ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 274 หน้าม้างงกันใหญ่
อินเทอร์เน็ตบ้านหูเซียวค่อนข้างเร็วทีเดียว ไม่นานตัวเกมก็ดาวน์โหลดเสร็จ
เนื่องจากหูเซียวเป็นอัปโหลดมาสเตอร์มืออาชีพ คอมพิวเตอร์ของเขาจึงจัดได้ว่ามีสเป็กที่ดีไม่น้อยเพราะต้องใช้ตัดต่อคลิปและเล่นเกม
เขาไม่มีจอยเกม แต่ก็เล่นด้วยเมาส์กับคีย์บอร์ดแทนได้
ด้วยความที่มีพิธีรีตองเป็นของตัวเอง เขาจึงรินชาแล้วยกจิบก่อนจะกดเข้าเกม
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกมนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
ดูจากชื่อแล้วน่าจะเป็นตีมเกี่ยวกับศาสนาพุทธ
แถมตัวเกมน่าจะหยิบความเป็นจีนโบราณมาใช้ เพราะภาพโฆษณาในแพลตฟอร์มเกมทางการเหมือนจะพูดถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิด อดีตชาติ และอุตรภาพ
อืม คงจะมีหลักธรรมคำสอนเต็มไปหมดเลยแหละมั้ง
ถ้าเป็นเกมที่เต็มไปด้วยหลักธรรมคำสอน ฉันก็ควรจะปล่อยวางและเล่นเกมด้วยใจที่สงบ
หูเซียวพบว่าตัวเองเริ่มรู้สึกอยากเล่นเกมขึ้นมา
หลังจากหน้าจอมืดไป เสียงดนตรีก็ดังขึ้น
เป็นเสียงดนตรีเบาสบาย แต่ก็ให้ความรู้สึกอ้างว้างและเศร้าสร้อย ดนตรีที่ฟังอยู่ใช้เครื่องดนตรีจีนทั้งหมด
เสียงแหบแห้งของหญิงชราผู้เจนโลกดังขึ้น
“ชีวิตวนเวียนว่าย บั้นปลายไม่บรรจบ กลับภพเกิดใหม่
“บุปผาบานผลัดใบ ยากไซร้นำทาง เส้นกลางยมโลก
“สามธาราโยกยาว ข้ามก้าวสะพาน ลืมลางชาติภพ
“ยกจดน้ำแกง ดับแสงอดีต จุติชีวิต”
เสียงของนางดูอ่อนแรง แต่ก็ทำให้หูเซียวขนลุกขึ้นมาได้ เหมือนว่านางกำลังพูดกับวิญญาณของเขาอยู่
คำพูดของนางฟังดูคล้ายบทกลอนหรือเนื้อเพลง ทำเอาหูเซียวเสียวสันหลังวาบ
ภาพปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ใบเมเปิ้ลสีแดงร่วงลงบนสายน้ำก่อนจะถูกพัดพาไป ทันใดนั้นสีแดงเลือดก็กลืนกินสายน้ำก่อนจะเลือนหายไป
กล้องแพนขึ้นด้านบน มือเหี่ยวแห้งหนังติดกระดูกตบลงมาบนผิวน้ำจนเกิดเป็นวงกระเพื่อม จากนั้นก็หยุดนิ่ง
มุมกล้องเลื่อนตามมือเหี่ยวแห้งขึ้นไปจนเห็นศพแต่งกายด้วยชุดขาดวิ่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ดวงตาเบิกกว้าง
ถึงจะตายไปแล้ว แต่ดวงตาที่เบิกกว้างนั้นก็ทำให้สั่นกลัวได้โดยไม่รู้ตัว
ดวงตานั้นแฝงไปด้วยความหวาดกลัว ความหมดอาลัยตายอยาก ความขัดแย้ง และความโกรธเคือง
