลานกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
“ถังซวง…”
จิงเจ้อหรงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน “เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีใบหน้าที่สวยงาม แล้วสูงประมาณนี้หรือเปล่า?” ขณะที่พูด จิงเจ้อหรงยังเปรียบเทียบความสูงของถังซวงไปด้วย
“คุณ…คุณรู้จักซวงเอ๋อร์หรือคะ?”
เฮ่อหลานไม่ได้คาดหวังว่าจิงเจ้อหรงจะรู้จักซวงเอ๋อร์เลย
“ผมเคยเจอเธอที่โรงงานผลิตเครื่องจักรในอำเภอน่ะครับ เธอเป็นเด็กที่ฉลาดมาก”
จิงเจ้อหรงไม่คาดคิดว่าเมื่อได้ยินเกี่ยวกับถังซวงอีกครั้ง จะเป็นเรื่องที่ที่เธอหายตัวไป “ไม่ต้องห่วง เราจะหาพวกเธอให้เร็วที่สุด เราจะพบพวกเธอแน่นอน”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เฮ่อหลานมองไปที่จิงเจ้อหรงอย่างซาบซึ้งใจ ในขณะเดียวกันก็รู้ว่าบุคคลนี้น่าจะเป็นผู้บริหารที่ซวงเอ๋อร์กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ทั้งคู่คงพบกันในโรงงานเครื่องจักร
ด้วยความช่วยเหลือจากจิงเจ้อหรงและหลินหมิงซู่ พวกเขาพบชายวัยกลางคนกำลังขายไอศกรีมในที่สุด
ในเวลานี้โม่เจ๋อหยวนก็ได้ข่าวเช่นกัน เขารีบตรงไปชายที่ขายไอศกรีมแล้วถามว่า “คุณรู้อะไร บอกผมมาเร็ว ๆ ”
“ฉัน…ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเธอไปที่ไหน ก่อนหน้านี้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถามฉันว่ามีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มาซื้อไอศกรีมไหม ฉันบอกเธอว่าไม่ ตอนแรกเธอไม่เชื่อ แต่แล้วเธอก็เชื่อ ฉันให้เธอลองไปหาที่อื่นดู แล้วฉันก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็ตัวซวนเซ น้ำตาไหลอาบใบหน้า
“ป้าหลาน ไม่ต้องกังวลนะครับ”
โม่เจ๋อหยวนปลอบโยนเธอ แต่เขาเองก็กังวลเช่นกัน ถ้าแบบนี้ก็แปลว่าเสี่ยวเซวี่ยหายตัวไปในตอนแรก จากนั้นซวงเอ๋อร์ก็ไปตามหาเธอ แล้วก็หายตัวไปเช่นกัน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขารีบวิ่งไปตามหาทั้งคู่พลางมองหาคนที่มีใบหน้าเข้าเค้าที่จะลักพาตัวพวกเธอ
“เจ๋อหยวน…”
หลินหมิงซู่ตะโกน แต่โม่เจ๋อหยวนไม่หยุดวิ่งเลย
จิงเจ้อหรงขมวดคิ้วกังวลเช่นกัน พวกเขาค้นหาอยู่พักใหญ่ แต่ก็ยังไม่พบใครเลย ดังนั้นต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองแน่
ในอีกด้านหนึ่ง ถังซวง ถังเซวี่ยและคนอื่น ๆ ได้ออกจากเมืองเวิงชานแล้ว พวกเธอกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่อื่น
“พี่สาว พวกเขาจะไปส่งเราที่ไหน พวกเขาจะแยกเราออกจากกันไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของถังเซวี่ย ถังซวงก็ลูบหลังเธอแล้วกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “อย่ากลัวเลย มันจะไม่เกิดขึ้นแน่ ตอนนี้เรากำลังไปทางเหนือ ดูจากสภาพถนน พวกเขากำลังใช้ถนนสายเล็ก ๆ เราจะผ่านตำบลหวนซานกับตำบลหลินหยวน ตามสภาพของรถคันนี้ ถังน้ำมันน่าจะไม่พอไปถึงตำบลหลินหยวนหรอก พวกเขาจะต้องจอดพักบนถนน หรือไม่ก็แวะที่ตำบลหวนซาน เราจะหาโอกาสวิ่งหนีเมื่อถึงเวลา”
“จริงหรือ?”
เมื่อเห็นว่าพี่สาวของเธอวิเคราะห์อย่างชัดเจนและมีเหตุผล ถังเซวี่ยก็ค่อย ๆ สงบใจลง
ถังชุนหยานไม่ได้ยินคำพูดของถังซวงอย่างชัดเจนนัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของสองพี่น้อง เธอก็ค่อย ๆ สงบลงเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนอยู่ด้วยกันแล้ว เธอแค่ต้องติดตามถังซวงและคนอื่น ๆ เมื่อถึงเวลา ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแล้ว
ตามที่ถังซวงคาดไว้ คนเหล่านี้เลือกที่จะจอดพักรถบนถนน
“เจ้านาย รถคงขับไปไม่ได้ไกล พักก่อนแล้วค่อยไปต่อดีไหมครับ?”