การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 626-2 งานมงคลซ้ำซ้อน (2)
บทที่ 626 งานมงคลซ้ำซ้อน (2)
โม่เจ๋อหยวนไม่คิดว่าจิงเจ้อหรงจะถามตนด้วยคำถามนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะปกปิดจิงเจ้อหรง จึงกล่าวทันที “ผมเคยคิดไว้แล้วครับ หลังจากนี้ผมจะทำงานที่อี้สั่วครับ”
จิงเจ้อหรงไม่คาดคิดว่าโม่เจ๋อหยวนจะตอบแบบนี้
“อี้สั่ว? แต่สิ่งที่อี้สั่วกำลังวิจัยพัฒนาอยู่ดูจะไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เธอชำนาญในตอนนี้เลยนะ เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดผิด เธอจะเข้าทำงานที่อี้สั่วอย่างนั้นหรือ?”
ที่ผ่านมาอี้สั่ววิจัยพัฒนาโครงการลับ แม้กระทั่งวิจัยพัฒนานิวเคลียร์ ซึ่งค่อนข้างต่างจากงานเครื่องกลที่โม่เจ๋อหยวนชำนาญ
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้า และกล่าวอย่างแน่วแน่ “ครับ ผมคิดมาดีแล้ว ความจริงเทอมหน้าผมกำลังจะเปลี่ยนวิชาเอก มันเป็นแบบนั้นหลังจากผมได้ปรึกษากับอาจารย์ผู้สอนครับ”
เมื่อจิงเจ้อหรงได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าว “ในเมื่อเธอได้ปรึกษากับอาจารย์เรียบร้อยแล้ว เธอก็คงจะต้องมีเหตุผลของตัวเอง เพราะฉะนั้นในอนาคตถ้าเธอจะไปทำงานที่อี้สั่วก็ดีอยู่เหมือนกัน”
โม่เจ๋อหยวนกลับรู้สึกสงสัยว่าจิงเจ้อหรงทำไมถึงถามแบบนี้
“ลุงจิง ทำไมจู่ ๆ ถึงถามแบบนี้ล่ะครับ?”
จิงเจ้อหรงเล่าข่าวที่เขาได้ยินมาให้ฟัง “ความสำเร็จในการพัฒนาตู้เย็นครัวเรือนครั้งนี้ ทำให้มีคนรู้จักเธอเพิ่มมากขึ้น ทุกคนต่างก็คิดว่าเธอจะเข้าร่วมและเป็นเสาหลักของโรงงานจักรกล และความสัมพันธ์ในโรงงานจักรกลในตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน ฉันเลยอยากจะเตือนเธอ แต่ไม่คิดว่าเธอจะวางแผนไปทำงานกับอี้สั่ว แบบนี้ก็ไม่เป็นไรแล้วละ”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณลุงจิงที่เป็นห่วงครับ”
จิงเจ้อหรงมองโม่เจ๋อหยวนด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ และกล่าวว่า “เอาละ ๆ เธอรีบกลับไปเถอะ ถ้าฉันไม่เห็นแก่หน้าของซวงเอ๋อร์ ก็คงไม่เอาเวลามายุ่งกับเรื่องของเธอขนาดนี้หรอก”
โม่เจ๋อหยวนลุกขึ้นพลางยิ้ม และกล่าวว่า “ลุงจิง งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
โม่เจ๋อหยวนไม่ได้ออกไปทันที แต่ไปบอกลาถังซวงก่อน “ซวงเอ๋อร์ ฉันกลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะแวะมาหาเธอ แล้ววันมะรืนเราก็ไปมหาลัยด้วยกัน”
“ได้ค่า”
ถังซวงยิ้มพลางพยักหน้า
โม่เจ๋อหยวนอยากจะพูดอะไรกับถังซวงอีกสักหน่อย แต่เมื่อคิดได้ว่าพวกเธอเพิ่งกลับมาก็กำชับถังซวงให้รีบไปพักผ่อนไว ๆ “ซวงเอ๋อร์ เธอรีบเข้านอนล่ะ”
“อื้อ”
หลังจากที่โม่เจ๋อหยวนจากไปแล้ว ถังซวงก็กลับเข้าบ้านไปนอนทันที
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นโม่เจ๋อหยวนก็มาหาถังซวง เดิมทีทั้งสองคนตั้งใจจะออกไปข้างนอก แต่สุดท้ายไม่คาดคิดว่าเฟิงเยี่ยหานจะมาซะก่อน
โม่เจ๋อหยวนเห็นเฟิงเยี่ยหานก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอก “พี่บอกเองว่าอีกสองวันไม่ใช่หรือ แล้วทำไมมาวันนี้ล่ะ”
เฟิงเยี่ยหานกล่าวทันที “ฉันจัดการธุระเสร็จไวน่ะ ก็เลยมา” ขณะที่พูดก็รีบหันไปเอ่ยถามกับถังซวง “เสี่ยวเซวี่ยอยู่ที่บ้านไหม? แล้วคุณพ่อคุณอยู่ไหม?”