กล้องแพนไปเรื่อยๆ เผยให้เห็นขาเหี่ยวแห้งจนเห็นกระดูกมากมายที่กำลังเดินผ่านไป มีสุนัขจรจัดหนังติดกระดูก เส้นขนแห้งเหี่ยว ตรงปากมีน้ำลายสีแดงสดหยดย้อยลงมา ดวงตาสีแดงก่ำ มันหันมองกล้องก่อนจะออกเดินหาเหยื่อรายต่อไป
ทุกคนเหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว จึงกลายเป็นมือสังหารไม่เลือกหน้าสุดเหี้ยมโหด
เสียงแหบแห้งดังขึ้นอีกครั้ง
“ทุกคนมีสามจิตเจ็ดวิญญาณ
“ครั้นตายจาก ยมทูตขาวดำจักมารับตัวสู่เส้นทางสู่ยมโลก พาตัวไปให้ท่านยมราชตัดสิน
“เจ้าอาจได้เกิดใหม่ ได้เข้าสู่สังสารวัฏทั้งหก หรือได้ตรงสู่นรก”
ตอนนั้นเองศพตรงสายน้ำก็กระตุกตัว
กล้องไม่ได้จับภาพศพนานนัก มันแพนออกไปตามสายน้ำและพื้นที่รกร้าง ก่อนจะไปหยุดที่หมู่บ้านเล็กๆ ข้างลำธารซึ่งซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูเขา
“จวบจนวันหนึ่ง ยมทูตขาวดำก็เลิกมานำทางผู้วายชนม์
“วิญญาณพรากจากโลกไปแล้ว แต่ไร้ซึ่งผู้ชี้นำ จำต้องเร่ร่อนหาทางไปเส้นทางสู่ยมโลก
“เกิดใหม่ไม่ได้ ครั้นจะตายก็ไม่ได้อีก
“เวลาผ่านไป เหล่าวิญญาณเร่ร่อนทวีความดุร้าย สูญเสียความเป็นมนุษย์และความทรงจำ
“โลกพลิกผันกลายเป็นนรก”
กล้องเลื่อนไปจับภาพกลุ่มคนบริสุทธิ์ที่กำลังโดนชาวบ้านสังหารด้วยคราดและขวาน เสียงกรีดร้องอย่างไร้ซึ่งหนทางดังสะท้อนอยู่ในโสตประสาทของหูเซียว
ด้านในวัดชำรุดทรุดโทรมแห่งหนึ่ง มีพระพุทธรูปส่องแสงสีทองจางๆ สร้างเป็นเกราะกำบังกีดกันผีเร่ร่อนที่พยายามจะรุกล้ำเข้ามา
ในวัดมีพระสูงอายุนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกำลังโยกตัวไปมาและท่อนบทสวดวนไปเรื่อยๆ
ถัดไปไม่ไกล บัณฑิตวิ่งหน้าตั้งออกมาจากบ้านที่ลุกไหม้ เขาสะดุดล้ม ชนข้าวของ พยายามหนีเอาชีวิตรอดจนผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเหมือนคนบ้า
เขาพูดไปพร้อมหัวเราะลั่น ทำให้ได้ยินไม่ถนัดนัก
“วัฏสงสารเหมือนเรือนลุกไหม้ ปล่อยใจสู่ทะเลทุกข์
“ค่ำคืนนิจนิรันดร์ ไม่แปรผันครั้นจบสิ้น
“ภูผาวิญญาณไร้ทางไป มือประสานผ่านอนัตตา
“ทางสู่ยมโลกลับตา กลับใจคือฟากฝั่ง
“ฤๅกลับใจคือฟากฝั่ง ฮ่าๆๆ…”
บัณฑิตหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะที่หน้าจอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ
เสียงหัวเราะเลือนหายไป
จากนั้นเสียงแหบห้าวก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ผีร้ายร่อนเร่รอบโลก สังสารวัฏทั้งหกแหลกสลาย ประตูสู่ยมโลกเปิดออก…”
หน้าจอดำอยู่อย่างนั้นไปพักใหญ่
ก๊อง!
ก๊อง!
