ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 - ตอนที่ 40 ฉันไม่ชอบกินแครอต
กู้จิ้งมองดูป่าซึ่งยังไม่ผ่านการบุกเบิกแห่งนี้พลางสูดหายใจลึก “นี่มันบาร์ออกซิเจนธรรมชาติชัดๆ!”
เซียวเถี่ยเฟิงไม่รู้จักบาร์ออกซิเจน แต่ไม่นานนักเขาก็หาสถานที่ที่มีเห็ดชนิดต่างๆ อยู่มากมายพบ เขาหันมาเรียกกู้จิ้งไปเก็บ กู้จิ้งหวีดร้องด้วยความดีใจที่ได้เห็นเห็ดหนิวกาน เดี๋ยวก็หวีดร้องด้วยความดีใจที่ได้เห็นเห็ดไหน่เจี้ยง สุดท้ายก็ร้องตะโกนว่า “นี่เห็ดหยางตู้ ไอ้นี่อร่อย!”
เซียวเถี่ยเฟิงกำลังเก็บเห็ดชนิดต่างๆ ที่เธอชอบกินใส่ตะกร้าอย่างระมัดระวัง พอได้ยินเช่นนี้ก็ทอดถอนใจพลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “มีอะไรที่เจ้าไม่ชอบกินบ้างไหม?”
กู้จิ้งแค่นเสียงฮึดฮัด “ฉันไม่ชอบกินแครอต”
เซียวเถี่ยเฟิงตะลึงงัน “แครอต? เราเคยกินแครอตหรือ?”
เขาจำไม่ได้ว่าเคยให้เธอกินแครอตมาก่อน
กู้จิ้งกลอกตาพลางแอบยิ้มอยู่คนเดียว จากนั้นก็รีบวิ่งหนีไปที่ด้านข้างแล้วแสร้งทำเป็นก้มลงเก็บเห็ด
เซียวเถี่ยเฟิงเก็บเห็ดอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าในพุ่มไม้ด้านหน้ามีผลชื่อเพ่า[1]สีแดงอยู่เต็มไปหมด เขาจึงหันไปถามกู้จิ้ง “จะกินชื่อเพ่าไหม? คือไอ้นั่นน่ะ ผลสีแดงรสหวานๆ”
“กิน!”
เซียวเถี่ยเฟิงวางตะกร้าลงบนพื้นแล้วหันมากำชับ “ข้าจะไปเก็บมาให้ เจ้าเก็บเห็ดอยู่ที่นี่ จำไว้ อย่าวิ่งซุกซนไปที่ไหนล่ะ”
“ฉันรู้แล้วน่า”
หลังจากเซียวเถี่ยเฟิงจากไป กู้จิ้งก็นั่งยองๆ เก็บเห็ดอยู่ตรงนั้นต่อ ตรงนี้มีเห็ดขาไก่มากมาย ทั้งขาวทั้งนุ่ม เธอจำได้ว่าเซียวเถี่ยเฟิงเพิ่งจับไก่ป่าได้ตัวหนึ่ง ถ้าเอามาตุ๋นกับเห็ดนี่ต้องอร่อยมากๆ แน่
เธอนั่งยองๆ เก็บเห็ดอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง พอรู้สึกเหนื่อยก็จับกระโปรงขึ้นมาเหน็บไว้ตรงเอวแล้วนั่งลงบนพื้นหญ้า
คิดไม่ถึงว่ากำลังเก็บอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียง “อิ๋ง~~” ดังขึ้น
กู้จิ้งกลัวจะเป็นสัตว์ป่า ดังนั้นจึงรีบเงี่ยหูฟัง พอฟังดูดีๆ ก็พบว่าน่าจะเป็นเสียงร้องของหมา เพียงแต่เสียงนั้นดังอยู่ในลำคอเหมือนกำลังน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ก็เหมือนกำลังออดอ้อน
หมาที่กำลังออดอ้อน?
