ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 677 ใกล้แล้วครับ
หลินหวานยกมือขึ้นพูด “หนูอยากเสริมอะไรหน่อย ยูนิตทุกตัวของเผ่ามนุษย์
มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่น่าจะแปลว่าอาจจะหนีหรือไม่ทำตามคำสั่งแค่อย่าง
เดียว แต่อาจจะคิดเอาตัวเข้าไปพลีชีพ สู้กับเซิร์ก และชนะกลับมาได้ด้วยใช่มั้ยคะ
“ส่วนมนุษย์จะมีพฤติกรรมยังไง ก็ชัดเจนว่าเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการวาง
กลยุทธ์ก่อนการรบ
“ตัวอย่างเช่น แม่ทัพอาจจะทำอะไรที่ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของทหาร
พวกทหารจึงค่อยๆ เปลี่ยนจากการอยู่กันกระจัดกระจายเป็นกองทัพที่สามัคคี”
หวงซื่อปั๋วพยักหน้า “อืม ก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน”
ทุกคนเริ่มจดบันทึก พอคุยกันถึงตรงนี้ พวกเขาก็เริ่มเห็นเค้าโครงของเกม
ใหม่
เกมนี้จะแตกต่างจากเกม RTS ตามตำราแบบลิบลับ เพราะเน้นไปที่การวาง
กลยุทธ์ก่อนเริ่มรบ ไม่ใช่ระหว่างการรบ ซึ่งจะทำให้เกมสมจริงมากขึ้น
อีกอย่าง จุดสนใจหลักจะอยู่ที่เนื้อเรื่อง เพื่อที่ CG เนื้อเรื่องจะได้มีน้ำหนัก
มากกว่าตัวเกม
พอจดเสร็จ หม่าอี้ฉวินก็ตาเป็นประกาย “ผมนึกไอเดียดีๆ เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
ได้ครับ“บอสเผยชอบระบบการเล่นที่ทำลายกำแพงที่สี่มาก ที่บอสอยากให้เกม
ออกมาสมจริงมากที่สุดก็ตรงกับเป้าหมายนี้เลย
“ถ้าเราบอกใบ้ผู้เล่นว่ามีบุคคลจริงๆ อยู่เบื้องหลังแต่ละยูนิตผ่านเนื้อเรื่องของ
เกม และการสละยูนิตหนึ่งไปจะเท่ากับสละคนจริงๆ… ทำแบบนี้ก็จะทำลาย
กำแพงที่สี่ได้สำเร็จใช่มั้ยล่ะครับ”
จูเสี่ยวเช่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็เป็นไอเดียที่ดี แต่… ล้าสมัยไปหน่อย
“มีคนเขียนนิยายแนวไซไฟด้วยแนวคิดนี้ไปแล้วในปีค.ศ.1985 ได้รางวัล
Nebula กับ Hugo ด้วย แถมเนื้อเรื่องยังเกี่ยวกับสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์
กับเซิร์ก เป็นเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองกำลังเล่นเกมอยู่ แต่
จริงๆ แล้วกำลังจุดชนวนสงครามระหว่างดวงดาว…”
หม่าอี้ฉวินดูไม่ได้ตกใจ “ผมต้องรู้อยู่แล้วครับ ทำไมผมจะไม่รู้จักนิยายเรื่อง
นั้นล่ะ
“แต่ในวงการวรรณกรรมไม่ได้ห้ามหยิบเนื้อหาเดียวกันมาเขียนเพราะมีคน
เขียนไปก่อนแล้วซะหน่อย จะบอกว่ามี Lord of the Rings แล้ว เพราะงั้นก็ห้าม
เขียนแนวแฟนตาซีตะวันตกได้มั้ยล่ะครับ แน่นอนว่าทำแบบนั้นไม่ได้
“คำถามคือเป็นการลอกมาทั้งดุ้นหรือคิดไอเดียขึ้นมาใหม่จากเนื้อหาเดียวกัน
“ไม่ว่าจะเขียนหนังสือหรือทำเกม ไอเดียที่ดีคืออิฐก้อนแรกของรากฐาน จะ
ใช้ไอเดียนี้ให้เกิดประโยชน์ได้มั้ยขึ้นอยู่กับว่าจะสื่อสารออกไปยังไง“ผมคิดว่าไอเดียนี้เหมาะกับการสื่อสารผ่านเกม และตรงกับแนวคิดการ
ออกแบบเกมของบอสเผยมากด้วย”
จูเสี่ยวเช่อพยักหน้า “อืม… คุณพูดถูก แต่ก็หมายความว่าเราต้องหาวิธีเอา
เรื่องเก่ามาเล่าใหม่ให้ต่างจากเดิม
