ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 202 เขียนพล็อตเกมกลับใจคือฟากฝั่งไปด้วยกัน!
- Home
- ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี
- บทที่ 202 เขียนพล็อตเกมกลับใจคือฟากฝั่งไปด้วยกัน!
เนื้อเรื่องเกมกลับใจคือฟากฝั่งควรจะเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งของยุคจีนโบราณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เคยสงบสุขถูกทำลายลงหลังจากผู้คนสูญเสียจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นผีเร่ร่อน
คนเหล่านี้ค่อยๆ สูญเสียความทรงจำและสติสัมปชัญญะ พวกเขาเดินเร่ร่อนคอยโจมตีวิญญาณสมบูรณ์ของมนุษย์ขณะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ห่างไกลสักแห่ง
กลุ่มผู้โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่เรียกเส้นทางสู่สถานที่ห่างไกลนี้ว่า ‘เส้นทางสู่ยมโลก’
ตามคำบอกเล่าของผู้อาวุโสของหมู่บ้าน เหล่าคนตายจะถูกยมทูตขาวดำพาตัวไปยมโลกเพื่อให้พญายมตัดสินโทษว่าจะให้กลับมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์อีกครั้ง เข้าสู่สังสารวัฏทั้งหก หรือลงนรกสิบแปดขุม
แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ยมทูตขาวดำก็เลิกมารับตัวคนตาย ไม่ว่าจะตายตามธรรมชาติหรือโดนฆ่าตาย ทุกคนต่างติดอยู่บนเส้นทางสู่ยมโลก ไม่สามารถลงไปยมโลกได้
ผีเร่ร่อนเหล่านี้สัมผัสถึงเสียงเพรียกสู่ยมโลกได้ตามสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่มีตนไหนหาเส้นทางไปสู่ยมโลกที่ถูกต้องได้เสียที พอเวลาผ่านไปเหล่าผีเร่ร่อนก็เริ่มเหี้ยมโหดมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้โลกมนุษย์จึงค่อยๆ กลายเป็นนรก
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นมนุษย์ธรรมดาที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย ดวงวิญญาณของตัวเองเริ่มไม่สมบูรณ์แล้ว แต่เขากลับได้ยินเสียงเพรียกลึกลับบางเบาที่ไม่อาจต้านทานได้จากอะไรสักแห่งในสถานที่ห่างไกล
เพื่อกันไม่ให้ตัวเองกลายเป็นผีเร่ร่อน ตัวเอกจึงออกเดินทางเพื่อตามหาความจริง เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางสู่ยมโลกและเข้าไปในยมโลกด้วยร่างกายมนุษย์
การดำเนินเรื่องแบ่งได้เป็นช่วงๆ ดังนี้
เริ่มต้นที่หมู่บ้านมนุษย์เล็กๆ แห่งหนึ่ง
เมืองที่เต็มไปด้วยผีเร่ร่อน
ประตูสู่ยมโลกที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สุดอันตราย
เส้นทางสู่ยมโลกที่เต็มไปด้วยผีเร่ร่อนแสนชั่วร้าย
แม่น้ำสามสายเชื่อมยมโลกที่มีดอกปี่อั้นสีแดงบานอยู่ทั่ว
สายธารลืมชาติและสะพานลืมภพที่อยู่ปลายเส้นทางสู่ยมโลก
หอทอดอดีตและหินสามชาติข้างสะพานลืมภพ
ตำหนักพญายมอันยิ่งใหญ่
สังสารวัฏทั้งหกที่แสนสับสนอลหม่าน
และส่วนลึกสุดของยมโลก…
นอกจากนั้นบอสในเกมจะใช้ตัวละครในตำนานของจีน มีทั้งยายเมิ่งโผที่สะพานลืมภพ สี่ผู้พิพากษาแห่งยมโลก ลู่จือเต้า ผู้พิพากษาแห่งการไต่สวน จงขุย ผู้พิพากษาลงทัณฑ์ความชั่ว เหว่ยเจิง ผู้พิพากษาตอบคุณความดี ชุยเจวี๋ย ผู้พิพากษาตัดสินกฎ (แต่ละตัวละครมีตีมสีประจำตัวเป็นม่วง เขียว ฟ้า และส้มตามลำดับ) และอ๋องแห่งนรกทั้งสิบขุม
