การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 567 หอสมุดตระกูลหัว
บทที่ 567 หอสมุดตระกูลหัว
หลังจากหัวเทียนอวี้และคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว หัวเฟยเฟิ่งก็เดินเข้ามาหาถังเซวี่ย แล้วกล่าวออกไปด้วยความรู้สึกผิด “เสี่ยวเซวี่ย เป็นเพราะยายเองที่ทำให้หลานต้องพบเจอเรื่องเลวร้าย ยายไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้หลังจากเรากลับมาเยี่ยมตระกูลหัว”
นับตั้งแต่พวกเขากลับมา ก็มีแต่คนมาสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของลูกสาวอยู่เสมอ และตอนนี้อีกฝ่ายกล้าลงมือกลั่นแกล้งเสี่ยวเซวี่ย แม้หัวอวี้เหวินจะกล่าวขอโทษไปแล้ว แต่เรื่องนี้ต้องไม่จบง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าสามารถรังแกครอบครัวของหัวเฟยเฟิ่งได้ตามใจชอบ
“ไม่ต้องห่วงนะเสี่ยวเซวี่ย เดี๋ยวยายจะช่วยแก้แค้นให้หลานเอง”
ถังเซวี่ยถึงกับหัวเราะออกมา
เธอเองก็ฝึกฝนการต่อสู้กับถังซวง รู้ดีว่าตนไม่สามารถพึ่งพาคนอื่นได้ตลอด เธอจึงกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น “คุณยายคะ หนูจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถ้าหนูทำไม่ได้ หนูจะมาขอความช่วยเหลือจากคุณยายค่ะ”
หัวใจของหัวเฟยเฟิ่งแทบละลายเมื่อได้ยินคำพูดของหลานสาว “จ้ะ งั้นเสี่ยวเซวี่ยจัดการได้เลย”
ส่วนถังซวงเหลือบมองถังเซวี่ยด้วยความประหลาดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ฉายความยินดี ถังเซวี่ยโตขึ้นแล้วจริง ๆ
ถังหลานที่เงียบตลอดมากลับสับสน
เธอทั้งรู้สึกสุขและเศร้ากับการเติบโตของถังเซวี่ย แต่สุดท้ายแล้วก็มีความสุขมากกว่า “เสี่ยวเซวี่ย พวกเราจะคอยสนับสนุนลูกอยู่ตรงนี้ หากมีอะไร ก็บอกพวกเราได้เลยนะจ๊ะ”
“ค่า”
ถังเซวี่ยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
หัวเทียนจางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายกับครอบครัวของหลานสาว “อาหลาน พวกเธอสามคนแม่ลูกถูกทำร้าย ในฐานะผู้นำตระกูลหัว ตาจะจัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน แล้วจะให้คำอธิบายที่ดีให้กับหลานเอง”
เขาเองก็อยากรู้เรื่องราววันนี้สักหน่อย
“เสี่ยวเซวี่ย แล้วเกิดอะไรขึ้นกับจี้หยกของหัวอวี้เหวินหรือ?”
ก่อนถังเซวี่ยจะตอบกลับ หัวเฟยเฟิ่งหันมองพ่อของตนด้วยความไม่พอใจ “พ่อคะ พ่อหมายความว่ายังไง? เสี่ยวเซวี่ยไม่เคยเห็นจี้หยกนั้นด้วยซ้ำ เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าพ่อเองก็สงสัยเสี่ยวเซวี่ยอยู่?”
หัวเทียนจางโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็วก่อนจะตอบกลับว่า “พ่อไม่ได้สงสัยเสี่ยวเซวี่ยเลย พ่อรู้ว่าหัวอวี้เหวินวางแผนทุกอย่างไว้หมด และนั่นเป็นสาเหตุให้เธอมั่นใจจนกล้ามาคุกคามเสี่ยวเซวี่ยถึงที่ เธอน่าจะวางจี้หยกนี้ไว้ในห้องของเสี่ยวเซวี่ยแล้วแน่นอน แต่จี้หยกนี่กลับไปอยู่ในมือของหัวสือหลิน พ่อเลยแปลกใจนิดหน่อยน่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งเองก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน เธอจึงหันกลับมามองถังเซวี่ยโดยไม่รู้ตัว
แม้แต่ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็ด้วยเช่นกัน “เสี่ยวเซวี่ย แล้วเธอแน่ใจได้ยังไงว่าจี้หยกไม่ได้อยู่ในห้องของเธอ?”
