ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 42 ดีใจแต่ก็หนักใจ
ทุกคนทยอยออกจากห้องประชุม
หวงซื่อปั๋วรั้งเปาซวี่ไว้
“พี่เปา ผมต้องให้พี่ช่วยรีบคิดคอนเซ็ปต์ให้เร็วๆ เราต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันในการร่างแบบ ถ้าพรุ่งนี้พี่ได้ไอเดียคร่าวๆ จะดีมากเลยครับ เราจะได้รีบคุยกันให้เร็วที่สุด”
หวงซื่อปั๋วว่าอย่างสุภาพสุดๆ
นั่นก็เพราะเขาไม่รู้ว่าเปาซวี่เป็นใครมาจากไหน ภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายในหัวของเขามาจากสิ่งที่เห็นสองสามอย่าง
อย่างแรกคือ เปาซวี่ดูแก่เพราะหัวเริ่มล้าน
อย่างที่สองคือ เขาเป็นเกมเมอร์มืออาชีพที่บอสเผยไว้วางใจและให้สิทธิ์ทำงานล่วงเวลา
อย่างที่สาม เขามักจะเงียบอยู่เสมอเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอด
จากข้อสังเกตเหล่านี้ หวงซื่อปั๋วจึงคิดว่าเปาซวี่ต้องแก่กว่าตัวเองแน่นอน
เปาซวี่พยักหน้า “ได้ครับ พี่หวง”
เปาซวี่เองก็ไม่รู้จักหวงซื่อปั๋วเท่าไหร่ แต่เพราะเขาเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง จึงคิดว่าหวงซื่อปั๋วน่าจะเป็นรุ่นพี่เพราะอีกฝ่ายทำงานในวงการมาตั้งแต่เรียนจบ
ทั้งสองคนคิดว่าอีกฝ่ายใช้คำว่า ‘พี่’ เพื่อให้ดูสุภาพ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายหมายความตามที่พูดจริงๆ
หวงซื่อปั๋วกลับไปที่โต๊ะทำงาน รู้สึกทั้งดีใจและหนักใจ
เขาดีใจเพราะได้เจอที่ทำงานที่มีเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่สุภาพและเป็นมิตร เทียบกับสภาพแวดล้อมอันแสนกดดันและเข้มงวดของที่ก่อนแล้ว ที่นี่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
ที่เขาหนักใจก็เพราะกลัวว่าตนเองจะเป็นภาระจากการที่ยังมีความสามารถไม่เพียงพอ
เขาเปิดดูแบบร่างต่างๆ ทที่เคยรวบรวมไว้เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้า
จะได้พร้อมทำแบบร่างทันทีที่เปาซวี่คิดคอนเซ็ปต์เสร็จ
ส่วนเปาซวี่ก็เริ่มออกแบบคอนเซ็ปต์อย่างรวดเร็ว
ประสบการณ์การเล่นเกม FPS ต่างๆ ผุดขึ้นในหัว สร้างแรงบันดาลใจให้เขา
สร้างเกมให้เป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่ปรับนิดหน่อยก็ทำได้แล้ว
ตัวอย่างเช่น เขาสามารถปรับพื้นที่ยิงโดนโดยเฉพาะส่วนหัวให้กว้างขึ้น เพื่อที่ผู้เล่นใหม่จะสามารถยิงโดนหัวได้บ่อยขึ้น
หรือไม่ก็เพิ่มระยะซูมและความเร็วการยิงกระสุนของปืนไรเฟิล ผู้เล่นใหม่จะได้เก่งเรื่องซุ่มยิงจากระยะไกลได้ไวขึ้น
ถึงเปาซวี่จะไม่ได้เก่งเกมแนว FPS ระดับมืออาชีพ แต่เขาก็ยังถือว่ามีฝีมือดีกว่าคนทั่วไป
เขาสามารถปรับแต่งสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นโดยอ้างอิงจากทักษะการควบคุมของตัวเองได้
ส่วนเรื่องอาวุธที่ให้ซื้อในเกมก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ที่พวกเขาต้องทำก็แค่ตั้งราคาไว้สูงๆ ก็พอ
สิ่งเดียวที่ยากสำหรับเปาซวี่คือเงื่อนไขข้อแรกของเผยเชียนที่อยากให้มีโหมดเนื้อเรื่อง!