บอสเผยระบุมาว่าทุกครั้งที่ผู้เล่นตาย มอนสเตอร์ทุกตัวจะถูกรีเซ็ตใหม่ โดยจะมีพระพุทธรูปตั้งอยู่เป็นจุดๆ เพื่อนำทางผู้เล่น
ระหว่างการเดินทาง ผู้เล่นจะได้พบวัดสภาพทรุดโทรม พระพุทธรูป วัดเทพแห่งพื้นดิน รวมถึงรูปปั้นเทพแห่งพื้นดิน
พระพุทธเจ้าจะไม่มาปรากฏตัวในเกม แต่จะใส่พระพุทธรูปสภาพชำรุดเข้ามาแทน เพื่อบอกเป็นนัยว่านี่คือยุคแห่งการเสื่อมโทรมของพุทธศาสนา
พระพุทธรูปจะเป็นจุดเซฟให้ผู้เล่นสามารถฟื้นฟูค่าสถานะและรีเซ็ตมอนสเตอร์รอบๆ ส่วนรูปปั้นเทพแห่งพื้นดินจะใช้สะสมวิญญาณผีเร่ร่อนเพื่อพัฒนาความสามารถของตัวละคร
เนื้อหาเกมไม่ได้มีอะไรมากนักด้วยงบที่จำกัด ตัวเกมน่าจะมีความยาวประมาณสิบสองถึงสิบสามชั่วโมง ถ้าผู้เล่นคุ้นเคยกับระบบการต่อสู้และสามารถเล่นผ่านไปได้เรื่อยๆ
แต่ถ้าเป็นผู้เล่นใหม่ก็อาจต้องใช้เวลานานกว่านั้นถึงจะเล่นจบได้ อาจต้องเล่นอยู่หลายสิบชั่วโมงหรือชั่วกาลนาน
เกมไม่ได้ดำเนินเป็นเส้นตรง บางช่วงผู้เล่นต้องเดินกลับกลางทางเพื่อไปสู่จุดต่อไป
ตัวอย่างเช่น ตอนเริ่มเกมผู้เล่นต้องเดินทางไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยผีเร่ร่อน หลังจากจัดการเหล่าภูตผีที่นั่นแล้ว ผู้เล่นก็จะได้เสริมพลังขั้นแรก หลังจากนั้นก็ต้องตามเก็บไอเทมพิเศษต่างๆ เพื่อใช้ในการกำจัดผี (เช่น ลูกประคำ เครื่องราง และอื่นๆ) จากนั้นก็ต้องเดินทางกลับไปที่หมู่บ้านแรกเพื่อสังหารชายชราใกล้สิ้นลม แล้วเดินตามวิญญาณของเขาไปยังเส้นทางสู่ยมโลก
ถ้าผู้เล่นไม่ไปที่เมืองก่อน แต่รีบสังหารชายชราแล้วตามดวงวิญญาณไปยังเส้นทางสู่ยมโลก การเดินทางของผู้เล่นก็จะเป็นไปอย่างยากลำบาก
เมื่อไปถึงตำหนักพญายม ผู้เล่นจะได้พบตัวเลือกหลายรูปแบบ
ผู้เล่นสามารถเลือกสำรวจตำหนักพญายม สังหารเหล่าผู้พิพากษาและพญายม จากนั้นก็กลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่แท้จริงเองได้
หรือเลือกเข้าสู่สังสารวัฏทั้งหกอันแสนวุ่นวายแล้วกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ในโลกใหม่
ไม่ก็เลือกท่องลงไปที่ชั้นลึกสุดของยมโลกแล้วสังหารผู้ปกครองสุดบ้าคลั่ง ถ้าเลือกทำแบบนี้ พวกเขาจะสามารถสังเวยตัวเองเพื่อสะกดเหล่าวิญญาณอันทุกข์ระทมได้
มีฉากจบสามถึงห้าแบบ แตกต่างไปตามตัวเลือกที่ผู้เล่นเลือกระหว่างเล่นเกม
คำใบ้ชี้ทางให้ผู้เล่นเลือกตัวเลือกแต่ละอย่างจะซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องของเกม
ผู้เล่นสามารถคุยกับ NPC ในเกมได้ สามารถฆ่าบอสหรือผีเร่ร่อนเพื่อเข้าถึงความทรงจำของวิญญาณเหล่านั้น จากนั้นก็จะได้ฟังเรื่องราวเศษเสี้ยวความทรงจำของวิญญาณ
คำใบ้บางส่วนหาได้จากไอเทมหรือฉากสำคัญๆ เช่น หินสามชาติ
ฉากอย่างหินสามชาติสามารถเอากลับมาใช้ซ้ำได้ โดยตัวเลือกต่างๆ ที่ผู้เล่นเลือกจะส่งผลให้คำใบ้ที่ได้จากหินสามชาติปรากฏออกมาต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อเหตุการณ์หลักต่างๆ ในเนื้อเรื่อง
แน่นอนว่าถ้าผู้เล่นเลือกเส้นทางที่ต่างกัน ระหว่างทางก็จะได้เจอมอนสเตอร์ที่ต่างกันด้วย การนำฉากมาใช้ซ้ำๆ ถือเป็นการใช้เงินได้อย่างคุ้มค่า