จู่ๆ กู้จิ้งก็รู้สึกคุ้นขึ้นมา เธอหยิบมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นเดินตามเสียงร้องออดอ้อนนั้นไป ในที่สุดก็พบว่าตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ทางด้านซ้ายมีหมาสีดำลายขาวตัวหนึ่งกำลังนั่งกระดิกหางอยู่ในพงหญ้า มันกำลังถูไถศีรษะซึ่งเต็มไปด้วยขนฟูนุ่มกับต้นไม้ที่ด้านข้างพลางส่งเสียงร้องอิ๋งๆ น่าสงสาร
พอรู้ว่ากู้จิ้งมองเห็นมันแล้ว มันก็ทำคอตกเหมือนกำลังรู้สึกผิด
กู้จิ้งเลิกคิ้วมองมันด้วยสายตาเย็นชาพลางกวัดแกว่งมีดให้มันดู
เธอไม่โง่ให้ท่าทางน่าสงสารของมันหลอกเอาง่ายๆ หรอก ไม่แน่ว่าหลังจากมันหลอกให้เธอตายใจแล้ว มันอาจจะโผเข้ามาเล่นงานเธอก็ได้!
ไอ้หนู ถ้ากล้ามาตอแยเธออีก จะเชือดทิ้งเอาเนื้อมากินซะเลย!
แม้หมาจะนับได้ว่าเป็นสัตว์ที่น่ารัก แต่กู้จิ้งซึ่งกลายมาเป็นมนุษย์ถ้ำไม่มีอารมณ์จะมาเห็นอกเห็นใจใครทั้งนั้น
มีแต่คนที่กินอิ่มนอนหลับ อยู่ดีกินดีเท่านั้นถึงจะมีเวลาว่างมาเห็นใจคนอื่น
หมาสีดำตัวนั้นทำคอย่นพลางมองกู้จิ้งด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจแวบหนึ่ง พอเห็นมีดในมือของเธอ แววหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของมัน จากนั้นมันก็ทำท่าคอตกด้วยความผิดหวังก่อนจะก้มลงเลียขาหน้าของตัวเอง
เชอะ! แกเป็นหมาชัดๆ ยังจะมาทำท่าน่ารักเลียอุ้งเท้าเลียนแบบแมวอีก!
กู้จิ้งแค่นเสียงเย็นพลางหันกายเตรียมจากไป
หมาขี้อ้อนแบบนี้ จะกินเนื้อก็ทำใจไม่ได้ ช่างเถอะๆ รีบไปดีกว่า
ใครจะรู้ว่าพอกู้จิ้งก้าวเท้า หมาตัวนั้นก็แอบก้าวตามมาหลายก้าว
กู้จิ้งรีบหันขวับกลับไปด้วยความตกใจพลางยกมีดขึ้นข่มขู่
“อิ๋งๆ อิ๋งๆๆ~” เจ้าหมาส่งเสียงครางออดอ้อนอยู่ในลำคอ…
“จุ๊ๆ น้อยๆ หน่อย!” กู้จิ้งเชิดหน้ากล่าวเสียงเย็น “เรามีความแค้นล้ำลึกต่อกัน ฉันไม่มีทางหลงกลศัตรูแน่!”
เธอโบกมีดไปมาพลางค่อยๆ ก้าวถอยหลัง
รอจนกระทั่งถอยไปได้ไกลพอสมควร เธอก็ยกชายกระโปรงขึ้นแล้วออกวิ่งไปข้างหน้าสุดแรงเกิด
วิ่งไปได้ระยะหนึ่ง เห็นหมาตัวนั้นไม่ได้วิ่งตามมา เธอก็อดสงสัยไม่ได้
เจ้าหมานั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?
เธอคิดว่ามันใช้แผนแสร้งทำเป็นอ่อนแอหลอกให้เธอตายใจ แต่พอย้อนกลับไปคิดดูก็ไม่เหมือนนัก หากมันคิดจะเล่นงานเธอเพื่อแก้แค้นก็ควรฉวยโอกาสตอนที่เธอยังไม่ทันสังเกตโผเข้ามาตวัดกรงเล็บใส่เธอสิ ต้องใช้วิธีเสแสร้งแบบนี้ด้วยหรือ?
พอคิดเช่นนี้แล้วย้อนกลับไปนึกถึงท่าทางน่าสงสารของมัน เธอก็อดสงสัยไม่ได้อีก
หรือมันจะได้รับบาดเจ็บ? มีผู้หญิงดุร้ายที่ไหนโผล่ออกมาแทงมันอีกงั้นรึ? หรือมันจะถูกหมาหรือหมาป่าตัวอื่นรังแก?
ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ล้วงมีดออกมาถือไว้ในมือใหม่ก่อนจะเดินย้อนกลับเข้าไปในป่าอย่างระแวดระวัง
พอกลับไปก็พบว่าเจ้าหมาตัวนั้นยังนั่งอยู่ตรงตำแหน่งเดิม มันยังคงส่งเสียงครางหงิงๆ พลางทำคอตกอย่างน่าสงสาร
กู้จิ้งถอนใจคำหนึ่ง
เธออดคิดไม่ได้ว่าตัวเองช่างแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน บางทีอาจเป็นเพราะแข็งแกร่งเกินไปก็เลยมีจุดอ่อนถึงตายอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือใจดีเกินไป!
เธอผู้ใจดีเดินเข้าไปตะโกนใส่เจ้าหมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาหยาบกระด้าง “แกทำอะไร! ไสหัวไป!”
เจ้าหมาเงยหน้าขึ้นมองกู้จิ้งด้วยดวงตาคลอน้ำตา
เอ่อ…
กู้จิ้งเลิกคิ้วพลางแค่นยิ้มเย็น
เจ้าหมากระดิกหางอ้อน
กู้จิ้งยกมุมปากขึ้นแค่นหัวเราะคำหนึ่ง
เจ้าหมาส่งเสียงครางหงิงๆ ประจบประแจง
กู้จิ้งเชิดหน้าขึ้นส่ายหน้าพลางถอนใจ
เจ้าหมาก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างระมัดระวังก่อนจะใช้ศีรษะถูไถกับขากางเกงของเธอ
กู้จิ้งถอนใจยาวแล้วก็ถอนใจยาวอีก
“แกจะทำอะไรกันแน่!”
เจ้าหมาเงยหน้าขึ้นมองกู้จิ้งอีก ดวงตาซึ่งคลอด้วยน้ำตาของมันเต็มไปด้วยแวววิงวอน
กู้จิ้งลูบคางครุ่นคิด “แกยังจำเครื่องในที่ท่านบรรพบุรุษให้แกกินได้ใช่ไหม? กินแล้วติดใจ กินแล้วอยากกินอีก ไม่อยากจากไปใช่ไหมล่ะ?”
เจ้าหมาส่งเสียงครางหงิงๆ เหมือนจะบอกว่าใช่
กู้จิ้งทอดถอนใจอีกอย่างอดไม่ได้ เธอทอดถอนใจที่ตัวเองกลายมาเป็นมนุษย์ถ้ำแล้วแต่ยังมีความเห็นอกเห็นใจอยู่เต็มเปี่ยม เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนจิตใจดีมากจริงๆ!
เจ้าหมานี่มาเจอเธอ ถือว่ามันทำบุญมาแปดชาติ
“แกตามฉันกลับบ้านได้ แต่ต้องรับปากว่าจะไม่ทำร้ายฉัน ไม่คิดแก้แค้นฉันอีก!”
เจ้าหมาส่งเสียงร้องอิ๋งๆ พลางกระดิกหาง สีหน้าบอกชัดว่ากำลังประจบประแจง
กู้จิ้งหัวเราะฮ่าๆ “ตามฉันกลับไปเถอะ เราไปหาท่านบรรพบุรุษกัน”
เธอเก็บเห็ดได้มากพอแล้ว กำลังจะไปดูอยู่พอดีว่าผลชื่อเพ่าที่ท่านบรรพบุรุษเก็บมาอร่อยไหม
กู้จิ้งถือตะกร้าเห็ดเดินนำหน้า ส่วนเจ้าหมาวิ่งกระดิกหางตามหลัง ไม่นานนักก็พบกับเซียวเถี่ยเฟิง เธอชิมผลชื่อเพ่าในมือของเขาดูก่อน พบว่าอร่อยมาก กำลังจะอ้าปากเล่าเรื่องของเจ้าหมาให้เขาฟัง แต่พอหันกลับไปก็พบว่ามันหายไปเสียแล้ว
“ทำไม เจ้าดูอะไรหรือ?”