ถังเซวี่ยมองทุกคนอย่างสับสน “ฉันไม่รู้จริง ๆ ค่ะ และฉันก็ไม่เคยเห็นจี้หยกของหัวอวี้เหวินมาก่อนด้วย เลยแน่ใจว่ามันไม่ได้อยู่กับฉัน”
หลังได้ยินอย่างนั้น เฟิงเยี่ยหานถึงกับหัวเราะออกมา
สาวน้อยนั้นไม่รู้เลยว่าจิตใจของมนุษย์น่าหวาดกลัวเพียงใด “ใช่ พวกเรากับเสี่ยวเซวี่ยไม่เคยเห็นจี้หยกมาก่อน พวกเราไม่รู้จักมันเลย”
คนอื่นจึงคิดว่าถังเซวี่ยแค่โชคดี วิกฤติต่าง ๆ เลยถูกแก้ไขอย่างง่ายดายโดยไม่มีเหตุผล
ส่วนหัวเทียนจางหันมองถังเซวี่ย และนึกถึงบางอย่าง…
“เสี่ยวเซวี่ย ตระกูลหัวมีหอสมุดด้วย เหลนกับซวงเอ๋อร์อยากไปสักหน่อยไหม?”
หัวเฟยเฟิ่งเหลือบมองหัวเทียนจางด้วยความประหลาดใจ “พ่อคะ หอสมุดนั่น…”
แต่ก่อนที่จะพูดจบ เธอก็ถูกหัวเทียนจางขัดจังหวะเสียก่อน “มีหนังสือมากมายในหอสมุดนั้น มีทุกอย่างเลย เหลนเข้าไปเลือกอ่านได้ตามใจชอบ”
ถังซวงรู้สึกสนใจมาก จึงพยักหน้ารับทันที “ค่ะ หนูจะเข้าไปดู”
หลังจากนั้น เธอก็หันมองโม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “คุณทวดคะ แล้วพวกเขาไปด้วยได้ไหม?”
“พวกเขาไม่ได้”
หัวเทียนจางปฏิเสธทันที
หัวเฟยเฟิ่งกล่าวเสริมขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ หลานไปกับเสี่ยวเซวี่ยได้ ส่วนเจ๋อหยวนกับเสี่ยวเยี่ยจะนั่งรออยู่ด้านหน้าจ้ะ”
ความหมายนั้นชัดเจน โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่นั่น
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ก่อนหน้านี้หัวเฟยเฟิ่งถูกขัดเมื่อกำลังจะพูดบางอย่าง มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้น แล้วยังนี่อีก โม่เจ๋อหยวนกับเฟิงเยี่ยหานก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ดูเหมือนว่าคงจะมีบางอย่างในนั้น ซึ่งมันดึงดูดความสนใจของเธอมาก
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานเองก็ยอมรับอย่างว่าง่าย เดินตามหัวเฟยเฟิ่งและคนอื่น ๆ ไปโดยไม่โต้แย้งอะไร
ส่วนหัวเทียนจางพาถังซวงและถังเซวี่ยไปที่หอสมุด
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย เดี๋ยวทวดจะพาพวกเธอเข้าไปทางประตูด้านข้าง แต่ถ้ามีใครถามให้บอกว่าไม่เคยมาที่นี่นะ”
ถังซวงเลิกคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณทวดคะ คนอื่นที่ไม่ใช่ตระกูลหัวจะไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้หรือคะ”
หัวเทียนจางไม่ปิดบัง
“ใช่ มีแต่ลูกหลานตระกูลหัวเท่านั้นที่จะเข้ามาภายในนี้ได้”
ถังเซวี่ยที่ได้ยินอย่างนั้น หันมองหัวเทียนจางแล้วพูดขึ้นว่า “คุณทวด แล้วอย่างนั้น… การที่พวกเราเข้าไปจะดีหรือคะ”
“ไม่เป็นไร ทวดจะพาพวกเธอเข้าไปรับชมสักหน่อย ต่อให้มีคนมาพบเจอก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก รีบเข้าไปกันเถอะ”
ถังซวงเหลือบมองหัวเทียนจางอย่างสงสัย
เธอรู้ว่าการมาที่หอสมุดหัวได้ในวันนี้อาจเป็นเพราะถังเซวี่ย อย่างไรก็ตามสำหรับคนส่วนใหญ่คงคิดเพียงว่าถังเซวี่ยโชคดี แต่หัวเทียนจางอาจจะคิดมากกว่าคนอื่น ๆ จึงพาพวกเขาทั้งสองคนมาที่นี่เพื่อการบางอย่าง
ถังซวงเองก็สงสัยเหมือนกันว่าความโชคดีของถังเซวี่ยนั้นเกิดจากความบังเอิญหรือเป็นพรสวรรค์กันแน่ และหากว่าเป็นพรสวรรค์ มันคงมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับตระกูลหัว!