เสียงนั้นดังขึ้นสองครั้งพร้อมแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ภาพที่เห็นคือวิสัยทัศน์ผ่านมุมมองของผู้ถูกฝัง
กล้องค่อยๆ หันไปทางทิวทัศน์ด้านนอกหลุมศพ
ที่บริเวณนี้คือสุสานร้างขนาดใหญ่ แผ่นหินข้างหลุมศพแตกหัก หรือไม่ก็ถูกหญ้าขึ้นปกคลุม
มีโลงศพหลายโลงที่เปิดอ้ากระจายอยู่โดยรอบ โลงศพเหล่านี้ทำจากไม้บางคุณภาพต่ำ จึงผุพังไม่เป็นท่า
บางโลงมีเศษกระดูกหลงเหลืออยู่ ศพที่เคยอยู่ในโลงน่าจะโดนสัตว์ร้ายผู้หิวโหยกัดกินเป็นอาหาร ส่วนโลงอื่นๆ ว่างเปล่า มีแค่ดินโคลนสะสมหลังฝนตก
ศพมากมายนอนเกลื่อนกลาดอยู่รอบสุสานใหญ่ แต่ละศพไม่สมประกอบ บ้างก็ขาดแขนขา บ้างก็ขาดหัว
ฝาโลงบางๆ ถูกเจาะทะลุเป็นรูสองรู มือผอมซูบแต่ยังพอมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างยื่นผ่านรูออกมาแล้วพยายามเปิดฝาโลงด้วยแรงที่มี
ศพเพศชายผิวซีดเซียวลุกขึ้นนั่งกลางสุสาน
…
หูเซียวมองแก้วชาในมือสลับกับภาพน่าสะอิดสะเอียนตรงหน้า เขารู้สึกว่าเกมไม่ค่อยจะเหมือนที่คาดหวังเอาไว้
ทำไมเกมเกี่ยวกับศาสนาถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ
ไม่ใช่แล้ว!
หูเซียวอยากเลิกเล่น ยังไงก็เพิ่งจะซื้อเกมมา เขากดรีฟันด์เอาเงินคืนตอนนี้เลยก็ได้
แต่พอคิดดูอีกทีก็ตัดสินใจลองเล่นดูสักหน่อย เผื่อว่าเกมจะสนุก
“หืม เขียนข้อความจารึกแผ่นหินตัวเองได้ด้วยเหรอ
“ระบบบ้าอะไรเนี่ย กดข้ามแล้วกัน”
หูเซียวกดข้ามตามความเคยชิน แต่ก็พบว่าไม่สามารถข้ามได้ ต้องกรอกข้อความอะไรสักอย่างลงไป
เขาตั้งใจจะกรอกลงไปแค่จุดสามจุด แต่ก็คิดว่าไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เลยจบที่กรอกตัวอักษรลงไปแทน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พิมพ์ลงไปว่า ‘อิอิ’
หูเซียวไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาแค่กรอกคำแรกที่แวบขึ้นมาในหัว
พอกรอกเสร็จ เกมก็เปิดฉากอย่างเป็นทางการ
เขาบังคับตัวละครเข้าไปหามอนสเตอร์ด้านหน้า
สามวินาทีต่อมา
ตัวละครกรีดร้องลั่นก่อนจะลงไปนอนกองกับพื้น หน้าจอกลายเป็นสีเทา จากนั้นข้อความหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ‘อิอิ’
หูเซียว “???”