กู้จิ้งแบมือ “ดูอากาศ~”
เจ้าหมาจอมหลอกลวง ฮึๆ~เจ้าหมาสมควรตาย
กลับไปถึงหน้าถ้ำ กู้จิ้งทรุดกายลงนั่งยองๆ เลือกเห็ดอยู่ตรงหน้าเตา เห็ดเหล่านี้บางส่วนสามารถกินได้ทันที แต่บางส่วนที่กินไม่หมดต้องเอาไปตากแดดให้แห้ง
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นท่านบรรพบุรุษกำลังเหวี่ยงขวานผ่าฟืนอยู่ แผ่นหลังซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายสุดเซ็กซี่ ฮอร์โมนเพศชายที่สัมผัสได้ทำให้ขาของเธออ่อนปวกเปียกไปหมด
เธอยืนชื่นชมอยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง รอจนกระทั่งเซียวเถี่ยเฟิงวางขวานในมือลงถึงได้วิ่งไปหา
“เหนื่อยมากสินะ?”
“ไม่เป็นไร” ท่านบรรพบุรุษเองก็เหมือนกับคนตระกูลเซียวคนอื่นๆ ที่มีความอดทน สามารถทำงานหนักได้โดยไม่ปริปากบ่น
กู้จิ้งรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้ “ท่านบรรพบุรุษเช็ดเหงื่อก่อน”
ท่านบรรพบุรุษพยักหน้า เขาเช็ดเหงื่อไปพลางวางแผนไปพลาง “อากาศเย็นลงเรื่อยๆ เจ้าไม่ต้องไปอาบน้ำเย็นที่ลำธารด้านนอกแล้ว ข้าเพิ่งต้มน้ำ อีกเดี๋ยวจะเทใส่ถังไม้เอาไว้ รอกินข้าวเสร็จเจ้าก็ไปอาบได้พอดี เมื่อครู่ข้ายังหาเวลาไปจับปลามาได้หลายตัว เดี๋ยวข้าจะฆ่ามัน คืนนี้เราย่างปลากินกัน กระเพาะปลาที่ได้มาก็เอามาเคี่ยวกาวทำธนูได้พอดี”
กู้จิ้งรู้อยู่แล้วว่าหลายวันมานี้เขาตั้งหน้าตั้งตาเหลาไม้ทำคันธนู ตอนนี้ก็ยังจะเคี่ยวกาว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องเคี่ยวกาวอะไรนี่จะทำให้เธอได้มีปลาย่างกิน กู้จิ้งยืดคอไปมองก็พบว่าบนเตากำลังต้มน้ำอยู่ ส่วนในตะกร้าก็มีปลาหลีฮื้อหลายตัวกำลังดิ้นไปมา เธอดีใจมาก “ท่านบรรพบุรุษช่างใส่ใจจริงๆ!”
เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเธอเรียกบรรพบุรุษไม่หยุดปากก็อดสงสัยไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ไหนแต่ไรเธอก็ชอบพูดภาษาปีศาจ บางครั้งก็มีถ้อยคำแปลกๆ หลุดออกมาบ่อยๆ บางทีนี่อาจจะเป็นถ้อยคำแสดงความรักที่พวกปีศาจใช้เรียกสามีก็เป็นได้?
กำลังคิดอยู่ก็เหลือบไปเห็นหมาตัวหนึ่งกำลังจ้องปลาอยู่พอดี
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วรีบขยับไปขวางหน้ากู้จิ้งเอาไว้ “ระวังตัวด้วย อย่าให้มันทำร้ายเจ้าได้”
กล่าวจบเขาก็มองหมาตัวนั้นด้วยสายตาหวาดระแวงพลางกล่าวเสียงเย็นชา “บอกให้เจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงกลับมาที่นี่อีก?”
กู้จิ้งเห็นเขาตะคอกใส่หมาตัวนั้นก็แทบจะทนดูไม่ได้
เจ้าหมาที่น่าสงสาร! ถึงมันจะชอบหลอกลวงผู้คนก็เถอะ
“เฮ้อ… ทำไมนายถึงต้องทำท่าดุใส่ชีวิตน้อยๆ ที่แสนน่ารักแบบนี้ด้วย? ดูสิว่ามันน่าสงสารแค่ไหน คงไม่มีบ้านให้กลับสินะ? เรารับเลี้ยงมันเอาไว้ดีไหม?”
—————————————-
[1] ราสเบอรี่