เขาคิดหนัก
ว่ากันตามตรง เขาไม่เข้าใจเงื่อนไขข้อนี้เลย
นั่นก็เพราะเกม FPS ในประเทศที่ดังๆ ส่วนใหญ่ไม่มีโหมดเนื้อเรื่องเลย เกม Counter Strike เองก็ไม่มี สิ่งที่ผู้เล่นต้องทำคือยิงกันเท่านั้น
ก็จริงที่เกม FPS แบบสแตนด์อโลนชื่อดังบางเกมของต่างประเทศมีโหมดเนื้อเรื่อง แต่เกมที่ว่าเหล่านั้นก็ผลิตโดยบริษัทใหญ่ๆ ไม่เหมือนบริษัทเถิงต๋า!
ทีมมีกันแค่สามสิบคน ให้สร้างโหมดเนื้อเรื่องเหมือนที่มีในเกม FPS ดังๆ ของต่างประเทศถือเป็นเรื่องที่เกินความสามารถไปมาก
ถึงเปาซวี่จะเพิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมเกม แต่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจในเรื่องเหล่านี้
เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากลองคิดหาทางอื่น
บริษัทที่มีพนักงานแค่สามสิบคนไม่มีทางสร้างโหมดเนื้อเรื่องเหมือนเกม FPS ดังๆ ของต่างประเทศได้
ถ้าคนธรรมดาแบบเขามองเรื่องนี้ออก และทำไมบอสเผยผู้แสนยอดเยี่ยมของพวกเขาจะมองไม่ออก
เขาต้องมองออกเหมือนกัน
ถ้าเขารู้อยู่แล้ว ทำไมยังบังคับให้มีเงื่อนไขข้อนี้อีก
นี่เป็นทั้งบททดสอบและคำใบ้!
บอสเผยกำลังทดสอบความสามารถของพวกเราและบอกใบ้ไปด้วยว่าเราไม่ควรพัฒนาเกมไปในทางเดียวกับพวกเกม FPS ดังๆ ของต่างประเทศ!
ถ้าเป็นแบบนี้ เราจะเดินหน้าต่ออย่างไรดี…
เปาซวี่จมอยู่ในห้วงความคิด
…
ห้าโมงเย็น
เผยเชียนออกจากออฟฟิศอย่างสุขสำราญ
ความรู้สึกที่ได้เลิกงานเวลานี้ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!
แน่นอนว่าในฐานะเจ้าของบริษัท เผยเชียนไม่สามารถโดดงานไปเฉยๆ ได้
แต่ถ้าทำได้แบบนั้น เขาก็จะไม่ได้เพลิดเพลินกับความสุขในการรอเวลาเลิกงานและความอิ่มเอมเมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง
ก็เหมือนที่ทายาทลำดับสองของตระกูลอสังหาริมทรัพย์ผู้เป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นต์กว่าสามสิบแห่ง แต่ก็ยังยืนกรานจะเก็บค่าเช่าเองทุกวันได้กล่าวไว้ว่า “คนเราจะขี้เกียจไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนไร้ค่า”
เผยเชียนเองก็คิดเหมือนกัน ถึงระบบจะให้สิทธิพิเศษในการใช้ชีวิตอย่างสุขสมตราบเท่าที่ผลาญเงินทุนระบบไปได้เรื่อยๆ แต่เขาจะกลายเป็นคนไร้ค่าเพราะลุ่มหลงในความสุขนี้ไม่ได้
ไปเรียนบ้างตามอารมณ์ เลือกเวลาเริ่มงานเลิกงานตามใจชอบ ให้ตัวเองได้มีอะไรทำบ้าง จะได้ไม่กลายเป็นคนไร้ค่า
สัปดาห์ก่อน เผยเชียนต้องไล่ทุกคนกลับบ้านตอนห้าโมงเย็น โดยเฉพาะคนที่เคยชินกับการทำงานล่วงเวลาอย่างหวงซื่อปั๋ว
นี่คือการปรับนิสัยผิดๆ ของพนักงาน!