เขาค่อนข้างงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อกี้เลือดฉันเต็มหลอดไม่ใช่เหรอ
โดนมอนสเตอร์ตบแค่สองที ทำไมเลือดหมดหลอดเลยล่ะ
หรือจะเป็นบั๊ก
หูเซียวเกิดใหม่อีกครั้ง เขาตะเกียกตะกายขึ้นจากหลุมศพแล้วพุ่งเข้าหามอนสเตอร์อีกรอบ
‘อิอิ’
‘อิอิ’
‘อิอิ’
หูเซียวอึ้งไป ผ่านไปสองสามนาที เขาก็ผลักคีย์บอร์ดกับเมาส์ออกห่างตัวแล้วเอนหลังครุ่นคิด
อะไรกันวะเนี่ย
ทำไมตัวละครฉันบางเป็นกระดาษแบบนี้ โดนมอนสเตอร์แตะนิดแตะหน่อยก็ตายแล้ว
ฉันเปิดอะไรผิดหรือเปล่า
หรือตอนเริ่มเกมไปกดอะไรเข้า
เขาเปิดแชตกลุ่มหน้าม้าด้วยความงุนงง ตั้งใจจะเข้าไปถามเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่คนอื่นๆ เองก็งงเป็นไก่ตาแตกไม่ต่างจากหูเซียว
“โหลดเกมกลับใจคือฟากฝั่งกันเสร็จยัง คอมพ์ฉันกากมาก กระตุกรัวๆ เลย พอหายกระตุกก็ม่องแล้ว ”
“คอมพ์ฉันก็กระตุก จู่ๆ ก็ตายงงๆ เหมือนกัน”
“เกมต้องใช้สเป็กสูงมาก คอมพ์ฉันก็เล่นไม่ค่อยไหว ภาพกระตุกเป็นพาวเวอร์พ้อยต์เลย”
“เหอะๆ คอมพ์ฉันก็เล่นไม่ไหวเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ ฉันว่าพวกนายไม่น่าจะตายเพราะเกมกระตุก…”
“เกมเชี่ยไรเนี่ย มอนสเตอร์ตัวแรกก็ตบเราตายได้เหรอ!”
“แล้วแบบนี้เราจะเล่นยังไง”
“ไม่รู้ดิ ฉันกดรีฟันด์เกมไปแล้ว ลูกค้าไม่ได้กำหนดว่าต้องรีวิวดีหรือแย่ไม่ใช่เหรอ ฉันจะไปคอมเมนต์ด่า!”
“ฉันว่าแกไม่ควรรีบให้ดาวเดียวนะ ไม่ลองเล่นดูอีกสักหน่อยเหรอ”
“นี่เปิดเกมในโน้ตบุ๊กไม่ได้ ว่าจะลองไปเล่นร้านอินเทอร์เน็ตดู”
“ลูกค้าใจดีจะตาย จะรีวิวเกมแย่ๆ ด้วยเรื่องแค่นี้กันจริงๆ เหรอ ลูกค้าไม่ได้ขอให้เราไปถล่มด่า แต่ขอให้รีวิวเกมตามความรู้สึกแรกหลังได้เล่นต่างหาก”
“ก็ใช่ไง ความรู้สึกแรกของฉันคือเกมมันห่วยแตก”
“ไม่ใช่เป็นเพราะคอมพ์แกเองเหรอ”
คนในกลุ่มเริ่มถกเถียงกัน
หูเซียวเกาหัว รู้สึกวิงเวียนศีรษะหน่อยๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการถกเถียงอย่างจริงจังแบบนี้ในกลุ่มหน้าม้า
ที่ผ่านมากลุ่มนี้เป็นเหมือนกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาดี มีคำสั่งมาปุ๊บ จะให้ไลก์ แชร์ หรือถล่มแอ็กเคานต์ ทุกคนก็จะปฏิบัติการทันที พูดง่ายๆ คือสั่งอะไรก็ทำตามนั้นหมด
แต่ตอนนี้แชตกลุ่มเหมือนเป็นตลาดสด ทุกคนดูจะมีความเห็นเป็นของตัวเอง
บางส่วนอยากไปรีวิวเกมแย่ๆ หลังจากเล่นเกมไปได้ไม่นาน
อีกส่วนคิดว่าจะเป็นการเสียมารยาทกับลูกค้าผู้ใจดี พวกเขาไม่ยอมทำอะไรไร้ความรับผิดชอบแบบนั้น และยืนกรานว่าจะลองเล่นเกมดูก่อน
พอได้อ่านที่ทุกคนถกเถียงกัน หูเซียวก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี
ถ้าทีมหน้าม้าทะเลาะกันเองขึ้นมาจะทำยังไง ต้องคอยจับตาดูแล้ว สถานการณ์ไม่สู้ดีเลย!