ถังซวงเห็นท่าทีเร่งรีบของเฟิงเยี่ยหานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“อยู่ทั้งสองคนนั่นแหละค่ะ พวกคุณเข้ามาก่อนเถอะ” ในขณะที่พูดก็มองไปที่กลุ่มคนด้านหลังเฟิงเยี่ยหาน ทุกคนแบกอะไรบางอย่างไว้บนบ่า และแถวก็ยาวเหยียดไปจนสุดถนน
เมื่อเฟิงเยี่ยหานได้ยินถังซวงกล่าว ก็รีบเอ่ยขอบคุณเธอ และเตรียมจะเข้าไปด้านใน
ถังซวงเองก็ให้คนรีบไปบอกจิงเจ้อหรงและถังหลานเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่จิงเจ้อหรงและถังหลานเข้ามา การมาถึงของเฟิงเยี่ยหานทำให้ทั้งสองคนตกใจ และเป็นถังหลานที่เอ่ยปากออกมาก่อน “เสี่ยวเยี่ย เธอเข้ามาก่อนเถอะ”
“ครับ ขอบคุณครับป้าหลาน”
หลังจากเฟิงเยี่ยหานที่เข้ามาแล้ว เขาก็ให้คนนำของที่อยู่ข้างหลังเข้ามา
ของเหล่านั้นวางแน่นเต็มลานบ้านไปหมด
ขณะนี้เอง ผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงเองก็เข้ามา ทั้งสองรู้ดีว่าเฟิงเยี่ยหานจะมาที่บ้านเพื่อมาสู่ขอ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ คุณนายจิงยิ้มกว้างเมื่อเห็นถึงความจริงใจของเฟิงเยี่ยหาน
แต่เมื่อเฟิงเยี่ยหานมองไปรอบ ๆ ไม่พบถังเซวี่ยก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เดินตามพวกคุณนายจิงเข้าไปโดยไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่คนเข้ามาถึงภายในห้องโถงแล้ว เฟิงเยี่ยหานก็แสดงจุดประสงค์ของตนเองทันที
จิงเจ้อหรงได้ยินที่ภรรยาบอกมานานแล้วว่า เสี่ยวเซวี่ยเต็มใจมาก ด้วยเหตุผลนี้ แม้เขาจะรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงไป
และมือที่กำแน่นของเฟิงเยี่ยหานก็ค่อย ๆ คลายออก แม้ว่าตัวเขาเองจะรู้ดีว่าเรื่องนี้จะสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่เขาก็ยังรู้สึกประหม่า จนมาถึงตอนนี้ที่คุณพ่อคุณแม่ของเสี่ยวเซวี่ยยินยอมแล้ว เขาถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาจริง ๆ “ขอบคุณครับ ผมจะดูแลเสี่ยวเซวี่ยให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้เธอเสียใจเด็ดขาดครับ”
จิงเจ้อหรงได้ยินก็เหลือบมองเฟิงเยี่ยหาน และกล่าวว่า “ถ้าฉันรู้ว่าเธอทำอะไรให้เสี่ยวเซวี่ยเสียใจละก็ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
“ครับ”
เฟิงเยี่ยหานรับปากอย่างหนักแน่น หากเขาทำให้เสี่ยวเซวี่ยเสียใจขึ้นมาจริง ๆ เขาก็จะไม่ให้อภัยตัวเองเหมือนกัน
ขณะนี้เอง ถังหลานอดไม่ได้ที่จะหันไปมองด้านหลังและกล่าวว่า “เอาละ เสี่ยวเซวี่ย ลูกรีบออกมาได้แล้ว ยังจะไปหลบอยู่ตรงด้านหลังนั่นอีก”