“ถ้าไม่คิดไอเดียใหม่ ก็เท่ากับว่าเอาเนื้อเรื่องคนอื่นมาใช้ ทั้งเกมทั้ง CG เนื้อ
เรื่องต้องพังไม่เป็นท่าแน่นอน”
ทุกคนเงียบไป
เห็นได้ชัดว่าถ้าอยากสานต่อไอเดียนี้ พวกเขาก็ต้องสื่อสารออกไปให้ดีกว่า
ผลงานคลาสสิกที่มีอยู่ก่อนแล้ว ไม่งั้นก็ต้องมั่นใจว่าเรื่องราวจะไม่ออกมา
เหมือนกันเป๊ะ ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก
หวงซื่อปั๋วพูดเสียงอ่อย “ครั้งนี้บอสเผยให้ข้อมูลมาน้อยเกินไป”
หลินหวานอ่านแนวทางของบอสเผยอีกครั้งแล้วเห็นจุดที่ทุกคนมองข้ามไป
“บอสเผยเจาะจงว่าให้หานักแสดงหนึ่งคน โดยไม่ต้องให้แสดงสีหน้าท่าทางมาก
จุดนี้กำลังใบ้อะไรเราในส่วนของเนื้อเรื่องรึเปล่าคะ”
จูเสี่ยวเช่อตอบ “ผมคิดเรื่องนี้ดูแล้ว มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง
“อย่างแรกคือ ให้ตัวเอกสวมหมวกเกราะหรือหน้ากากตลอดเวลา เพื่อไม่ให้
ใครเห็นหน้า กลายเป็นสัญลักษณ์เหมือนหน้ากากแบทแมน หนังบางเรื่องใช้วิธีนี้
“อย่างที่สองคือ ตัวเอกเป็นคนเย็นชาและไร้ความรู้สึก เป็นการเน้นย้ำ
ลักษณะนิสัยของตัวเอก“แต่ก็เป็นไปได้ทั้งคู่ เลือกยากมากว่าทางไหนถูก”
หม่าอี้ฉวินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ใช้ได้ทั้งสองทาง แตกต่างกันที่ความเป็นเหตุเป็น
ผล
“ถ้าตัวเอกจะเป็นสัญลักษณ์เหมือนหน้ากากแบทแมนก็ต้องเป็นสัญลักษณ์ที่
สื่อถึงสิ่งที่มีความหมาย หนังซูเปอร์ฮีโร่และไซไฟส่วนใหญ่ใช้วิธีนี้ในการเปิดเผย
ปัญหาและความขัดแย้งในสังคม
“แต่เนื้อเรื่องของเราเกี่ยวกับสงครามระหว่างดวงดาว เราจะให้สัญลักษณ์นี้
สื่อถึงอะไรล่ะ ผมคิดอะไรเหมาะๆ ไม่ออกเลย
“กลับกัน ถ้าเราจะเน้นลักษณะนิสัยของตัวเอง แนวทางก็ต้องชัดเจนมากๆ
“คนแบบไหนที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย คนที่สภาพจิตใจแข็งแกร่งมากๆ และ
คนที่เฉยชาสุดๆ
“ผมนึกถึงข่าวเรื่องนักบินอวกาศในประเทศเรา พวกเขามีสภาพจิตใจที่
เข้มแข็งจนถึงขนาดว่าตอนกระสวยอวกาศพุ่งตัวสู่ฟากฟ้า อัตราการเต้นหัวใจยัง
อยู่ที่แปดสิบ หรือแม้แต่ตอนที่คิดว่าชีวิตตัวเองกำลังจะจบลง อัตราการเต้นของ
หัวใจก็ยังเท่าเดิม
“คนประเภทนี้มีอารมณ์ไม่กี่อารมณ์ จึงเป็นปกติที่จะไม่แสดงอารมณ์ ตรงกับ
แนวทางที่บอสเผยวางไว้ให้ตัวเอกเลย”
จูเสี่ยวเช่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หรือบอสเผยจะกำลังใบ้ว่าตัวเอกคือนักบินอวกาศ
ที่มีสภาพจิตใจแข็งแกร่งมาก“แถมต้องมีตัวเอกหลักแค่คนเดียว ที่เหลือเป็นตัวประกอบ แสดงว่าฉาก
เรื่องราวส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่รอบตัวเอก หรือส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนนำทัพ
ต่อกรกับเซิร์ก
“ถ้าเอาไปโยงกับแนวคิด ‘ทำลายกำแพงที่สี่’ ของบอสเผย เราก็จะเห็นเค้า
โครงคร่าวๆ ของโครงเรื่อง
“ตัวเอกต้องเป็นผู้บัญชาการและทหารอวกาศที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างช่ำชอง
แอร์ไทม์ส่วนใหญ่คือตัวเอกนำกองทัพทำสงครามกับเซิร์ก