ขณะที่ถังซวงกำลังครุ่นคิด หัวเทียนจางก็พาทั้งสองไปในหอสมุด
ถังซวงและถังเซวี่ยมองชั้นหนังสือสูงตระหง่านตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เพราะในนี้มีหนังสือมากมายนับไม่ถ้วน
“โห… ที่นี่มีหนังสือเยอะแยะเลย”
แววตาของถังเซวี่ยเป็นประกาย เธอไม่เคยเห็นหนังสือมากมายเช่นนี้มาก่อนเลย
หากมองจากด้านนอก หอสมุดนี้สูงราว ๆ สามชั้น แต่เมื่อเข้าไปด้านในแล้ว หอสมุดนี้ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุด ความสูงของหนังสือนั้นมากกว่าสิบเมตร อีกทั้งหนังสือด้านในถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ มองด้วยตาเปล่ายิ่งทำให้น่าตื่นตระหนกอย่างช่วยไม่ได้
“คุณทวดคะ แล้วแบบนี้การจะหาหนังสือไม่ยุ่งยากหรือคะ?”
หัวเทียนจางยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “มันก็ไม่ยากหรอก ด้านล่างของชั้นหนังสือจะมีหมวดหมู่ของหนังสือบอกเอาไว้ และสามารถขึ้นไปตรวจสอบด้วยตัวเองได้เลย” ขณะพูด เขาผลักบันไดออกมา ก่อนจะเดินขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่ง “ฉันเองก็ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ค่อนข้างคิดถึงเหมือนกัน”
ถังซวงมองบันไดตรงหน้าด้วยความฉงน “มันก็ดูสะดวกดีนะคะ” แต่ยังไงก็ตามเธอยังรู้สึกว่าชั้นหนังสือเหล่านี้ไม่สามารถหยิบจับได้สะดวก ดูน่ากลัวว่าจะถล่มลงมาเสียมากกว่า
แต่ตอนนี้เธอมาถึงที่นี่แล้ว และเธอเองก็อยากรู้ว่าตระกูลหัวมีหนังสือแบบไหนบ้าง จึงดึงหนังสือที่อยู่ใกล้มือออกมาแล้วพลิกดูสองสามหน้า และสุดท้ายเธอก็ไม่สามารถหยุดมือได้ เพราะมันคือหนังสือตำราแพทย์มีโรคที่รักษาได้ยากและซับซ้อนมากมายถูกบันทึกเอาไว้ บางอย่างถังซวงรู้จัก แต่ก็มีหลายอย่างที่ไม่รู้จัก
เมื่อเห็นว่าถังซวงเริ่มจดจ่อกับหนังสือ หัวเทียนจางยกยิ้ม “ตระกูลหัวของเราก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก มีแต่หนังสือเหล่านี้ เรารวบรวมหนังสือของตระกูลถังทั้งหมดเอาไว้ หอสมุดของตระกูลหัวเคยมีชื่อเสียงมาก และหลังจากที่ลูกหลานในตระกูลหัวอายุครบห้าขวบ พวกเขาจะสามารถเข้ามาที่นี่เพื่ออ่านหนังสือ แต่น่าเสียดายที่…”
ใบหน้าของหัวเทียนจางเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ลูกหลานหลายคนไม่ชื่นชอบที่จะอ่านหนังสืออีกต่อไปแล้ว”
ถังซวงตอบกลับโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ “คุณทวดคะ จะเหมารวมแบบนั้นไม่ได้นะคะ เพราะอย่างน้อยหนูก็เป็นหนอนหนังสือตัวยงเลย”
หัวเทียนจางถึงกับหัวเราะออกมา
และเวลานี้ถังเซวี่ยเอ่ยปากขึ้นกะทันหัน
“เอ๊ะ… ชั้นหนังสือนี้ดูเหมือนจะมีอะไรแปลก ๆ ด้วยค่ะ”