คำใบ้เหล่านี้คือเครื่องมือหลักที่เผยเชียนใช้กีดกันผู้เล่นต่างชาติจากการลองเข้ามาเล่นเกมนี้
เผยเชียนไม่ได้บอกให้เขียนเนื้อเรื่องเกมในรูปแบบบทกลอน เพราะจะทำให้เกมยากเกินไป
แค่ใช้ภาษาจีนโบราณเขียนออกมาให้กำกวมและเข้าใจยาก คนที่ผ่านการศึกษาภาคบังคับเก้าปีมาก็น่าจะพอเดาความหมายของคำใบ้ได้
ไม่ใช่ว่าเผยเชียนไม่ชอบบทกลอน แต่ถ้าสั่งไปแบบนั้น ลู่หมิงเหลียงกับคนอื่นๆ ก็ไม่น่าจะทำให้เขาได้
…
ทั้งหมดนี้คือโครงร่างการออกแบบแรกของเกม
ในช่วงแรกของการค้นคว้าและพัฒนาเกม พวกเขาต้องตัดสินใจเลือกฉาก บอส และการดำเนินเรื่อง เพื่อที่จะได้เตรียมงาน (เช่น เขียนแบบร่างทรัพยากรงานภาพ) ได้อย่างราบรื่น
รายละเอียดส่วนใหญ่สามารถจัดการให้สมบูรณ์แบบได้ในขั้นค้นคว้าและพัฒนาเกม บางส่วนก็แก้ไขได้ระหว่างทาง
หม่าอี้ฉวินอธิบายตีมเกมให้ทุกคนฟังพร้อมแจกจ่ายงาน
เทียบกันแล้ว ทุกคนดูจะสนใจเรื่องการคิดพล็อตเกมกลับใจคือฟากฝั่งมากกว่าการตรวจต้นฉบับ
จนถึงตอนนี้คุณภาพต้นฉบับที่ส่งมาเว็บจงเตี่ยนจงเหวินถือว่าไม่ได้ดีเลย
ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ เดินเรื่องฉับไว แปลกใหม่ เข้าถึงง่าย ทุกคนคงจะรู้สึกตื่นเต้นกับการทำงานมากกว่านี้
แต่มันไม่มีเลยนี่สิ
พูดอีกอย่างคือ ถึงจะเสียเวลาตรวจต้นฉบับแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางเจองานดีๆ ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ดังได้
ส่วนงานช่วยเหลือนักเขียนก็ยิ่งแล้วใหญ่ ตอนนี้พวกเขารู้เรื่องงานบรรณาธิการแค่นิดเดียว ถ้าไปช่วยนักเขียนแล้วสร้างปัญหาขึ้นมาจะทำยังไง
การช่วยคิดพล็อตให้เกมกลับใจคือฟากฝั่งนั้นถือเป็นงานคนละชั้น
เพราะเป็นเกมใหม่ของเถิงต๋า!
ลงทุนหลักสิบล้าน!
แถมบอสเผยยังคุมงานเองอีกด้วย!
ดูยังไงเกมนี้ก็น่าจะดังมากๆ ถึงจะสร้างกำไรได้ไม่มากเท่าเกมฐานทัพกลางทะเล แต่อย่างน้อยก็น่าจะกระแสไม่ต่างจากเกมนักออกแบบเกม
ถ้าได้มีส่วนร่วมในการค้นคว้าและพัฒนาเกมนี้ หรือแค่ได้ช่วยเขียนพล็อต แต่ก็เอาไปอวดคนอื่นได้แล้ว!
หลังจากได้ฟังหม่าอี้ฉวินอธิบาย จูอันซิงก็ตาลุกวาว
“พี่หม่า ผมอยากช่วย!
“เราเอาเนื้อหาที่เราเขียนขึ้นเว็บได้มั้ยครับ ถือเป็นนิยายออฟฟิเชียลของเกมก็ได้
“เราแบ่งงานกันได้ แต่ละคนรับผิดชอบพล็อตแต่ละส่วน รวมถึงเรื่องเหตุการณ์ในอดีตต่างๆ กับภูมิหลังของบอสและ NPC ทุกตัวในเกม ถือเป็นส่วนเสริมจากเกม
“ถึงสุดท้ายอาจจะใช้งานไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่านั่งหายใจทิ้งไปวันๆ นะครับ”
หม่าอี้ฉวินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเห็นด้วยกับที่อีกฝ่ายว่ามา
เพราะยังไงพวกเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ถึงจะให้ไปแต่งนิยาย หลายคนก็ไม่รู้จะเขียนเรื่องเกี่ยวกับอะไร
ถ้าเป็นแบบนั้น ให้ทุกคนเขียนพล็อตเกมกลับใจคือฟากฝั่งส่งมา แล้วค่อยเลือกงานดีๆ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเกมน่าจะดีกว่า
หม่าอี้ฉวินพยักหน้า “เอาแบบนั้นก็ได้ ระหว่างที่ตรวจต้นฉบับก็คิดพล็อตเกมกลับใจคือฟากฝั่งไปด้วย
“ต่อไปเราจะประชุมกันทุกสัปดาห์เพื่อคุยเรื่องการออกแบบพล็อต แล้วฉันจะส่งเรื่องให้ทีมทำโปรเจ็กต์ต่อ”