ถังเซวี่ยเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับเฟิงเยี่ยหานด้วยดวงตาเป็นประกายแวววับ “เฟิงเยี่ยหาน เดือนหน้าก็จะถึงวันเกิดฉันแล้ว พวกเราก็จะได้หมั้นกันแล้วนะ คุณดีใจไหม”
“ดีใจสิ”
เฟิงเยี่ยหานดีใจเป็นอย่างมาก เขาแทบจะรอให้ถึงวันเกิดของเสี่ยวเซวี่ยไม่ไหว
แต่เมื่อถังหลานได้ยินลูกสาวคนรองกล่าว เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตามองลูกสาว และกล่าวว่า “เสี่ยวเซวี่ย ถามตรง ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนกันล่ะ”
“แม่คะ ก็หนูเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานไม่ยิ้มเลย เลยลองถามเขาดูน่ะค่ะ” ถึงอย่างนั้นถังเซวี่ยเองก็รู้ดีว่าเฟิงเยี่ยหานมักจะไม่แสดงความรู้สึกอะไรอยู่แล้ว เมื่อครู่เธอก็แค่หยอกล้อเขาเท่านั้นเอง
ส่วนคุณนายจิงเห็นว่าพูดคุยทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วก็รีบกวักมือเรียกเฟิงเยี่ยหานและกล่าวว่า “เสี่ยวเยี่ย มาหาย่าทางนี้หน่อยเร็ว ย่าให้ในครัวทำอาหารที่เธอชอบไว้ให้”
เฟิงเยี่ยหานเดินเข้ามาหาคุณนายจิง แล้วเรียกคุณย่าอย่างเชื่อฟัง “ขอบคุณครับ คุณย่า” จากนั้นก็หันไปเรียกผู้เฒ่าจิงว่าคุณปู่
ผู้เฒ่าจิงยิ้มพลางพยักหน้า
จิงเจ้อหรงได้ยินเฟิงเยี่ยหานเรียก ก็หันไปมองเขาอีกครั้ง ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะปากหวานเป็นกับเขาด้วย
เมื่อถึงเวลาทานอาหาร บ้านจิงไค่หรงและจิงซิวหรงเองก็มาด้วย หลังจากที่เมิ่งผิงรู้ว่าเฟิงเยี่ยหานและถังเซวี่ยได้กำหนดวันหมั้นกันเรียบร้อยแล้ว ก็รีบหันไปพูดกับคุณนายจิงว่า “แม่คะ ฉันก็มีเรื่องจะบอกแม่เหมือนกันค่ะ เสี่ยวรุ่ยและเหวินรุ่ยได้กำหนดวันแต่งงานกันแล้ว เป็นวันหลังจากงานหมั้นของเสี่ยวเซวี่ย นี่บ้านเราจะจัดงานมงคลพร้อม ๆ กันเลยนะคะ”
เมื่อคุณนายจิงได้ยินก็รีบเอ่ยถาม “กำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยแล้วงั้นหรือ แล้วเจาะจงเป็นตอนไหนล่ะ?”
“ตามปฏิทินจันทรคติเป็นวันที่ 15 เดือน 8 ตรงกับเทศกาลไหว้พระจันทร์พอดีค่ะ”
“ดีเลย ๆ ดีมากจริง ๆ”
คุณนายจิงดีใจมาก เช่นเดียวกันกับจิงเหวินรุ่ย เพียงคิดว่าตนจะได้แต่งงานกับจูรุ่ยในเร็ววัน เขาก็ตั้งตารอคอยให้วันนั้นมาถึงไว ๆ
ทุกคนต่างพากันยิ้มด้วยความยินดี และมีความสุขกับอาหารมื้อนี้อย่างมาก
หลังจากทานอาหารเสร็จ เฟิงเยี่ยหานก็หาโอกาสอยู่กันสองต่อสองกับถังเซวี่ยเพื่อพูดคุยกับเธอ “เสี่ยวเซวี่ยหลังจากหมั้นกันแล้ว ผมจะมาอยู่ที่ปักกิ่งแล้วนะ”