“แต่ตัวเอกต้องสั่งการคนจริงๆ นี่นา เขาต้องรู้เรื่องนี้รึเปล่า จุดนี้คือคำถาม
สำคัญ”
ทุกคนเงียบไป
พวกเขาแกะคำใบ้ส่วนใหญ่ที่บอสเผยให้ไว้ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้โครงร่างงานที่
ชัดเจนพอจะไปจัดการต่อได้
ระบบการเล่นจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องและเนื้อเรื่องก็จะส่งผลต่อระบบการเล่น
ตราบใดที่จุดใดจุดหนึ่งยังไม่ชัดเจนก็ทำโปรเจ็กต์ต่อได้ยาก
หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ หวงซื่อปั๋วก็พูดขึ้น “เราไปปรึกษาบอสเผยอีกครั้งดีมั้ย
“เข้าไปรายงานสิ่งที่เราคิดได้ทั้งหมดแล้วขอคำใบ้เพิ่มกันดีกว่า”
จูเสี่ยวเช่อส่ายหน้าพลางร้องลั่นทันที “ไม่ได้!“บอสเผยบอกข้อมูลเรามาขนาดนี้แล้ว แสดงว่าบอสไม่อยากเปิดเผยข้อมูล
อะไรเพิ่มอีก
“เราหวังพึ่งบอสเผยทุกอย่างไม่ได้
“นักออกแบบเกม วันพรุ่งนี้ที่สดใส ดิ้นรน ล้วนเป็นฝีมือบอสเผยหมดเลย เรา
รอให้บอสเผยเอาอาหารมาป้อนใส่ปากตลอดไม่ได้
“เราต้องตั้งใจเขียนเนื้อเรื่องดีๆ ออกมา บอสเผยวางเค้าโครงไว้ให้เราแล้ว
ตอนนี้เราต้องคิดส่วนอื่นๆ ด้วยตัวเอง”
ทุกคนหันมองตากัน คิดว่าที่จูเสี่ยวเช่อพูดนั้นมีเหตุผล
พวกเขาหวังพึ่งบอสเผยตลอดไม่ได้จริงๆ ต้องพยายามด้วยตัวเองบ้าง!
รอบนี้บอสเผยบอกมาแค่แนวทางในภาพรวม ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมาก
แต่นั่นก็หมายความว่าทุกคนมีอิสระสูงในการตัดสินใจเรื่องระบบการเล่นและ
โครงเรื่อง พวกเขาใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นได้
หลังจากระดมความคิดกันยกใหญ่ สมุดจดของทุกคนก็เต็มไปด้วยข้อความ
มากมาย
ถึงจะสรุปรายละเอียดทุกอย่างไม่ได้ แต่แนวทางในภาพรวมก็ชัดเจนแล้ว
หวงซื่อปั๋วเคาะโต๊ะเบาๆ “โอเค ผมว่าวันนี้น่าจะไว้แค่นี้ก่อน คงวิเคราะห์ทุก
อย่างที่บอสเผยให้มาออกหมดภายในวันเดียวไม่ได้“กลับไปสงบใจผ่อนคลายสมองกันก่อน แล้วเราค่อยกลับมาทบทวนข้อมูลที่
เรามี
“เดี๋ยวผมตั้งกลุ่มแชต ใครมีไอเดียอะไรดีๆ ก็พิมพ์บอกในกลุ่มได้เลย
“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจะเริ่มเตรียมงานส่วนที่ทำได้ระหว่างที่ระดมความคิด
กันอยู่
“เสี่ยนปิน วางเค้าโครงภาพรวมก่อนแล้วรีบกำหนดแนวทางเรื่องทรัพยากร
งานภาพให้เร็วที่สุด รวมพวกทหารเผ่ามนุษย์ ยานรบ เซิร์กพันธุ์ต่างๆ คอนเซ็ปต์
อาร์ต และอื่นๆ ไปด้วยเลย
“เฟยหวงสตูดิโอเองก็ต้องทำเหมือนกัน อะไรยืนยันได้ก็ยืนยันเลยแล้วเริ่ม
เตรียมการ
“ระหว่างนั้นก็คิดหาไอเดียไปด้วย ไม่แน่เราอาจจะคิดอะไรดีๆ ออกก็ได้”
ทุกคนพยักหน้าแล้วลุกยืน
หวงซื่อปั๋วบอกขอบคุณทุกคนอีกครั้ง เพราะลู่หมิงเหลียง หลินหวาน หม่าอี้ฉ
วิน และคนอื่นๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจ็กต์นี้ แต่ก็มาช่วยด้วยใจ
ลู่หมิงเหลียงกับหลินหวานบอกหวงซื่อปั๋วให้ไม่ต้องคิดมาก ในเมื่อเป็นโปร
เจ็กต์ของบอสเผย ทุกคนก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว!