แน่นอนว่าเปาซวี่เป็นข้อยกเว้น การปล่อยให้เขาเล่นเกมต่อในบริษัทช่วยผลาญเงินค่าไฟเพิ่ม
หลังจากพยายามอยู่หนึ่งสัปดาห์ เผยเชียนก็พบว่าพนักงานส่วนใหญ่เลิกนิสัยไม่ดีที่ว่าได้แล้ว
ก็ใครจะอยากทำงานล่วงเวลาโดยไม่จำเป็นกันล่ะ
พนักงานทุกคนเริ่มมีนิสัยเลิกงานตรงเวลาเหมือนเผยเชียน ซึ่งทำให้เขารู้สึกพอใจมาก
…
ตอนแรกหวงซื่อปั๋วกำลังเก็บโต๊ะ แต่ก็นั่งลงทันทีเมื่อเห็นเผยเชียนกลับออกไป
เขาตัดสินใจจะลองเสี่ยงดู!
หวงซื่อปั๋วเลือกไม่สนใจคำเตือนของบอสเผยที่บอกจะหักเงินเดือนถ้าอยู่ทำงานล่วงเวลา!
เขาทำงานล่วงเวลาครั้งนี้โดยสมัครใจ
นั่นเพราะหวงซื่อปั๋วรู้สึกไม่สบายใจมากๆ เขารู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถไม่พอที่จะเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผน ทำให้อยากอยู่ทำงานล่วงเวลาเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ และเตรียมตัวให้พร้อม จะได้ไม่เป็นตัวถ่วงใคร!
ส่วนพนักงานคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ต่างเลิกงานทันทีเมื่อถึงเวลา
ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่มีอะไรให้ทำ ทุกคนกำลังตั้งตารอแบบร่างคอนเซ็ปต์จากเปาซวี่
หวงซื่อปั๋วคิดหาข้อแก้ตัวถ้าจู่ๆ บอสเผยดันกลับเข้าออฟฟิศมา
แต่ไม่นานเขาก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลย บอสเผยไม่น่าจะเป็นคนที่มีเวลาว่างขนาดกลับเข้าออฟฟิศมาตรวจดูว่ามีใครทำงานล่วงเวลาหรือเปล่า
ผ่านไปสักพักก็เหลือแค่หวงซื่อปั๋วกับเปาซวี่ในออฟฟิศอันกว้างขวาง
เปาซวี่หยิบมันฝรั่งทอดถุงใหญ่จากโซนขนมพร้อมกาแฟแก้วหนึ่งจากโซนครัวอย่างคล่องแคล่ว
ทั้งขนมและเครื่องดื่ม ทางบริษัทมีให้กินดื่มได้ไม่อั้น
ตอนแรกเปาซวี่ดีใจมากจนดื่มกาแฟกับน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่า แต่พอดื่มแบบนั้นไปสักพักก็เริ่มเบื่อจึงกลับมาดื่มตามปกติที่ดื่ม
ถึงเขาจะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหวงซื่อปั๋วยังไม่กลับบ้าน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่เดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อร่างคอนเซ็ปต์ลงบนกระดาษเปล่า
…
สองทุ่ม
เปาซวี่ลุกจากโต๊ะ เดินถือกระดาษแผ่นหนึ่งที่ดูเหมือนยันต์เพราะเต็มไปด้วยภาพและสัญลักษณ์ต่างๆ ไปหาหวงซื่อปั๋ว
“พี่หวง ผมใกล้เสร็จแล้ว” เปาซวี่บอก
หวงซื่อปั๋วพยักหน้ารัว “อธิบายให้ผมฟังหน่อยครับพี่เปา”
เปาซวี่ลากเก้าอี้มาแล้วเริ่มอธิบายความคิดคร่าวๆ ให้หวงซื่อปั๋วฟัง
“จากเงื่อนไขทั้งสามข้อของบอสเผย สองในสามง่ายมาก ที่ยากอยู่ที่โหมดเนื้อเรื่อง”
“ผมว่าเราทำโหมดเนื้อเรื่องระดับเดียวกับเกม FPS ดังๆ ของต่างประเทศไม่ไหว เรื่องตัวละคร ท่าทางการต่อสู้ กับฉากหลังก็ไม่มีทางสู้ได้”
หวงซื่อปั๋วพยักหน้า “ใช่ ผมก็คิดเหมือนกัน”
……………..