ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 141 ซื้อต่อกิจการ!
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “นี่เป็นการซื้อต่อกิจการครั้งแรกของผม มีเรื่องอะไรที่ผมต้องระวังไหมครับ”
เลขาซินเปิดสมุดโน้ตดู “มีความเสี่ยงอีกหลายเรื่องค่ะ อย่างเช่น บริษัทแบบนี้มักจะมีปัญหาเรื่องทุนจดทะเบียน เราต้องตรวจดูก่อนว่ามีการแบ่งทุนโดยทุจริตหรือการถอนทุนออกมาหรือเปล่า
”นอกจากนั้นเราต้องตรวจสอบสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท รวมถึงการถือหุ้นของเจ้าของกิจการ และอื่นๆ เพื่อคิดค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และการด้อยค่าของทรัพย์สิน…
“แต่บริษัทนี้เป็นบริษัทเอกชนขนาดเล็ก เจ้าของกิจการคือตู้รุ่ยเจี๋ย เขากับหุ้นส่วนอีกคนถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทไว้ แต่จริงๆ ตู้รุ่ยเจี๋ยเป็นคนดูแลการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัทค่ะ
“ดิฉันคิดว่าตอนนี้เขาน่าจะอยากขายกิจการใจจะขาด เพราะบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินลดลงและขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาทุกเดือน ถ้ารออีกสักหน่อย เราน่าจะกดราคาลงได้อีก น่าจะซื้อต่อได้ในราคาไม่กี่แสน
“ถ้าอดทนสักหน่อย น่าจะซื้อได้ในราคาถูกๆ ค่ะ”
เผยเชียนอึ้งไปครู่หนึ่ง “ทำไมถูกจัง”
เขาผิดหวังเล็กน้อย
เผยเชียนคิดไว้ว่าอีกฝ่ายน่าจะขายสักล้านสองล้าน แต่แค่ไม่กี่แสนก็ซื้อได้แล้วเหรอ
เลขาซินพยักหน้า “ใช่ค่ะ บอสเผย บริษัทตั้งต้นด้วยเงินทุนจากตู้รุ่ยเจี๋ยกับหุ้นส่วนอีกคน งบลงทุนตอนแรกแค่หนึ่งล้านหยวน แต่เพราะโชคช่วยเลยทำเงินได้จากเกมที่สร้าง บริษัทเลยเติบโตขึ้นจนมาอยู่จุดนี้
“ตู้รุ่ยเจี๋ยได้เงินจากตรงนั้นมาเยอะเลยค่ะ ถ้าขายปัญหาในมือตอนนี้ไปได้ก็จะได้เงินอีกหลายแสน เขาอยากได้เงินใจจะขาด ไม่มีทางกล้าขึ้นราคาหรอกค่ะ
“ถ้าไม่มีใครซื้อกิจการ เขาก็อาจจะปล่อยทรัพย์สินบริษัทออกไปถูกๆ ได้ยินมาว่าตู้รุ่ยเจี๋ยวางแผนจะยกคอมพิวเตอร์ที่พนักงานใช้งานให้พนักงานไป แล้วไปหักจากเงินเดือนพวกเขาทีหลัง”
เผยเชียน “…”
หัวดีฉิบหาย!
นอกจากจะไม่ต้องขายคอมพิวเตอร์สำนักงานเป็นของมือสองแล้ว ยังแก้ปัญหาเรื่องจ่ายเงินเดือนให้พนักงานล่าช้าได้อีก บอสตู้นี่อัจฉริยะจริงๆ!