ไม่นานพวกเขาก็ออกจากห้องประชุมไปจูเสี่ยวเช่อหันไปหาหวงซื่อปั๋ว “พี่หวง ผมคิดว่าเราควรตัดสินใจเรื่องตัวเอก
ลู่จือเหยาดูจะเป็นกระแสมาแรงในตอนนี้นะครับ”
หวงซื่อปั๋วหยุดไปแป๊บนึง “ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ฝีมือการแสดงดีเกินไป ถ้าให้
มาแสดงเป็นคนไร้ความรู้สึกจะไม่เสียของเหรอ แถมบทก็ยังไม่มีเลยไม่ใช่รึไง”
จูเสี่ยวเช่อตอบ “ผมมีไอเดียที่อยากจะลองกับลู่จือเหยา”
หวงซื่อปั๋ว “อะไรเหรอ”
จูเสี่ยวเช่อ “ผมอยากขังเขาไว้แล้วให้เล่นเกมสักสองสามวันเพื่อให้เข้าถึงตัว
ละคร ไม่แน่เขาอาจจะได้แรงบันดาลใจอะไรสักอย่างระหว่างนั้น”
…
จูเสี่ยวเช่อเข้าไปในห้องประชุมแล้วโทรหาลู่จือเหยา
“สวัสดีครับ ผู้กำกับจู”
จูเสี่ยวเช่อเข้าเรื่องทันที “บอสเผยตั้งใจจะลงทุนสามร้อยล้านหยวนกับ
ผลงานใหม่ คุณสนใจร่วมงานด้วยมั้ยครับ”
ลู่จือเหยาตอบเสียงตื่นเต้น “สนใจแน่นอนอยู่แล้วครับ!”
บริษัทอื่นมักจะขี้โม้ว่าตัวเองจะทุ่มทุนก้อนโตทำหนัง แต่สุดท้ายก็ลงเงินไปแค่
นิดเดียวแต่บอสเผยไม่เคยเล่นแง่ด้วยคำพูดแบบนั้น ถ้าบอกว่าจะลงทุนสามร้อยหยวน
ก็จะลงทุนเท่านั้นหรืออาจจะมากกว่า แสดงว่าหนังเรื่องนี้ต้องโปรดักชันใหญ่มาก
แน่นอน!
โปรเจ็กต์ของบอสเผยต้องออกมาดีแน่ ถึงจะได้ค่าตัวน้อยลง ลู่จือเหยาก็ยัง
อยากมีส่วนร่วมอยู่ดี
ลู่จือเหยาสนใจโปรเจ็กต์นี้มาก “ผู้กำกับจูมีบทมั้ยครับ ช่วยส่งให้ผมได้รึ
เปล่า”
จูเสี่ยวเช่อเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “บท… ใกล้แล้วครับ ทำไมคุณไม่แวะ
มาจิงโจว มาช่วยออกไอเดียให้เราหน่อยล่ะครับ”
ลู่จือเหยา “ใกล้แล้ว?”
จูเสี่ยวเช่อพูดเสียงหนักแน่น “ใกล้แล้วครับ อีกแค่นิดเดียว!”
หลังจากไตร่ตรองดู ลู่จือเหยาก็ถามขึ้น “แล้วมีใครร่วมแสดงบ้างเหรอครับผู้
กำกับจู ลุงจางกับคนอื่นๆ มาด้วยมั้ยครับเนี่ย”
จูเสี่ยวเช่อ “เอ่อ… ตอนนี้มีแค่คุณครับ คุณจะรับบทตัวเอก ส่วนนักแสดงคน
อื่นๆ จะเพิ่มมาทีหลัง”
ไม่รู้ทำไม ลู่จือเหยารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่
แต่พอคิดดูอีกที ยังไงก็เป็นโปรเจ็กต์ของบอสเผย ไม่น่ามีอะไรให้ต้องกังวลเขาพยักหน้าทันที “โอเคครับ เดี๋ยวผมเก็บกระเป๋าก่อน อีกสองวันเจอกัน
ครับ!”