เผยเชียนไม่คิดจะเพิ่มราคาซื้อ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการไปยัดเยียดเพิ่มราคาให้ดูไม่ใช่เรื่องปกติ ถ้าไปขอซื้อต่อในราคาหลักล้าน ทั้งๆ ที่ซื้อได้ในราคาหลักแสนจะดูชัดเจนเกินไป คนอื่นจะสงสัยเอาได้
อีกส่วนหนึ่งก็เพราะต้องเอาเงินไปลงทุนเปิดสาขาร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเพิ่ม เลยไม่มีทุนเหลือในมือให้ใช้จ่ายมากนัก
ซื้อตามราคามาตรฐานก็ไม่เป็นไร
เลขาซินอธิบายเรื่องสำคัญอื่นๆ ที่เขาต้องจัดการ เช่น ตรวจการเปลี่ยนมือหุ้นส่วนของบริษัท งบดุล รวบรวมสัญญาจ้างพนักงาน ข้อมูลเงินเดือน ประกันชีวิต และเอกสารจดทะเบียนต่างๆ…
เผยเชียนไม่ได้กังวลเรื่องพวกนี้เลย
เขารับผิดชอบแค่เรื่องเงิน เรื่องอื่นๆ ต้องให้มืออาชีพมาจัดการอยู่แล้ว
เลขาซินปิดสมุดโน้ต “ทั้งหมดที่บอสควรทราบน่าจะมีเท่านี้ค่ะ บอสเผยอยากจะเข้าไปตรวจประเมินแบบปิดบังตัวตนไหมคะ”
เผยเชียนตะลึงงันไป “ตรวจอะไรเหรอ”
“ถ้าบอสตกลงซื้อกิจการ บอสตู้น่าจะเตรียมการจัดแจงนั่นนี่ตอนที่บอสไปตรวจประเมินบริษัท ทำให้ไม่เห็นสภาพตามจริงของฉางหยางเกมส์” เลขาซินอธิบายต่อ “บอสสามารถปิดบังตัวตนไว้แล้วไปเดินสำรวจบรรยากาศการทำงานและสภาพการทำงานของพนักงานได้ค่ะ จะช่วยให้กดราคาลงไปได้อีกตอนเจรจากัน”
เผยเชียนเข้าใจที่เลขาซินต้องการจะสื่อ มันก็เหมือนกับคนใหญ่คนโตลงมาตรวจงานแบบไม่บอกล่วงหน้า
ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าจะมีการตรวจประเมิน พวกเขาก็จะพยายามสร้างภาพไม่ให้คนที่มาตรวจรู้ได้ว่าสภาพจริงๆ เป็นยังไง
เผยเชียนส่ายหัว “ไม่จำเป็น สร้างภาพตบตาไปก็ไม่ได้สำคัญอะไร บางเรื่องมันซ่อนกันไม่ได้อยู่แล้ว”
บอสเผยดูมั่นใจมาก เหมือนว่าได้กุมบริษัทนี้ไว้ในมือแล้ว
เลขาซินไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ “เดี๋ยวดิฉันติดต่อให้ทางนู้นจัดการให้เราคุยกับบอสตู้นะคะ”
เผยเชียนพยักหน้า “ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี!”
…
เช้าวันต่อมา
เผยเชียนไปถึงฉางหยางเกมส์
ทันทีที่เขาเปิดประตูรถคาเยนน์ก็มีชายสวมแว่นวัยยี่สิบปลายๆ เข้ามาต้อนรับ
“บอสเผยใช่ไหมครับ สวัสดีครับ! ผมหวังเสี่ยวปิน หัวหน้าฝ่ายวางแผนของฉางหยางเกมส์ บอสตู้รออยู่ข้างบนแล้วครับ”
หวังเสี่ยวปินต้อนรับขับสู้สุดๆ
เผยเชียนงงเล็กน้อย “หัวหน้าฝ่ายวางแผนที่นี่ไม่ใช่หัวหน้าหลิวเหรอครับ”
ถึงจะไม่ได้รู้เรื่องฉางหยางเกมส์มากนัก แต่เขาก็มั่นใจมากว่าหัวหน้าฝ่ายวางแผนคือหัวหน้าหลิวที่เคยเจอหน้า
เผยเชียนเคยเจอหัวหน้าหลิวตอนมาสัมภาษณ์ที่เถิงต๋าและได้ยินเรื่องเพิ่มจากหวงซื่อปั๋วกับหม่าอี้ฉวิน
เขารู้สึกเสียดายทุกครั้งที่ได้ฟังสิ่งที่หัวหน้าหลิวทำ
เผลอปล่อยอัจฉริยะหลุดมือไปตอนสัมภาษณ์ครั้งแรกซะแล้ว!
ถ้าจ้างหัวหน้าหลิว ป่านนี้เขาคงทำเกมเจ๊งไปหลายเกมแล้ว ไม่ต้องมาลำบากหาทางผลาญเงินแบบนี้หรอก
โชคดีที่ยังไหวตัวทัน ไม่ถลำลึกไปมากกว่านี้
เผยเชียนอยากได้พนักงานฉางหยางเกมส์ทั้งทีม ยิ่งหัวหน้าหลิวที่เป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนยิ่งเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีม
แต่ทำไมหัวหน้าหลิวไม่ได้มาต้อนรับ แต่ส่งใครก็ไม่รู้มาแทน
หวังเสี่ยวปินกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย “ผมไม่คิดว่าบอสเผยจะรู้เรื่องบริษัทเราเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง เชิญเข้ามาก่อนครับ”
เผยเชียนเดินตามหวังเสี่ยวปินเข้าไปในตึกสำนักงานด้วยความสงสัย จากนั้นก็ตรงขึ้นไปชั้นสองของบริษัท
พวกเขาเดินผ่านโซนทำงานเป็นอันดับแรก
เผยเชียนรู้สึกอึดอัดที่เห็นโต๊ะเรียงติดกันเป็นแถว
เขาเคยชินกับการจัดวางโต๊ะทำงานที่บริษัทเถิงต๋า พอมาเห็นบรรยากาศการทำงานอันเบียดเสียดเยียดยัดแบบนี้เลยรู้สึกอึดอัด
บรรยากาศการทำงานในภาพรวมถือว่าดูดีพอสมควร พื้นสะอาดสะอ้าน โต๊ะเป็นระเบียบเรียบร้อย พนักงานทุกคนกำลังรัวแป้นพิมพ์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ บางส่วนกำลังง่วนอยู่กับโปรแกรมพัฒนาเกม ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอย่างจริงจัง
เผยเชียนรู้ดีว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่การสร้างภาพชั่วคราวเพราะมีคนมาตรวจดู
ถ้าดูให้ดีๆ จะเห็นว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงานอยู่ แต่กำลังแสร้งว่ากำลังทำงาน
หลายคนเปิดหน้าจอเอกสารค้างไว้ แต่ผ่านไปเกือบครึ่งวันแล้วยังพิมพ์ไปได้แค่ไม่กี่คำ ไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่
เผยเชียนไม่ได้ไปจับผิดอะไร เลขาซินกับเขาเดินตามหวังเสี่ยวปินผ่านโซนทำงาน มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของตู้รุ่ยเจี๋ย บอสของฉางหยางเกมส์
ตู้รุ่ยเจี๋ยรออยู่ตรงประตูห้องทำงาน
บอสตู้น่าจะอายุอยู่ในช่วงสามสิบ ผมบนหัวบาง แต่พุงไม่ได้โต ดูฉลาดและมีภาพลักษณ์ของนักธุรกิจวัยกลางคนผู้ประสบความสำเร็จ
“บอสเผย!
“เชิญเลยครับ ผมได้ยินมาว่าบอสเผยอายุยังน้อย ดูท่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริงนะครับเนี่ย”
ตู้รุ่ยเจี๋ยเดินออกมารับเผยเชียนกับเลขาซินพร้อมเชิญเข้าไปในห้องทำงาน ส่วนหวังเสี่ยวปินรีบแจ้นไปเตรียมชา
ปกติแล้วการชงชาเป็นหน้าที่ของเลขาไม่ก็ฝ่ายจัดการ แต่ฉางหยางเกมส์ไม่มีพนักงานฝ่ายจัดการทั่วไป พนักงานคนอื่นๆ จึงต้องมาทำหน้าที่นี้แทน
จริงๆ แล้วนี่เป็นสภาพปกติของบริษัทเกมเล็กๆ บางแห่ง เพราะไม่มีเงินจ้างพนักงานฝ่ายจัดการ ถ้าบริษัทเติบโตไปได้ไม่มากนัก บริษัทเกมส่วนใหญ่จะเลือกตัดค่าใช้จ่ายหลายๆ อย่างออกไป
คนปกติไม่มีทางจ้างแฝดสาวสวยมาเป็นพนักงานต้อนรับก่อนจะสร้างเกมเสร็จเหมือนที่เผยเชียนทำแน่
ไม่นานหวังเสี่ยวปินก็ยกชามาเสิร์ฟ
เผยเชียนปรายตามองแล้วคิดว่าน่าจะไม่ใช่ของคุณภาพดี เขายกชาขึ้นจิบก่อนจะวางถ้วยลง
“นั่งก่อนสิเสี่ยวปิน เดี๋ยวคุณช่วยตอบคำถามบอสเผยเรื่องเกมของเราด้วย” ตู้รุ่ยเจี๋ยชี้นิ้วบอกให้หวังเสี่ยวปินนั่งลงข้างๆ
ชัดเจนมากว่าบอสตู้รับผิดชอบแค่เรื่องเก็บเงิน ไม่ได้รู้เรื่องเกมของตัวเองเท่าไหร่
ตู้รุ่ยเจี๋ยได้ยินมาว่านอกจากบอสเผยจะเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว ยังเป็นนักออกแบบเกมผู้มากความสามารถด้วย เขากลัวว่าบอสเผยจะถามเรื่องเกี่ยวกับเกมที่เขาไม่รู้ จึงให้หวังเสี่ยวปินอยู่คอยช่วย
หวังเสี่ยวปินอดรู้สึกกังวลใจขึ้นมาไม่ได้ เมื่อนึกได้ว่าความหวังสุดท้ายของบริษัทอยู่ในมือของเขาแล้ว
………..